โจมอนก็พูดต่อว่า“ ผมแค่ไม่เข้าใจ ในเมื่อพี่แต่งงานกับประธานเทาเท่ผู้หล่อเหลาและร่ำรวยขนาดนั้นแล้ว ทำไมพวกพี่ยังหย่ากันอีก?”

“เขาไม่ได้รักพี่ ”หลินจือตอบโจมอนเสียงเบา

มาจนวันนี้ เธอสามารถพูดมันได้อย่างเรียบเฉยแล้วว่าเทาเท่ไม่ได้รักเธอ

แววตาของโจมอนมีความประหลาดใจผาดผ่าน จากนั้นก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า“ไม่คิดว่าผู้ชายที่สูงส่งอย่างประธานเทาเท่ ก็มีความคิดที่คร่ำครึแบบนี้”

หลินจือไม่เข้าใจคำพูดนี้ของเขา โจมอนพูดอย่างดูถูกว่า“ ก็คือมีแนวความคิดที่ว่าภรรยาตัวเองนั้นสวยไม่เท่าผู้หญิงอื่น”

ทุกคนในแวดวงนี้ต่างก็รู้ ว่าเทาเท่กับซูซีนั้นมีข่าวลือด้วยกันมาตลอด

โจมอนก็เคยเป็นเหมือนคนอื่น ที่คิดว่าภรรยาที่บ้านของเทาเท่นั้นคงหน้าตาแย่มากจนให้ใครเห็นไม่ได้ แต่หลังจากที่รู้ว่าอดีตภรรยาของเทาเท่คือหลินจือนั้น โจมอนก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเทาเท่ถึงยังมีข่าวลือกับซูซีได้อีก

ในสายตาของโจมอน หลินจือนั้นดูดีกว่าซูซีมาก

หลินจือยิ้มและพูดว่า“ อย่าพูดแบบนั้นเลย ต่างคนต่างก็มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน”

ต่อให้จะดูดีแค่ไหนก็ไม่ถูกรักอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นภูมิหลังครอบครัวของเธอก็สู้ซูซีไม่ได้

“เรายังเด็ก ตั้งใจทำงานของตัวเองเถอะ ”หลินจือพูดกับโจมอนไปอีกหนึ่งประโยค และกะว่าจะเดินจากไป

โจมอนไม่พอใจ จึงขานเรียกชื่อของเธอ“หลินจือ”

เขาพูดออกมาทีละคำอย่างดื้อรั้น “ถึงตัวผมจะยังเป็นเด็ก แต่ความคิดของผมเป็นผู้ใหญ่ ผมรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร”

ในขณะที่หลินจือกำลังจะตอบกลับเขา เงยหน้าขึ้นก็เห็นเทาเท่เดินเข้ามาทางพวกเขาด้วยท่าทีที่เย็นชา เธอก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เทาเท่เขาคิดจะทำอะไร ?

โจมอนก็มองตามสายตาของเธอและเห็นเทาเท่ที่กำลังเดินมา เขาเข้าไปยืนบังตรงหน้าของหลินจือตามสัญชาตญาณ เทาเท่จ้องมองเขาตาเขม็ง จากนั้นก็พูดกับหลินจือที่อยู่ข้างๆว่า“เรามาคุยกันหน่อย ”

ทันใดนั้นโจมอนก็กำลังจะพูดอะไรออกไป แต่ถูกหลินจือห้ามเอาไว้

เธอตอบตกลงกับคำชวนของเทาเท่“ได้”

ที่ในงานเลี้ยงผู้คนเดินกันไปมาขวักไขว่ หลินจือไม่อยากจะมายื้อยุดฉุดกระชากกับเทาเท่อยู่ตรงนี้ ดังนั้นก็จึงได้ตกปากรับคำไป

ก่อนไปเธอได้ยกยิ้มให้โจมอนเพื่อให้เขาได้สบายใจ“เราไปทำธุระของเราเถอะ ”

แม้ในใจของโจมอนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่เพราะหลินจือตอบตกลงเองว่าจะไปคุยกับเทาเท่ เขาก็คงทำได้แค่ต้องปล่อยไป

ทั้งสองเดินตามกันออกไปจากงานเลี้ยง เทาเท่เปิดประตูรถของตัวเอง หลินจือหันมองเขาไปแวบหนึ่ง ไม่อยากให้เป็นจุดสนใจ ก็จึงขึ้นรถไป

พอเทาเท่ขึ้นรถมาได้ก็ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน ทำเพียงขับรถออกไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

หลินจือครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นก็กดโทรออกไปหาเจเทาวน์“ประธานเจเทาวน์ ฉันมีธุระ ขอตัวกลับก่อนนะคะ ”

คืนนี้เธอมาเป็นคู่กับเจเทาวน์ จู่ๆก็แยกตัวออกไปก่อน ดังนั้นยังไงก็ต้องโทรบอกเขาสักหน่อย

แต่ทันทีที่เธอพูดจบ ทางด้านข้างก็มีเสียงยิ้มเยาะของเทาเท่ดังขึ้น ราวกับกำลังหัวเราะเยาะเธอที่ต้องรายงานทุกอย่างกับเจเทาวน์

หลินจือไม่ได้สนใจท่าทีที่แปลกประหลาดของเขา ฟังเพียงความห่วงใยที่เจเทาวน์ถามไถ่มา“โจมอนเขาบอกผมแล้ว ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม?”

“ไม่ค่ะ”หลินจือนิ่งสงบมาก เจเทาวน์ก็จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ

เทาเท่ขับรถมาจนถึงชายทะเล พอลงจากรถก็พบว่าสถานที่ที่ตัวเองเลือกนั้นมันดูไม่เหมาะเท่าไร

แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ที่ชายทะเลก็ยังมีลมเย็นพัดผ่าน และหลินจือเองก็สวมใส่เพียงชุดเดรสที่บางเบา ……

เมื่อเทาเท่เห็นเธอยกมือที่ขาวนวลขึ้นกอดอกและไหวสั่นไปด้วยเล็กน้อย ก็รู้สึกหงุดหงิดกับการเลือกสถานที่ของตัวเองขึ้นมาทันที

แต่บริเวณโดยรอบของงานเลี้ยงก็มีเพียงที่ชายทะเลเท่านั้นที่เงียบสงบ เมื่อครู่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก

แต่เพียงครู่เดียวเขาก็รีบถอดเสื้อสูทออกแล้วยื่นมันให้กับหลินจือ คิดที่จะคลุมไปที่ไหล่ของหลินจือเพื่อให้เธอได้บังลมเย็นจากทะเล

การกระทำของเขาทำเอาหลินจือตกตะลึงอย่างมาก ถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยสัญชาตญาณเพื่อหลบเสื้อที่จะคลุมมันให้เธอ

“ฉันไม่หนาว ขอบคุณ”แม้จะรู้สึกหนาวมาก แต่หลินจือก็ปฏิเสธความห่วงใยของเขา

เทาเท่เหลือบมองเธออย่างเงียบๆแวบหนึ่ง ก้าวเดินไปข้างหน้าและเอาเสื้อสูทนั่นคลุมไปบนตัวเธออีกครั้ง ทั้งบังคับและไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ

ครั้งนี้หลินจือไม่ได้ขัดขืนอีก เพราะเธอไม่อยากจะถูกเทาเท่กดหัวไหล่และคว้าตัวไว้ในอ้อมแขนไม่ปล่อย

ใบหน้าฉีกรอยยิ้ม เธอยกมือขึ้นเอาเสื้อมาคลุมตัวเอง “ขอบคุณ”

เทาเท่ก็ถึงได้คลายมือออก ถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วเว้นระยะห่างต่อกัน

แต่ในวินาทีต่อมาเขาก็เริ่มถามอย่างขุ่นเคืองใจว่า“หลินจือ เพราะใบตั้งครรภ์ปลอมใบเดียว คุณก็เลยมาขอหย่ากับผมเหรอ?”

ไม่รอให้หลินจือได้พูดอะไร เขาก็พูดต่อว่า“ผมไม่เคยมีอะไรกับเธอ ตอนที่คบกันไม่เคยแม้แต่จะล่วงเกินเธอ หลังจากที่แต่งงานกับคุณก็ไม่เคยมี หย่าไปแล้วยิ่งไม่เคยมี!”

เดิมทีเทาเท่แค่อยากจะอธิบาย ว่าในระหว่างที่แต่งงานกับหลินจือนั้นเขาไม่เคยประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมกับซูซี

แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้อธิบายความสัมพันธ์ของเขาตั้งแต่ก่อนคบกันจนถึงหลังการหย่าให้เธอฟัง ราวกับกลัวเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดยังไงอย่างนั้น

หลินจือก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับคำพูดนี้ของเทาเท่ด้วยเช่นกัน นั่นก็หมายความว่า ตั้งแต่ต้นจนจบเขากับซูซีไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาก่อน ?

แต่ว่า นี่ก็เหมือนจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

เธอได้สติในเวลาอันสั้น หันมองไปยังเทาเท่แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“เทาเท่ เหมือนคุณจะไม่เคยเข้าใจอะไรเลย”

เทาเท่ไม่เข้าใจ “อะไร?”

น้ำเสียงของหลินจือหัวเราะเยาะตัวเองไปด้วยเล็กน้อย“ที่ฉันหย่ากับคุณ ไม่ใช่เพราะมีใครเข้ามาแทรก แต่เป็นเพราะ……คุณไม่ได้รักฉัน”

หลินจือละสายตาออกแล้วหันมองไปยังท้องทะเลที่ไม่ไกลนัก น้ำเสียงแผ่วเบา“คุณยังจำได้ไหม ? ในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ คุณปู่เร่งให้คุณมีลูกกับฉัน แต่คุณบอกว่าฉันไม่คู่ควร”

“และคุณยังบอกอีกว่า จะมีลูกกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ยังไง ?”

ท่าทีของเทาเท่ก็แข็งค้างไปในทันที ความทรงจำก็ถูกเรียกกลับไปยังคืนงานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่านในปีนั้น

เขาเคยพูดแบบนั้นจริงๆ เขาคิดว่าเธอไปพูดเป่าหูคุณท่านให้เขามีลูกกับเธอเร็วๆ เขาคิดว่าเธออยากจะยึดตำแหน่งภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานเท่านาน

แต่หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจขอหย่า ไม่รู้สึกอยากได้ตำแหน่งภรรยาของเขาเลยสักนิด และเขาเองก็เพิ่งจะมารู้ตัวว่าเขาทำเรื่องผิดอย่างมหันต์

หลินจือไม่ได้มองมาที่เขาเลย กลับพูดต่อว่า“ฉันก็มีหัวใจ ถูกคุณทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันก็เจ็บปวด และสิ้นหวังเหมือนกัน ดังนั้นก็เลยขอหย่า”

“ความสัมพันธ์เมื่อมันไปต่อไม่ได้ มันไม่ใช่เพราะคนอื่นหรอก”

จนตอนนี้เทาเท่ก็ยังคงไม่เข้าใจ ซึ่งมันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่เห็นข้อผิดพลาดในความสัมพันธ์นี้เลย

เขายังคงรู้สึกว่า ทุกๆคนจะรักเขาและเชื่อฟังเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข

หลังจากที่หลินจือพูดคำเหล่านี้จบ เทาเท่ที่อยู่ข้างๆก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร

หลินจือถอดสูทของเขาออกแล้วยื่นมันคืนให้เขา ถามด้วยท่าทีที่นิ่งสงบว่า“ฉันไปได้หรือยัง ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดความในใจกับเทาเท่ และจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน

ในอนาคตหากเธอจะรักใครสักคน ก็จะเลือกคนที่รู้จักและเข้าใจในความรัก

เทาเท่ไม่ได้รับเสื้อนั้นมา แต่ถามเธอกลับว่า“ สุดท้ายคุณก็รู้ว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา ทำไมคุณไม่บอกผม?”

“หย่ากันไปแล้ว ฉันจะบอกเรื่องพวกนั้นกับคุณอีกทำไม?”คำพูดของหลินจือมีความเย็นชาและมีการเย้าหยอกปนด้วยเล็กน้อย“ไม่แน่คุณอาจจะคิดว่าฉันกำลังใส่ร้ายเธออยู่ก็เป็นได้ ”

เขาคิดว่าเธอเป็นคนจิตใจสกปรกมาโดยตลอด เธอเอาเรื่องซูซีไปบอกเขา ไม่แน่เธออาจจะถูกเขาเยาะเย้ยกลับมาก็ได้

หลังจากที่หลินจือพูดจบก็ยื่นเสื้อสูทวางไปที่มือของเขา หันหลังให้แล้วเดินจากไปอย่างสง่า

เทาเท่เดินไล่ตามหลังไป คว้าแขนของเธอเอาไว้แล้วพูดว่า “ผมขอโทษ”