บทที่ 106 เรื่องปลอมใบตั้งครรภ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

คำพูดของซูซีทำเอาหลินจือหลุดขำออกมา เธอพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็หัวเราะเยาะออกมา จนซูซีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เธอก็ถึงได้หยุด

หลินจือมองไปยังซูซีอดไม่ได้ที่จะพูดส่อเสียดว่า“ซูซี ตอนนั้นเธอเอาแต่ประโคมข่าวเรื่องรักๆใคร่ๆกับเทาเท่ และเธอยังปลอมภาพอัลตราซาวนด์เพื่อทำลายชีวิตแต่งงานของฉันกับเทาเท่ ฉันยังไม่เคยจะไปหาเรื่องอะไรเธอเลย?”

การแต่งหน้าของหลินจือวันนี้ค่อนข้างเข้มจัด ในตอนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าของซูซีแล้วพูดคำเหล่านี้ มันทำให้ซูซีรู้สึกหวาดกลัวมาก

เธอมองหลินจือเป็นเพียงคนไม่มีตัวตนมาโดยตลอด แล้วยังคิดว่าเธอขี้ขลาดจนสามารถจะรังแกเธอได้ตามอำเภอใจ

แต่ในตอนนี้ เธอถูกพลังบางอย่างของหลินจือทำเอาหวาดกลัว

“นี่เธอ——”ซูซียกนิ้วชี้ไปที่หลินจืออย่างพูดไม่ออก หัวไหล่สั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะความโกรธที่กักเก็บเอาไว้

คำพูดของหลินจือนั้นกระแทกเข้ากลางใจเธออย่างจัง ทำเธอตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ใช่ ในตอนแรกเธอไม่สนใจอะไรเลยเพียงเพื่อจะทำลายชีวิตแต่งงานของหลินจือกับเทาเท่ จงใจสร้างปัญหาให้หลินจือ ไม่คิดว่าวันหนึ่งเธอจะถูกหลินจือย้อนเกล็ดเข้าให้

หลินจือก็พูดต่อว่า “ตอนนั้นเธอทำเรื่องแย่ๆไว้มาก และตั้งแต่ต้นจนจบของฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย ”

“ฉันเคยพูดชี้แจงกับเธอไปหลายครั้งแล้ว ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับเทาเท่มีแค่เรื่องงานเท่านั้น”

หลินจือชี้แจงจนเหนื่อยแล้ว ชี้แจงกับซูซี แล้วยังอธิบายกับพินอินอีก ต่อหน้าวีนาก็เคยแสดงจุดยืนของตัวเองไปแล้ว

แต่พวกเขาต่างก็ไม่เชื่อ ราวกับเทาเท่เป็นหนุ่มเนื้อหอมยังไงอย่างนั้น

อันที่จริงแล้ว เธอเองก็เคยคลั่งไคล้ในความเนื้อหอมนี้มาก่อน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว

เธอมองไปที่ซูซีอย่างเย็นชาและพูดว่า“เพราะเด็กหนุ่มหรือหนุ่มใหญ่ไม่น่าสนใจเท่า ? หรือเพราะงานเขียนบทของฉันมันน่าเบื่อ ? ทำไมฉันต้องกลับไปกินของเก่าอย่างเทาเท่ด้วย?”

“ด้วยความเคารพ การที่เธอชอบกลับไปกินของเก่า มันไม่ได้หมายความว่าคนอื่นเขาจะชอบเหมือนเธอนะ”

ทันทีที่คำพูดนี้ของเธอหลุดออกมา มันก็เต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเทาเท่ และการที่เธอรังเกียจเทาเท่ ก็เท่ากับกำลังหัวเราะเยาะทางเลือกของซูซี ซูซีโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้

ในจังหวะที่ซูซีอยากจะเข้าไปดึงทึ้งใบหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาของหลินจือนี้ ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกใครบางคนเปิดมันออกอย่างแรง

หลินจือกับซูซีช้อนตาขึ้นมองไปพร้อมกัน ก็เห็นเทาเท่ที่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าที่เย็นชา

สองขาซูซีอ่อนแรงจนแทบจะล้มไปกองกับพื้น ในขณะที่หลินจือมีท่าทีที่เรียบเฉยและยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน

มองดูท่าทางของเทาเท่ที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะได้ยินเรื่องที่เธอคุยกับซูซีเมื่อครู่ โดยเฉพาะเรื่องปลอมใบตั้งครรภ์

หลินจือไม่เคยคิดจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเทาเท่ และไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ได้ด้วยวิธีแบบนี้

กระดาษห่อไฟไม่ได้ ซูซีทำเรื่องพวกนี้ลงไป ก็ควรชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ

เพราะเป็นห้องน้ำผู้หญิง ดังนั้นเทาเท่ก็จึงไม่ได้เดินเข้ามา

เขายืนอยู่ที่หน้าประตู จ้องมองซูซีด้วยร่างกายที่มีไอเย็นแผ่ซ่าน“ ปลอมภาพอัลตราซาวด์ มันหมายความว่ายังไง?”

ร่างกายของซูซีสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เครื่องสำอางบนใบหน้าที่เลอะอยู่แล้ว ในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าซีดเผือดหนักขึ้นไปอีก และนั้นก็ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อหลินจือเห็นก็อยากที่จะหลบออกไปก่อน เพราะยังไงก็เป็นผลไม้พิษที่ซูซีปลูกมันขึ้นเอง ซูซีกับเทาเท่อธิบายกันเองก็พอ

ใครจะไปรู้ว่าพอเธอเดินมาถึงที่ประตู เทาเท่ก็คว้าตัวเธอแล้วดึงกลับไป อีกทั้งก็ยังถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า“คุณจะไปไหน?”

หลินจือขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคงจะโกรธมากจริงๆ มือที่คว้าตัวเธอทำเอาแขนเธอรู้สึกเจ็บไปด้วย

เธอดิ้นอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า“ ประธานเทาเท่ นี่มันเป็นเรื่องของคุณสองคน ฉันคิดว่าหากฉันอยู่ด้วยมันคงไม่เหมาะ”

มือเทาเท่ที่จับเธออยู่ก็เพิ่มแรงขึ้นอีกเล็กน้อย น้ำเสียงก็เข้มขึ้นอีก“ เรื่องของเราสองคน ? เธอปลอมใบตั้งครรภ์เพื่อทำลายชีวิตแต่งงานของเรา คุณบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับคุณงั้นเหรอ ?”

เทาเท่ไม่คิดว่าเขาจะมาได้ยินบทสนทนาแบบนี้ เดิมทีเขามาหาหลินจือ อยากจะขอโทษเธอที่เขาพูดว่าเธอเรียกร้องความสนใจ

แต่ยังไม่ทันได้รอให้หลินจือเดินออกมา ก็เห็นซูซีเดินเข้าห้องน้ำไปแทน

เทาเท่คิดถึงความเคียดแค้นของซูซีที่มีต่อหลินจือ ดังนั้นก็จึงยืนรออยู่ที่หน้าประตูเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ซูซีสร้างปัญหาอะไรอีก

แต่แล้วก็มาได้ยินคำพูดพวกนี้ เขาทั้งตกใจและโกรธมาก

เขาไม่เคยเข้าใจ ว่าทำไมตอนนั้นหลินจือจึงมุ่งมั่นที่จะหย่ากับเขาอย่างมาก ที่แท้แล้วเบื้องลึกเบื้องหลังก็เพราะฝีมือซูซีนี่เอง

หลินจือพูดอย่างเฉยเมย“ไม่ว่าเธอจะเป็นคนทำลายมันหรือไม่ ตอนนี้เราก็หย่ากันแล้ว เรื่องนี้เธอต้องอธิบายกับคุณเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ”

หลินจือพูดจบก็พยายามที่จะดึงมือออก เทาเท่กัดฟันและพูดว่า“คุณรู้เรื่องนี้อยู่แต่แรกแล้ว ทำไมถึงไม่บอกผม?”

หลินจือเม้มริมฝีปากและมองดูเขาอย่างเงียบๆอยู่สักพัก จากนั้นก็สะบัดมือเขาทิ้ง จากไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่โดยไม่หันกลับมามองอีก

ทำไมเธอต้องบอกเขาด้วย ?

แล้วทำไมเธอต้องมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ?

เพราะสาเหตุในการหย่าของพวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับซูซีเลย

แต่ดูเหมือนเทาเท่จะไม่เข้าใจอะไรเลย ราวกับกำลังกล่าวโทษว่าเหตุผลของการหย่านั้นเป็นเพราะเรื่องไร้สาระพวกนี้

นี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่าเธอทำไมต้องออกแรงสะบัดเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเทาเท่ เพราะเขาทำเธอโกรธ

เทาเท่ย่อมรู้สึกได้ถึงความโกรธของหลินจือ แต่เขาก็รู้สึกแปลกๆ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซักไซ้ไล่เลียง สายตาที่เย็นชาของเขาจ้องมองไปยังซูซีที่กำลังร้อนรนกระวนกระวาย พูดออกไปอย่างเย็นชาคำหนึ่งว่า“พูด!”

ซูซีรู้ตัวดีว่าคงไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นก็จึงทำใจให้นิ่งสงบ

เธอคลายริมฝีปากที่กัดมันแน่นออก และยอมรับออกไปตรงๆว่า“ ใช่ ฉันเคยทำเรื่องพวกนี้จริง ”

“แต่นั่นเป็นคำแนะนำของพินอิน ตอนนั้นเธอท้องไม่ใช่เหรอ? ฉันพาเธอไปทำแท้งที่โรงพยาบาล เธอบอกว่าไม่สู้ปลอมภาพอัลตราซาวนด์ แล้วส่งมาเย้าแหย่หลินจือ”

“เธอบอกว่าคุณปู่คุณในตอนนั้นเร่งให้คุณมีลูกกับหลินจือ หลินจือก็คงกังวลมากกับเรื่องท้อง ดังนั้นก็เลยเกิดใบตั้งครรภ์ปลอมนั้นขึ้นมา”

ซูซียอมรับทุกอย่าง แต่เธอโยนความผิดให้พินอินทั้งหมด

หลังจากที่ฟังจบอกของเทาเท่ก็แทบจะระเบิด ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำของใคร แต่น้องสาวตัวดีของเขาก็มีเอี่ยวในเรื่องนี้

สำหรับพินอิน แม้เขาจะไม่ชอบพฤติกรรมของน้องสาวคนนี้เท่าไร แต่โดยทั่วไปแล้วก็ปกป้องและดูแลเธออย่างดีมาตลอด พยายามให้ชีวิตที่มั่นคงและไร้กังวลกับเธอ

เมื่อก่อนเธอเอาแต่ดูถูกหลินจืออยู่ตลอด และเคยหาเรื่องหลินจือ เขาก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้วปล่อยเธอไป

แต่เขาไม่คิดว่า พินอินจะทำเรื่องที่ไร้ความยั้งคิดแบบนี้ได้

ซูซีด้วยอีกคน ความคิดความอ่านของเธอนี่ช่าง——

เทาเท่ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ในขณะนี้ ในตอนนั้นที่เธอคบหากับซูซี สิ่งที่มองเห็นคือความเอื้ออาทรเข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเอง

ตอนนั้นที่ซูซีตัดสินใจเลิกกับเขา บอกว่าเธอต้องการจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ไม่อยากจะพึ่งพาอาศัยเขา และพ่อของเธอ

ดังนั้นตอนที่ซูซีก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ก็ได้ปิดบังเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวของเบลซ

หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆมีชื่อเสียง ก็ถึงได้ถูกขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ออกมา

เขาในตอนนั้นยังรู้สึกชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ของซูซี อีกทั้งเธอยังเจียมตัวไม่โอ้อวดภูมิหลังของตัวเอง ซึ่งมันทำเขามองหลินจือขัดหูขัดตาอยู่เป็นนานสองนาน