ตอนที่ 435 พักฟื้น
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บจนต้องขมวดคิ้วของนางแล้วเขาก็อดปวดใจมิได้ “เอาล่ะ มิต้องหลบแล้ว” ในขณะที่กล่าวออกไปเขาก็รู้สึกสงสารนางมิน้อย
นางพยายามบังคับตนเองมิให้สบตาเขา จากนั้นได้ยินเสียงของเขาเอ่ยขึ้นมา “ข้ารู้ว่าครั้งนี้ลำบากเจ้าแล้ว ข้าทำให้เจ้าต้องมา…” เขากล่าวออกมาได้เพียงเท่านั้นก็มิรู้ว่าควรเอ่ยสิ่งใดต่อดี
“จวินฮาน…” ตอนนี้นางมิรู้ว่าควรหาคำไหนมาบรรยายความรู้สึกได้ นางจึงทำเพียงเงยหน้ามองเขา มู่จวินฮานก็เข้าใจในสิ่งที่นางคิด เขาจึงเดินไปที่เบื้องหน้าของนาง “ข้าอยากทำอันใดเพื่อต้าโจวบ้างเหมือนกันเจ้าค่ะ”
นิสัยมุ่งมั่นของอันหลิงเกอทำให้นางเป็นคนมิยอมแพ้ แต่ท่าทางเช่นนี้ของนางทำให้มู่จวินฮานใจสั่นมิน้อย
เขาลูบผมของนางพลางเอ่ยปลอบเบา ๆ “เจ้าวางใจเถิด ข้าจักสืบเรื่องโรคระบาดและจัดการให้เรียบร้อยเอง”
ท่านอ๋องผู้แสนเย็นชา บัดนี้เอ่ยถ้อยคำนุ่มนวลถึงเพียงนี้จึงทำให้นางเบิกตากว้างพร้อมทำสีหน้าเหลือเชื่อออกมา นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “อ่อนโยนเช่นนี้ท่านคือมู่จวินฮานตัวจริงหรือไม่?”
เขาพยายามเม้มปากกลั้นยิ้มและมิได้รู้สึกโกรธเลย “เจ้าพักผ่อนให้มากเถิด ครั้งนี้พิษหนอนกู่กำเริบรุนแรงยิ่งนัก ดังนั้นเจ้าต้องพักผ่อนให้เพียงพอและหากมีเรื่องอันใดก็สั่งให้บ่าวไปทำ ข้าก็จักคอยมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าให้บ่อยขึ้น”
นางพยักหน้ารับ มิคิดว่ามู่จวินฮานจักดีกับนางมากเพียงนี้ เป็นเพราะนางบาดเจ็บหรือไม่ ?
ทว่าเมื่อมู่จวินฮานที่เป็นท่านอ๋องกล่าวเพียงนี้แล้ว อันหลิงเกอจึงมิดื้อดึงลุกขึ้นอีก วันทั้งวันนางจึงนอนอยู่บนเตียงและอาหารสามมื้อก็มีปี้จูคอยป้อนมิขาดตกบกพร่อง
บาดแผลบริเวณข้อมือค่อนข้างลึก มู่จวินฮานจึงส่งยาสมานแผลมากมายมาให้พร้อมกำชับปี้จูให้ช่วยทายาทุกวัน ทั้งยังสั่งท่านหมอมาตรวจอาการแทบทุกวันอีกด้วยและตัวเขาเองก็มาคอยอยู่เป็นเพื่อนนางตลอดเช่นกัน
นางนอนอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่ายแล้วเอียงคอถามปี้จู “เหตุใดช่วงนี้ในจวนจึงเงียบสงบนัก ? อวี๋หมิงหลันมิได้ก่อเรื่องเลยหรือ ? หลิงอวี่หนิงก็มิโผล่หน้ามาเลย”
นางป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงมิสามารถขยับมากได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงนอนเบื่ออยู่แต่ในห้องเช่นนี้
ปี้จูก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะ ปกติแล้วถ้าพระชายามีความเคลื่อนไหวแม้เพียงน้อยนิด เช่อเฟยทั้งสองต้องรีบมาหาท่านแล้ว ทว่าครั้งนี้มิเยียบย่างเข้ามาที่เรือนของเราเลยเจ้าค่ะ”
พอนึกถึงอวี๋หมิงหลันแล้วปี้จูก็อดถอนหายใจมิได้ “ตั้งแต่ท่านและท่านอ๋องไปจัดการเรื่องโรคระบาดและท่านอ๋องต้องอยู่ในวังทั้งวัน อวี๋หมิงหลันผู้นั้นก็ไร้ความเคลื่อนไหวใดอีก ทว่าก่อนหน้านี้ท่านทั้งสองอยู่ในจวนนางกลับมาที่เรือนเราทุกวันเจ้าค่ะ”
เมื่ออันหลิงเกอได้ยินก็หัวเราะออกมาเบา ๆ นางรู้ดีว่าเป้าหมายของอวี๋หมิงหลันคือมู่จวินฮาน เมื่อเขามิอยู่จวน อวี๋หมิงหลันย่อมมิมาที่เรือนนางอยู่แล้ว
“เจ้าไปตามหมิงซินมาที” นางบอกปี้จู ก่อนหน้านี้นางให้หมิงซินไปคอยจับตามองหลิงอวี่หนิง มิรู้ว่าได้เรื่องอันใดที่น่าสนใจมาบ้างหรือไม่
หมิงซินกลับมาดูแลอันหลิงเกอที่จวนแล้ว อันหลิงเกอก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกังวลว่าเจ้านายจักได้รับบาดเจ็บนั่นเอง
เพียงครู่เดียวปี้จูก็พาหมิงซินเข้ามาในห้อง หลังจากเห็นอันหลิงเกอนอนอยู่บนเตียง นางก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่จักเก็บอารมณ์เอาไว้ “มิทราบว่าพระชายาเรียกบ่าวมา มีเรื่องอันใดต้องการสั่งเจ้าคะ ? ”
“ข้าแค่อยากถามว่าก่อนหน้านี้ให้เจ้าไปจับตาดูหลิงอวี่หนิง เจ้าพบอันใดผิดสังเกตบ้างหรือไม่ ? ” อันหลิงเกอถามขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าตอนนี้หลิงอวี่หนิงเงียบจนน่ากลัว
หมิงซินส่ายหน้า “เรียนพระชายา ช่วงนี้บิดาของเช่อเฟยมารับตัวกลับจวนจึงมิมีความเคลื่อนไหวใดเจ้าค่ะ”
ฟังแล้วหลิงอวี่หนิงก็มิได้มีสิ่งใดผิดปกติ อีกทั้งการใช้ชีวิตก็ซ้ำซากจำเจจนอันหลิงเกอหมดอารมณ์ฟังต่อ
“อวี๋หมิงหลันเป็นอย่างไร ? ข้ากลับมาตั้งหลายวันแล้วเหตุใดยังมิเห็นนางมาที่เรือนเลย” นางถามออกมาอย่างสงสัยเพราะอวี๋หมิงหลันก็ดูแปลกไป
หมิงซินหัวเราะออกมาเบา ๆ “พระชายาได้แต่พักฟื้นอยู่ในห้องจึงมิรู้เรื่องราวภายนอก ดังนั้นจึงมีเรื่องสงสัยมากมายเช่นนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
อันหลิงเกอถึงขั้นตกตะลึง มิรู้ว่าหมิงซินเอ่ยถึงเรื่องใดกันแน่ นางจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หมิงซิน เจ้ารีบบอกข้าสิว่าข้างนอกเกิดอันใดขึ้นบ้าง”
“พระชายาไปช่วยจัดการเรื่องความอดอยากหลายครั้ง ราษฎรต่างก็ยกย่องว่าท่านเหมาะสมที่ได้เป็นพระชายาเจ้าค่ะ” หมิงซินเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ของอันหลิงเกอก็รีบอธิบายทันที
อันหลิงเกอพยักหน้าอย่างเนือย ๆ “ข้าเป็นพระชายาของเขา ทำเรื่องเช่นนี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว”
“ที่สำคัญกว่านั้นคือหลังจากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมานั้นก็ชมพระชายาว่าทั้งฉลาดและกล้าหาญอีกด้วยเจ้าค่ะ” หมิงซินได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา มิรู้ว่าเหตุใดพระชายาของตนถึงได้มีความรู้สึกช้าเยี่ยงนี้
แต่อันหลิงเกอมิคิดเช่นนั้นเพราะการที่ฮ่องเต้ได้พระสติก็ถือเป็นเรื่องดี มู่จวินฮานก็จักได้รู้เสียทีว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
ทว่าความสงบที่เกิดขึ้นในจวนเช่นนี้ช่างหาได้ยาก อันหลิงเกออดมองไปทางเรือนของอวี๋หมิงหลันมิได้
เหตุใดจึงสงบเพียงนี้ ?
เปลี่ยนนิสัยแล้วอย่างนั้นหรือ ?
นางคิดแล้วก็ส่ายหน้า ความสงบเช่นนี้นางชื่นชอบมิน้อยเลย
ขณะนั้นเองปี้จูก็วิ่งเข้ามาอย่างดีใจ
อันหลิงเกอได้ยินเสียงฝีเท้าของปี้จูก็อดยิ้มออกมามิได้ “เด็กคนนี้ หากผู้ใดมิรู้คงคิดว่ามีคนวิ่งตามเจ้ามาแน่ มีคุณชายบ้านไหนตามเจ้ามาหรือ ? ”
ปี้จูมิรู้ว่าตนหน้าแดงเพราะเมื่อครู่รีบวิ่งมาหรือเพราะอายกันแน่ ดวงตาเปล่งประกายของนางมองอันหลิงเกอที่อยู่ตรงหน้าราวกับอายที่โดนหยอกล้อ นางก้มหน้าแล้วกล่าวออกมา “พระชายา…”
อันหลิงเกอเห็นสีหน้าของนางก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องดีจึงแสร้งถามอย่างตกใจ “คงมิใช่ว่าข้าทายถูก มีคุณชายตระกูลไหนสนใจเจ้าใช่หรือไม่ ? ”
“พระชายา มิใช่เจ้าค่ะ ! ” ปี้จูพูดอย่างติดขัด มิรู้ว่าเหตุใดอยู่ดีๆ นายของตนจึงกล่าวเช่นนี้ออกมา
ที่จริงแล้วนางแค่อารมณ์ดีเท่านั้น !
เมื่อเห็นว่าหยอกล้อไปมิน้อยแล้ว อันหลิงเกอก็กระแอมออกมาเบา ๆ จากนั้นมีท่าทีจริงจังขึ้นมา “เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้ามีอันใดก็พูดมา ! ”
“พระชายาลองเดาสิว่าวันนี้ปี้จูไปเดินตลาดแล้วได้ยินอันใดเจ้าค่ะ” เมื่อปี้จูนึกถึงเรื่องนั้น แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาและหน้าตาก็ดูดีใจมิน้อย
“…”
“รีบพูดมาเร็ว” อันหลิงเกอมองท่าทางที่ตื่นเต้นของปี้จูอย่างขำขัน
ปี้จูหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเล่าเรื่องวันนี้ออกมา
ตอนที่นางไปเดินซื้อของในตลาด ทุกคนต่างพากันเอ่ยถึงเรื่องพระชายาไปจัดการโรคระบาดกับปัญหาความอดอยากได้และฝ่าบาทยังพระราชทานรางวัลให้พระชายาอีกด้วย ทำให้ตอนนี้คนทั้งเมืองจิงรับรู้และเพียงมินานก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว !