ตอนที่ 436 ตอนนี้มิกล้า
กล่าวจบดวงตาของปี้จูก็เป็นประกาย อันหลิงเกอจึงหยอกล้ออย่างนึกสนุก “สายตาเช่นนี้ควรมีไว้มองสามีในอนาคตของเจ้า มิใช่มองข้า เพราะมิเช่นนั้นคงคิดว่าเจ้าชอบพอข้าเป็นแน่”
ใบหน้าที่เพิ่งกลับมาเป็นปกติของปี้จูก็แดงขึ้นอีกครั้ง นางรู้สึกอายมากจนต้องยกมือขึ้นมากุมใบหน้าเอาไว้ “พระชายา…”
ความจริงแล้วอันหลิงเกอรู้ดีว่าครั้งนี้พิษหนอนกู่ในตัวกำเริบทำให้นางมิได้ช่วยแก้ไขอันใดเลย
ผลงานทั้งหมดล้วนเป็นของมู่จวินฮาน นางก็แค่ไปเป็นเพื่อนเขาเท่านั้น
ทั้งยังได้ยินว่ายาที่ใช้รักษาโรคระบาดในครั้งนี้ก็เป็นยาที่หอสดับพิรุณมอบให้
ดูท่าแล้วหลังจากที่นางหายดีก็คงมีอีกหลายเรื่องต้องไปจัดการ
อันหลิงเกอมองไปทางเรือนของอวี๋หมิงหลัน ปี้จูที่เห็นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พระชายา อวี๋หมิงหลันมาหาท่านอีกหรือเจ้าคะ?”
อันหลิงเกอส่ายหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เปล่าหรอก แต่นางดูเงียบเกินไป”
“อ้อ เช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่านางมาสร้างปัญหาอันใดให้ท่านมากกว่าเจ้าค่ะ”
สร้างปัญหาหรือ ? ตอนนี้นางมิกล้าหรอก
อันหลิงเกอนึกถึงตรงนี้ก็ยิ้มเล็กน้อย “เดิมทีวันนี้ข้ายังคิดว่าเหตุใดนางเงียบผิดปกติ พอได้ยินที่เจ้าเล่ามาข้าจึงนึกออก”
ปี้จูถามด้วยความสงสัย “ท่านนึกอันใดออกหรือเจ้าคะ ? ”
“ตัวข้าเป็นสตรีแต่ทำความดีความชอบให้ราชสำนัก มีกี่คนทำได้เพียงนี้ ? หากนางมาหาแล้วข้าเป็นอันใดขึ้นมา ท่านอ๋องย่อมมิมีทางปล่อยนางไว้แน่ ต่อให้ฝ่าบาททรงทราบก็คงมิสามารถช่วยนางได้ อีกอย่างตอนนี้พระชายาของเจ้ายังกลายเป็นวีรสตรีที่เก่งกาจและกล้าหาญ หากนางทำอันใดข้าตอนนี้ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวมิใช่หรือ ? คนที่มีหัวคิดย่อมมิอยากมาพบข้าในเวลาเช่นนี้อยู่แล้ว” อันหลิงเกอกล่าวออกมา ตอนนี้สิ่งที่นางสงสัยล้วนสามารถอธิบายได้แล้ว
ปี้จูเบิกตาโพลง “เช่นนั้นสตรีทั้งหลายในจวนคงกำลังแค้นใจอยู่มิน้อยเลยเจ้าค่ะ”
“…” อันหลิงเกอตกตะลึงราวกับมิคิดว่าสาวใช้จักคิดได้ลึกซึ้งเช่นนี้ จากนั้นนางก็พยักหน้าพร้อมหัวเราะออกมา “อืม…ตอนนี้พวกนางกำลังโมโหมิน้อย”
พวกนางจึงทำได้แค่มองท่านอ๋องมาหาพระชายาโดยมิสามารถทำอันใดได้ พวกนางคงทรมานมิน้อย อันหลิงเกอเหม่อมองไปนอกเรือน
“เรื่องดีเช่นนี้ เหตุใดพระชายาดูมิดีใจเลยเจ้าคะ ? ” เป็นปี้จูที่เอ่ยออกมา
อันหลิงเกอนิ่งงันไปชั่วอึดใจแล้วถามกลับ “มีอันใดให้น่าดีใจ ? ”
“การได้รับความชื่นชมจากฝ่าบาทมิใช่ได้มาง่าย ๆ เลยเจ้าค่ะ ผู้ใดก็อยากได้รับเกียรตินี้ทั้งนั้น” ปี้จูตอบซื่อ ๆ ตามที่คิด
แสงแดดที่ทอประกายภายนอกทำให้อันหลิงเกอเห็นสิ่งใดผ่านหน้าต่างก็มิอาจทราบได้ นางถึงขั้นยกยิ้มออกมาและมิรู้ว่าเหตุใดปี้จูจึงรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ดูมีความสุขมากกว่ารอยยิ้มเมื่อครู่มิน้อย
“ทำงานเพื่อราษฎรจักหวังคำชื่นชมเพื่อเหตุใด ? ” อันหลิงเกอกล่าวจบรอยยิ้มก็ยิ่งสว่างไสว
ปี้จูตอบรับอย่างงงงัน
“ข้ามิคิดเลยว่าพระชายาจักมีจิตใจดีถึงเพียงนี้ ! ” มู่จวินฮานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มส่องประกายไปถึงแววตา มิรู้ว่าเมื่อครู่เขาได้ยินอันใดบ้าง
อันหลิงเกอลุกขึ้นยืนอย่างตกใจแต่ถูกมู่จวินฮานห้ามไว้เสียก่อน “เจ้าร่างกายมิแข็งแรงอย่าเพิ่งขยับเลย”
ปี้จูคำนับเสร็จก็รีบถอยออกไปอย่างรู้งาน ทั้งยังปิดประตูให้เรียบร้อยอีกด้วย
มู่จวินฮานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางมองไปนอกหน้าต่าง “หากเจ้าชอบดอกไม้พวกนั้น ข้าจักไปเด็ดมามอบให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย”
อันหลิงเกอหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วส่ายหน้า
“เกอเอ๋อมิชอบหรือ ? ” มู่จวินฮานถามด้วยความสงสัย
“ชอบสิเจ้าคะ ! ” อันหลิงเกอพยักหน้าจากใจจริง
“ถ้าชอบข้าก็จักไปเด็ดมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้” มู่จวินฮานกล่าวเสร็จก็เตรียมลุก แต่ถูกอันหลิงเกอกุมมือไว้จนเขาต้องหันไปสบดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้น
จากนั้นจึงพลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมมือนางไว้แทน “ในเมื่อชอบแล้วเหตุใดมิให้ข้าไปเด็ดมาให้เจ้าดูเล่น ? ”
ผู้ใดบอกว่าชอบแล้วก็ไปเด็ดมันได้หรือ ?
อันหลิงเกออธิบายให้เขาฟัง “หากท่านเด็ด ดอกไม้เหล่านั้นก็จักตาย ! ในเมื่อตายแล้ว ข้าจักชื่นชมมันอีกได้อย่างไรเจ้าคะ ? ”
ดอกไม้ริมทางเพียงดอกหนึ่งถูกอันหลิงเกอเปรียบเปรยราวกับคือชีวิตหนึ่ง มิใช่สิ ราวกับว่ามีค่ายิ่งกว่าชีวิตที่เขารู้จักด้วยซ้ำ เขาจึงหันไปสบตากับนางอีกครั้ง
อันหลิงเกอที่พูดอยู่ก็หันมาเห็นแววตาลุ่มลึกของมู่จวินฮาน นางจึงชะงักแล้วเอ่ยถาม “เหตุใดท่านอ๋องจึงมองข้าเช่นนี้เจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานกระแอมเบา ๆ “ข้ามิคิดว่าพระชายาจักมีความคิดลึกซึ้งถึงเพียงนี้”
อันหลิงเกอก้มหน้าลงพร้อมหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ถ้าเอามาปลูกในกระถางเล่า ? ”
“…”
เหตุใดเขาจึงสนใจดอกไม้ดอกนี้เหลือเกิน มิใช่ว่าดอกไม้ทุกชนิดจักเหมาะสมต่อการปลูกในกระถางเสียหน่อย
อีกด้านหนึ่ง อวี๋หมิงหลันได้ยินว่าท่านอ๋องไปหาพระชายา ดวงตาของนางก็วาวโรจน์ราวกับสามารถเผาไหม้ทุกอย่างให้กลายเป็นจุล
สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างจึงเอ่ยปลอบเบา ๆ “กู่เหนียงอย่าโมโหไปเลย หากล้มป่วยแล้วจักได้มิคุ้มเสียนะเจ้าคะ”
เหตุผลนี้ผู้ใดต่างก็รู้ ทว่าอารมณ์สามารถควบคุมได้ง่ายที่ใดกัน
ยิ่งคำที่ใช้เรียกนางว่า ‘กู่เหนียง’ ยิ่งทำให้อวี๋หมิงหลันรู้สึกโกรธเข้าไปใหญ่เพราะเหมือนเป็นเครื่องย้ำเตือนว่านางอยู่ที่นี่โดยไร้ฐานะ
อวี๋หมิงหลันเดินกระแทกกระทั้นอยู่ภายในห้องด้วยความโมโห “หากท่านอ๋องคิดถึงแต่พระชายาจนมิมาหาข้าอีก จักทำเช่นไร ?”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ กู่เหนียงวางใจได้” สาวใช้เอ่ยปลอบทันที
ความจริงแล้วภายในใจของสาวใช้รู้ดีว่าแม้มิเกิดเรื่องโรคระบาดหรือเรื่องที่ต้องช่วยเหลือฝ่าบาท ท่านอ๋องก็มิมีทางมาหาเจ้านายอยู่ดี
“พระชายามิใช่คนธรรมดา หากช่วงนี้นางยั่วยวนท่านอ๋องแล้วข้าจักทำอย่างไร ? ” อวี๋หมิงหลันอดร้อนใจมิได้ แต่ก็มิสามารถทำสิ่งใดได้เช่นกัน หากนางทำอันใดอันหลิงเกอในเวลานี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ
ดังนั้นนางจึงร้อนรนอยู่เช่นนี้ ช่างน่าโมโหสิ้นดี
“เรียนกู่เหนียง หลิงเช่อเฟยมาเจ้าค่ะ ! ” เสียงสาวใช้ด้านนอกดังขึ้น
หลิงอวี่หนิง !
อวี๋หมิงหลันดีใจขึ้นมาทันที “รีบเชิญนางเข้ามา”
ในเมื่อต่างคนต่างใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เช่นนั้นก็ถึงเวลาต้องใช้ประโยชน์อย่างจริงจังแล้ว !
หลิงอวี่หนิงก็ได้ยินเรื่องที่ร่างกายของอันหลิงเกอแข็งแรงแล้วเช่นกัน นางจึงกล้ากลับมายังจวนอ๋องมู่
นางมิใช่คนโง่จึงมิมีทางยอมโดนหลอกใช้ง่าย ๆ อยู่แล้ว
“พี่สาว วันนี้ข้าพาพี่สาวอีกคนมาพบท่านด้วย” กล่าวจบหลิงอวี่หนิงก็พาทัวป๋าถิงฟางเดินเข้ามา
ก่อนหน้านี้พวกนางเคยพบกันมาบ้างจึงมิถือเป็นคนแปลกหน้าอีก
“องค์หญิงทัวป๋างดงามสมคำเล่าลือจริง ๆ ”
“กู่เหนียงชมเกินไปแล้ว”
ทัวป๋าถิงฟางมาในวันนี้เพราะเพิ่งรู้ความลับของอันหลิงเกอ ฟางซู่ซู่ได้อธิบายให้พวกนางรู้ว่าตอนนี้หนอนกู่ตัวลูกมิได้อยู่ที่ฟางซู่ซู่แล้ว ที่อันหลิงเกอล้มป่วยในครั้งนี้ก็มีอาการเหมือนพิษหนอนกู่ที่มารดาของทัวป๋าถิงฟางเคยเล่าไว้มิมีผิด นางจึงมั่นใจในเรื่องนี้ได้
อันหลิงเกอโดนพิษหนอนกู่ควบคุมอยู่ !
เมื่อเล่าเรื่องนี้จบทั้งสามคนก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“เจ้าหมายความว่าหากหนอนกู่ตัวแม่ตายก็อาจทำให้พระชายาตายตามอย่างนั้นหรือ ? ” ดวงตาของอวี๋หมิงหลันเปล่งประกายทันที
“ถูกต้อง”
“แล้วตอนนี้หนอนกู่ตัวแม่อยู่ที่ใด ? ” ในเมื่อตอนนี้มิได้อยู่ที่ฟางซู่ซู่แล้ว พวกนางก็มิอาจรู้ได้
“หนอนกู่ตัวแม่ต้องอาศัยเลือดมนุษย์เป็นอาหาร ข้าคิดว่าอยู่กับท่านอ๋อง”
หืม ?
อวี๋หมิงหลันคิดไปคิดมา มิว่าอย่างไรนางก็ควรไปลองดู นางมิยอมให้อันหลิงเกอได้ครอบครองความรักของมู่จวินฮานแต่เพียงผู้เดียวหรอก !
หากอันหลิงเกอตาย เรื่องทั้งหมดก็จักคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย !