คำพูดของซูซีทำเอาหลินจือหลุดขำออกมา เธอพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็หัวเราะเยาะออกมา จนซูซีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เธอก็ถึงได้หยุด
หลินจือมองไปยังซูซีอดไม่ได้ที่จะพูดส่อเสียดว่า“ซูซี ตอนนั้นเธอเอาแต่ประโคมข่าวเรื่องรักๆใคร่ๆกับเทาเท่ และเธอยังปลอมภาพอัลตราซาวนด์เพื่อทำลายชีวิตแต่งงานของฉันกับเทาเท่ ฉันยังไม่เคยจะไปหาเรื่องอะไรเธอเลย?”
การแต่งหน้าของหลินจือวันนี้ค่อนข้างเข้มจัด ในตอนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าของซูซีแล้วพูดคำเหล่านี้ มันทำให้ซูซีรู้สึกหวาดกลัวมาก
เธอมองหลินจือเป็นเพียงคนไม่มีตัวตนมาโดยตลอด แล้วยังคิดว่าเธอขี้ขลาดจนสามารถจะรังแกเธอได้ตามอำเภอใจ
แต่ในตอนนี้ เธอถูกพลังบางอย่างของหลินจือทำเอาหวาดกลัว
“นี่เธอ——”ซูซียกนิ้วชี้ไปที่หลินจืออย่างพูดไม่ออก หัวไหล่สั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะความโกรธที่กักเก็บเอาไว้
คำพูดของหลินจือนั้นกระแทกเข้ากลางใจเธออย่างจัง ทำเธอตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ใช่ ในตอนแรกเธอไม่สนใจอะไรเลยเพียงเพื่อจะทำลายชีวิตแต่งงานของหลินจือกับเทาเท่ จงใจสร้างปัญหาให้หลินจือ ไม่คิดว่าวันหนึ่งเธอจะถูกหลินจือย้อนเกล็ดเข้าให้
หลินจือก็พูดต่อว่า “ตอนนั้นเธอทำเรื่องแย่ๆไว้มาก และตั้งแต่ต้นจนจบของฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย ”
“ฉันเคยพูดชี้แจงกับเธอไปหลายครั้งแล้ว ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับเทาเท่มีแค่เรื่องงานเท่านั้น”
หลินจือชี้แจงจนเหนื่อยแล้ว ชี้แจงกับซูซี แล้วยังอธิบายกับพินอินอีก ต่อหน้าวีนาก็เคยแสดงจุดยืนของตัวเองไปแล้ว
แต่พวกเขาต่างก็ไม่เชื่อ ราวกับเทาเท่เป็นหนุ่มเนื้อหอมยังไงอย่างนั้น
อันที่จริงแล้ว เธอเองก็เคยคลั่งไคล้ในความเนื้อหอมนี้มาก่อน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
เธอมองไปที่ซูซีอย่างเย็นชาและพูดว่า“เพราะเด็กหนุ่มหรือหนุ่มใหญ่ไม่น่าสนใจเท่า ? หรือเพราะงานเขียนบทของฉันมันน่าเบื่อ ? ทำไมฉันต้องกลับไปกินของเก่าอย่างเทาเท่ด้วย?”
“ด้วยความเคารพ การที่เธอชอบกลับไปกินของเก่า มันไม่ได้หมายความว่าคนอื่นเขาจะชอบเหมือนเธอนะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ของเธอหลุดออกมา มันก็เต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเทาเท่ และการที่เธอรังเกียจเทาเท่ ก็เท่ากับกำลังหัวเราะเยาะทางเลือกของซูซี ซูซีโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ในจังหวะที่ซูซีอยากจะเข้าไปดึงทึ้งใบหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาของหลินจือนี้ ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกใครบางคนเปิดมันออกอย่างแรง
หลินจือกับซูซีช้อนตาขึ้นมองไปพร้อมกัน ก็เห็นเทาเท่ที่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าที่เย็นชา
สองขาซูซีอ่อนแรงจนแทบจะล้มไปกองกับพื้น ในขณะที่หลินจือมีท่าทีที่เรียบเฉยและยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
มองดูท่าทางของเทาเท่ที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะได้ยินเรื่องที่เธอคุยกับซูซีเมื่อครู่ โดยเฉพาะเรื่องปลอมใบตั้งครรภ์
หลินจือไม่เคยคิดจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเทาเท่ และไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ได้ด้วยวิธีแบบนี้
กระดาษห่อไฟไม่ได้ ซูซีทำเรื่องพวกนี้ลงไป ก็ควรชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ
เพราะเป็นห้องน้ำผู้หญิง ดังนั้นเทาเท่ก็จึงไม่ได้เดินเข้ามา
เขายืนอยู่ที่หน้าประตู จ้องมองซูซีด้วยร่างกายที่มีไอเย็นแผ่ซ่าน“ ปลอมภาพอัลตราซาวด์ มันหมายความว่ายังไง?”
ร่างกายของซูซีสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เครื่องสำอางบนใบหน้าที่เลอะอยู่แล้ว ในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าซีดเผือดหนักขึ้นไปอีก และนั้นก็ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อหลินจือเห็นก็อยากที่จะหลบออกไปก่อน เพราะยังไงก็เป็นผลไม้พิษที่ซูซีปลูกมันขึ้นเอง ซูซีกับเทาเท่อธิบายกันเองก็พอ
ใครจะไปรู้ว่าพอเธอเดินมาถึงที่ประตู เทาเท่ก็คว้าตัวเธอแล้วดึงกลับไป อีกทั้งก็ยังถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า“คุณจะไปไหน?”
หลินจือขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคงจะโกรธมากจริงๆ มือที่คว้าตัวเธอทำเอาแขนเธอรู้สึกเจ็บไปด้วย
เธอดิ้นอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า“ ประธานเทาเท่ นี่มันเป็นเรื่องของคุณสองคน ฉันคิดว่าหากฉันอยู่ด้วยมันคงไม่เหมาะ”
มือเทาเท่ที่จับเธออยู่ก็เพิ่มแรงขึ้นอีกเล็กน้อย น้ำเสียงก็เข้มขึ้นอีก“ เรื่องของเราสองคน ? เธอปลอมใบตั้งครรภ์เพื่อทำลายชีวิตแต่งงานของเรา คุณบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับคุณงั้นเหรอ ?”
เทาเท่ไม่คิดว่าเขาจะมาได้ยินบทสนทนาแบบนี้ เดิมทีเขามาหาหลินจือ อยากจะขอโทษเธอที่เขาพูดว่าเธอเรียกร้องความสนใจ
แต่ยังไม่ทันได้รอให้หลินจือเดินออกมา ก็เห็นซูซีเดินเข้าห้องน้ำไปแทน
เทาเท่คิดถึงความเคียดแค้นของซูซีที่มีต่อหลินจือ ดังนั้นก็จึงยืนรออยู่ที่หน้าประตูเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ซูซีสร้างปัญหาอะไรอีก
แต่แล้วก็มาได้ยินคำพูดพวกนี้ เขาทั้งตกใจและโกรธมาก
เขาไม่เคยเข้าใจ ว่าทำไมตอนนั้นหลินจือจึงมุ่งมั่นที่จะหย่ากับเขาอย่างมาก ที่แท้แล้วเบื้องลึกเบื้องหลังก็เพราะฝีมือซูซีนี่เอง
หลินจือพูดอย่างเฉยเมย“ไม่ว่าเธอจะเป็นคนทำลายมันหรือไม่ ตอนนี้เราก็หย่ากันแล้ว เรื่องนี้เธอต้องอธิบายกับคุณเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ”
หลินจือพูดจบก็พยายามที่จะดึงมือออก เทาเท่กัดฟันและพูดว่า“คุณรู้เรื่องนี้อยู่แต่แรกแล้ว ทำไมถึงไม่บอกผม?”
หลินจือเม้มริมฝีปากและมองดูเขาอย่างเงียบๆอยู่สักพัก จากนั้นก็สะบัดมือเขาทิ้ง จากไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่โดยไม่หันกลับมามองอีก
ทำไมเธอต้องบอกเขาด้วย ?
แล้วทำไมเธอต้องมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ?
เพราะสาเหตุในการหย่าของพวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับซูซีเลย
แต่ดูเหมือนเทาเท่จะไม่เข้าใจอะไรเลย ราวกับกำลังกล่าวโทษว่าเหตุผลของการหย่านั้นเป็นเพราะเรื่องไร้สาระพวกนี้
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่าเธอทำไมต้องออกแรงสะบัดเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเทาเท่ เพราะเขาทำเธอโกรธ
เทาเท่ย่อมรู้สึกได้ถึงความโกรธของหลินจือ แต่เขาก็รู้สึกแปลกๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซักไซ้ไล่เลียง สายตาที่เย็นชาของเขาจ้องมองไปยังซูซีที่กำลังร้อนรนกระวนกระวาย พูดออกไปอย่างเย็นชาคำหนึ่งว่า“พูด!”
ซูซีรู้ตัวดีว่าคงไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นก็จึงทำใจให้นิ่งสงบ
เธอคลายริมฝีปากที่กัดมันแน่นออก และยอมรับออกไปตรงๆว่า“ ใช่ ฉันเคยทำเรื่องพวกนี้จริง ”
“แต่นั่นเป็นคำแนะนำของพินอิน ตอนนั้นเธอท้องไม่ใช่เหรอ? ฉันพาเธอไปทำแท้งที่โรงพยาบาล เธอบอกว่าไม่สู้ปลอมภาพอัลตราซาวนด์ แล้วส่งมาเย้าแหย่หลินจือ”
“เธอบอกว่าคุณปู่คุณในตอนนั้นเร่งให้คุณมีลูกกับหลินจือ หลินจือก็คงกังวลมากกับเรื่องท้อง ดังนั้นก็เลยเกิดใบตั้งครรภ์ปลอมนั้นขึ้นมา”
ซูซียอมรับทุกอย่าง แต่เธอโยนความผิดให้พินอินทั้งหมด
หลังจากที่ฟังจบอกของเทาเท่ก็แทบจะระเบิด ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำของใคร แต่น้องสาวตัวดีของเขาก็มีเอี่ยวในเรื่องนี้
สำหรับพินอิน แม้เขาจะไม่ชอบพฤติกรรมของน้องสาวคนนี้เท่าไร แต่โดยทั่วไปแล้วก็ปกป้องและดูแลเธออย่างดีมาตลอด พยายามให้ชีวิตที่มั่นคงและไร้กังวลกับเธอ
เมื่อก่อนเธอเอาแต่ดูถูกหลินจืออยู่ตลอด และเคยหาเรื่องหลินจือ เขาก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้วปล่อยเธอไป
แต่เขาไม่คิดว่า พินอินจะทำเรื่องที่ไร้ความยั้งคิดแบบนี้ได้
ซูซีด้วยอีกคน ความคิดความอ่านของเธอนี่ช่าง——
เทาเท่ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ในขณะนี้ ในตอนนั้นที่เธอคบหากับซูซี สิ่งที่มองเห็นคือความเอื้ออาทรเข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเอง
ตอนนั้นที่ซูซีตัดสินใจเลิกกับเขา บอกว่าเธอต้องการจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ไม่อยากจะพึ่งพาอาศัยเขา และพ่อของเธอ
ดังนั้นตอนที่ซูซีก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ก็ได้ปิดบังเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวของเบลซ
หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆมีชื่อเสียง ก็ถึงได้ถูกขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ออกมา
เขาในตอนนั้นยังรู้สึกชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ของซูซี อีกทั้งเธอยังเจียมตัวไม่โอ้อวดภูมิหลังของตัวเอง ซึ่งมันทำเขามองหลินจือขัดหูขัดตาอยู่เป็นนานสองนาน