ตอนที่ 196.3 นางคือชีวิตของลูก (3)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

มาหา​นาง​งั้น​รึ​ ​มา​เพราะ​รู้​ว่า​ราก​ชีวิต​ของ​ตน​อยู่​ที่นี่​มากกว่า​กระมัง​ ​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​หน้า​นิ่ง​ ​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​ฉิน​อ๋อง​มา​แล้ว​ ​ยัง​ไม่​รีบ​ไป​ยก​น้ำชา​มา​อีก​”

หลาน​ถิ​งกับ​ชื่อ​สยาม​อง​หน้า​ซึ่งกันและกัน​และ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เจ้านาย​จึง​พาบ​่า​วรับ​ใช้​คนอื่นๆ​ ​ออก​ไป

เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​ตบมือ​หาน​เซียง​เซียง​ ​แปะ​ๆ​ ​เบา​ๆ​ ​ครั้งนี้​ ​เอ่ย​พลาง​ยิ้ม​ ​“​เจ้า​เด็ก​โง่​ ​ยัง​นิ่ง​อยู่​ใย​กัน​ ​ไป​หยิบ​เตา​อุ่น​มือ​ของ​ข้ามา​ให้​ฉิน​อ๋อง​สิ​ ​ถึงแม้ว่า​เข้า​ฤดูใบไม้ผลิ​แล้วก็​เถิด​ ​แต่​อากาศ​ก็​ไม่ได้​อุ่น​ไป​กว่า​ตอน​หิมะ​ตก​เลย​แม้แต่น้อย​ ​ฉิน​อ๋อง​เพิ่ง​มาจาก​ด้านนอก​คง​หนาว​ไป​หมด​แล้ว​ทั้งตัว​”

หาน​เซียง​เซียง​เข้าใจ​ดี​ว่า​สนมเอก​กำลัง​สร้าง​โอกาส​ให้​ตน​ ​จึง​หยิบ​เตา​อุ่น​มือ​ดิ้น​ทอง​ขึ้น​มา​อย่าง​ระวัง

สีหน้า​ของซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​แย่​ลง​กว่า​เดิม​ ​หันหน้า​หา​เสด็จ​แม่​แต่​สนม​กลับ​ตั้งใจ​หลบสายตา​ ​พอ​หันมา​อีกที​หญิงสาว​ผู้อ่อนแอ​ก็​เดิน​มาหา​ตน​แล้ว

หาน​เซียง​เซียง​ได้กลิ่น​หอม​อำพัน​ทะเล​จาก​เรือนร่าง​ของ​ชายหนุ่ม​ ​เขา​ช่าง​สง่างาม​ราวกับ​เทพเจ้า​บน​ฟ้า​สวรรค์​ ​ดวงใจ​น้อย​ๆ​ ​เต้น​กระสับกระส่าย​ ​นาง​ยื่น​เตา​อุ่น​มือ​ออก​ไป​ ​“​ฉิน​อ๋อง​”

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​ยกมือ​ขึ้น​มา​ ​หาน​เซียง​เซียง​รู้สึก​ว่า​ปลายนิ้ว​ของ​เขา​สัมผัส​โดน​ตัวเอง​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​เขิน​จน​ชวน​ให้​เพ้อฝัน​ ​แต่​แล้ว​เขา​กลับ​ปัด​เตา​อุ่น​มือ​ทิ้ง​พร้อม​ขมวดคิ้ว​แน่น​ ​“​ไร้เหตุผล​สิ้นดี​!​”

หาน​เซียง​เซียง​ตะลึงงัน​ ​ชายหนุ่ม​ไม่​คิด​ออม​มือ​แม้แต่น้อย​และ​ไม่สน​ว่า​จะ​ทำให้​ตน​บาดเจ็บ​หรือไม่​ ​ขณะที่​ปัด​เตา​อุ่น​มือ​ทิ้ง​ ​ตัวนาง​ก็​เอน​ไป​ตาม​แรง​แทบ​ล้ม​ลง

โชคดี​ที่​จาง​เต​๋อ​ไห่​ช่วย​พยุง​ไว้​ทันท่วงที​ ​และ​สัมผัส​ได้​ถึง​การสั่น​ไหว​ของ​ร่างกาย​ ​ดวงตา​แดงก่ำ​น้ำตา​คลอ

เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​รู้​ว่า​ลูกชาย​มิสา​มารถ​แสดง​อารมณ์​กับ​ตน​ได้​ ​จึง​ได้​ระบาย​ใส่​หาน​เซียง​เซียง​ ​แต่​ก็​อยาก​ที่จะ​เลี่ยง​การ​ตำหนิ​ได้​ ​“​ลูก​ทำ​เช่นนี้​กับ​คุณหนู​หาน​ได้​อย่างไร​กัน​ ​นาง​อุตส่าห์​ยื่น​เตา​อุ่น​มือ​ให้​กับ​เจ้า​ด้วยใจ​ ​ก็​เพียง​เพื่อ​ดูแล​เจ้า​เท่านั้น​”​ ​เอ่ย​พลาง​หันไป​ดึง​มือ​หาน​เซียง​เซียง​ขึ้น​มาดู​ว่า​มีบาด​แผล​ตรงไหน​หรือไม่

หาน​เซียง​เซียง​ได้รับ​การปกป้อง​จาก​สนมเอก​ ​คง​มิต​้​อง​พูด​ความ​ไม่​ยุติธรรม​ที่​ได้รับ​ ​มัน​เจ็บปวด​จน​น้ำตาไหล​ออก​เป็น​เม็ด​ๆ​ ​ราวกับ​สร้อย​ไข่มุก​ที่​เส้นด้าย​ขาด​ ​แม้ว่า​น้ำตา​บัง​จน​พร่ามัว​ ​แต่​ก็​ยัง​ทอดสายตา​ไป​ยัง​ฉิน​อ๋อง​ไม่​ห่าง

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​ฟังหูไว้หู​อย่าง​ไม่สน​ใจ​ ​“​ข้า​ไม่ต้องการ​ให้​ผู้อื่น​มาดู​แล​”​ ​จากนั้น​เดิน​เข้าไป​จับมือ​อวิ​๋น​หว่าน​ชิ่น​ขึ้น​มาต​่อ​หน้า​ทุกคน​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ ​“​เพราะ​พระ​ชายา​ของ​ลูก​อยู่​ตรงนี้​”​ ​พูด​อยู่​พลาง​จูงมือ​นาง​ไว้​และ​เดิน​กลับมา

หาน​เซียง​เซียง​เห็น​มือ​ของ​เขา​สอง​คน​จับ​กัน​แน่น​ก็​พลาง​อึ้ง​ ​น้ำตา​หยุด​ไหล​ ​และ​รู้สึก​หวาดกลัว

เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​ปลอบใจ​ด้วย​การ​ตบมือ​เบา​ๆ​ ​สีหน้า​แสดง​ความ​เย็นชา​ออกมา​เล็กน้อย​ ​ช่างทำ​ให้​ผู้อื่น​รู้สึก​อยู่ไม่สุข​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​“​ได้​ ​ในเมื่อ​วันนี้​พวก​เจ้า​สาม​คน​อยู่​กัน​พร้อมหน้า​ ​ข้า​ขอ​พูด​เลย​ก็แล้วกัน​ ​เสด็จ​พ่อ​ของ​เจ้า​ตัดสิน​พระทัย​แล้ว​ว่า​จะ​ให้​คุณหนู​หาน​เข้ามา​เป็น​พระ​ชายา​รอง​ใน​จวน​ฉิน​ ​พระราช​โองการ​ได้​ร่าง​เสร็จ​แล้ว​ ​และ​จะ​ถูก​ประกาศ​ออก​ไป​ใน​เร็ว​ๆ​ ​นี้​ ​งาน​ไหว้​ทุกข์​ของ​ฮองเฮา​คือ​ยี่สิบ​เจ็ด​วัน​ ​ภายหลัง​หนึ่ง​เดือน​ ​ก็​จะ​ดำเนินการ​สู่ขอ​กับ​ตระกูล​หาน​ให้​กับ​เจ้า​ ​ไม่​ช้า​และ​ไม่​เร็ว​คุณหนู​หาน​ก็​ต้อง​เป็น​อนุภรรยา​ของ​เจ้า​อยู่ดี​ ​วันนี้​ที่​เจ้า​เสียมารยาท​ ​แม่​จะ​คิด​ว่า​เจ้า​ยัง​ไม่รู้​จัก​คุณหนู​หาน​ ​แต่​หลังจากนี้​เจ้า​ห้าม​กระทำ​เช่นนี้​อีก​เป็นอันขาด​!​”

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​ยังคง​กุมมือ​หญิง​ข้าง​กาย​แน่น​ ​เหลือบมอง​หาน​เซียง​เซียง​ที​หนึ่ง​ ​“​ข้า​ไม่รู้​จัก​ได้​อย่างไร​ ​ไม่เพียงแต่​รู้จัก​ ​แต่​รู้จัก​เป็น​อย่างดี​ต่างหาก​ ​การ​ที่​เสด็จ​พ่อ​เปลี่ยน​พระทัย​กะทะ​หัน​ ​ก็​เพราะ​เสด็จ​แม่​เป็น​คน​ไป​กล่าว​โน้มน้าว​”

เป็น​เช่นนี้​เอง​ ​ที่​ฮ่องเต้​เปลี่ยน​พระทัย​กะทันหัน​อย่างไร​้​เหตุผล​ ​อวิ​๋น​หว่าน​ชิ่น​มอง​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​หนึ่ง​ที

เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​กริ้ว​ ​“​แม้ว่า​แม่​เป็น​คนพูด​แล้ว​อย่างไร​กัน​เล่า​ ​คุณหนู​หาน​เป็น​หญิง​อ่อนน้อม​จิตใจ​ดี​ ​แล้วยัง​มีใจ​ให้​กับ​เจ้า​ ​คิด​คะนึง​หา​เจ้า​เสมอ​ ​ยอม​ละทิ้ง​ทุกอย่าง​ได้​เพื่อ​เจ้า​ ​มีนา​งดู​แล​เจ้า​ ​เจ้า​ต่างหาก​ที่​ได้รับ​วาสนา​นี้​ ​วันนี้​ข้า​ได้​พูดคุย​กับ​นาง​ ​ข้า​ชอบ​กิริยา​ของ​นาง​มาก​ ​การ​ที่​จวน​อ๋อง​มี​คน​เพิ่มขึ้น​หนึ่ง​คน​ ​มัน​คือ​โอกาส​การผลิ​ดอก​ออกผล​ ​ยิ่ง​สามารถ​ช่วย​ให้​ครอบครัว​ของ​เจ้า​สมบูรณ์​มากขึ้น​เท่านั้น​ ​หรือ​เจ้า​คิด​ว่าการ​ที่​แม่​ไป​ขอ​เรื่อง​นี้​กับ​ฝ่า​บาท​ ​เป็นเรื่อง​ที่​ผิด​งั้น​รึ​ ​ถ้าเช่นนั้น​เจ้า​ยัง​คิด​จะ​ให้​ข้า​ไป​คุกเข่า​ร้องขอ​ให้​ฝ่า​บาท​เรียก​พระราช​โองการ​กลับคืน​ ​มิต​้​อง​จัดงาน​อภิเษก​ให้​กับ​เจ้า​อย่างนั้น​รึ​ ​เจ้า​ถึง​จะ​พอใจ​”

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​นิ่งเงียบ​ครู่ใหญ่​ ​มองหน้า​หญิง​ตรงหน้า​อย่าง​ไม่​ละสายตา

อวิ​๋น​หว่าน​ชิ่น​รู้สึก​ว่า​เขา​กำมือ​แน่น​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ ​แล้ว​ก้มี​เสียงดัง​ขึ้น​หู​ ​“​ฝั่ง​เสด็จ​พ่อ​ ​ลูก​จะ​ไป​พูด​อยู่​แล้ว​”​ ​ชะงัก​ที​หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ต่อ​ ​“​ขอ​เพียง​เสด็จ​แม่​ ​โปรด​อย่า​ทำ​สิ่งใด​อีก​”

เพียงแค่​ประโยค​ ​“​ขอ​เพียง​เสด็จ​แม่​โปรด​อย่า​ทำ​สิ่งใด​อีก​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​ตัว​ชา

ลูกชาย​คน​นี้​ ​ให้​ความเคารพ​และ​เกียรติ​กับ​ตน​เสมอมา​ ​แต่​น้ำเสียง​เมื่อ​ครู่​คือ​ท่าที​ของ​ท่าน​อ๋อง​ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์​ออกคำสั่ง​กับ​ขุนนาง

ได้​กุมอำนาจ​ราชการ​ไม่​กี่​วัน​ ​ความทะเยอทะยาน​ที่ซ่อน​ข้างใน​ถูก​ปลุก​ให้​ตื่น​แล้ว​หรือ​อย่างไร

“​แม่​คิดไม่ถึง​ว่า​เจ้า​จะ​ข่มขู่​แม่​บังเกิด​เกล้า​เพราะ​พระ​ชายา​เอก​ของ​เจ้า​ ​เจ้า​คิด​ว่า​ข้า​ควร​ดีใจ​ที่​เจ้า​เก่งกาจ​สามารถ​ ​หรือ​ควร​โกรธ​ดี​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​กล่าว​ด้วย​ความ​ทอดถอนใจ

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​หลีกเลี่ยง​หัวข้อ​การ​สนทนา​นี้​ด้วย​การ​เอ่ย​ ​“​เดิมที​เสด็จ​แม่​ก็​ชอบใจ​ชิ่น​เอ๋อร​์​”

เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​ยิ้ม​ฝืน​และ​ยังคง​ควงแขน​หาน​เซียง​เซียง​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​ต้อง​บ่ายเบี่ยง​เป็นเรื่อง​อื่น​ ​ท้ายที่สุด​แล้ว​เจ้า​หมายถึง​ข้า​สู้​พระ​ชายา​เอก​ของ​เจ้า​ไม่ได้​ ​สำคัญ​ไม่​เท่า​นาง​ก็​เท่านั้น​ ​ข้า​ตั้งครรภ์​เจ้า​มาสิบ​เดือน​ ​สุดท้าย​กลับ​ต้อง​พบ​เจอ​เช่นนี้​ ​ข้า​เลี้ยงลูก​ชาย​ข้า​เสียเปล่า​จริงๆ​…​ท้ายที่สุด​แล้วก็​ยัง​สู้​เมีย​ใหม่​คน​หนึ่ง​ไม่ได้​ ​เจ้า​เป็น​ลูกชาย​ที่​กตัญญู​ของ​ข้า​จริงๆ​”

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิ​งอ​อก​แรง​มากขึ้น​อีก​ ​กำ​แน่น​จน​มือ​อวิ​๋น​หว่าน​ชิ่น​เหงื่อ​แทบ​ไหล​ ​“​หาก​เกิด​อัน​ใด​ขึ้นกับ​เสด็จ​แม่​ ​แม้ว่า​ต้อง​จบชีวิต​ลูก​ ​ลูก​ก็​จะ​ปกป้อง​ให้​ถึงที่สุด​เช่นกัน​”​ ​ชะงัก​ครู่หนึ่ง​ ​จึง​เห็น​สีหน้า​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​ดู​คลาย​ลง​ ​“​แต่​ ​ชิ่น​เอ๋อร​์​เป็น​ชีวิต​ของ​ลูก​”

ใบหน้า​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​กลายเป็น​ซีด​ขาว​ ​รู้สึก​ชา​ถึงขั้น​ใช้​นิ้ว​จิก​เข้า​ตรงกลาง​ฝ่ามือ

ทันทีที่​คำพูด​ของ​ฉิน​อ๋อง​กล่าว​ออก​ไป​ ​ใจ​ลึก​ๆ​ ​ของ​หาน​เซียง​เซียง​เหมือน​มีบา​งอย​่า​งกำ​ลัง​ล่มสลาย​ ​น้ำตา​ที่​คลอ​เบ้า​ในที่สุด​ก็​ไหล​ลงมา​พราก​ๆ​ ​หาก​มิใช่​เพราะ​ได้การ​ประคอง​จาก​สนมเอก​ ​เกรง​ว่า​ร่างกาย​ก็​คงยืน​ไม่ไหว​เช่นกัน

ซ​ย่า​โหว​ซื่อ​ถิง​จิ้ม​มือ​ฝ่ายตรงข้าม​เพื่อ​บอกเป็นนัย​ว่า​ไป​กัน​เถิด​ ​จึง​เอ่ย​กับ​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​ ​“​วันนี้​ตำหนัก​ชุ่ย​หมิง​มี​คน​มาหา​มาก​ ​เสด็จ​แม่​ก็​คง​เหนื่อยล้า​แล้ว​ ​ไป​พักผ​่อ​เถิด​”​ ​พูด​จบ​ก็​ดึง​มือ​อวิ​๋น​หว่าน​ชิ่น​หันหลัง​ทันที

เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​รู้ดี​ว่า​ลูกชาย​อาจ​เดิน​ไปหา​ฝ่า​บาท​ ​พอได้​สติ​จึง​ขัดขวาง​ ​“​งาน​อภิเษก​นี้​เป็น​คำขอ​สุดท้าย​ของ​ฮองเฮา​ ​ในเมื่อ​ฝ่า​บาท​ตัดสิน​พระทัย​แล้ว​ ​พระองค์​ไม่มีวัน​เปลี่ยน​พระทัย​เป็นแน่​ ​หาก​เจ้า​เล้า​หรือ​มาก​ ​ก็​มี​แต่​เอา​ไข่​ไป​กระทบ​หิน​ ​ฮ่องเต้​จะ​ทรง​กริ้ว​เท่านั้น​ ​ซื่อ​ถิง​!​ ​ความตั้งใจ​ของ​เจ้า​ตลอดเวลา​ที่​ผ่าน​ ​คิด​ว่า​แม่​ไม่รู้​หรือ​ไร​ ​เจ้า​เพิ่งจะ​ทำหน้าที่​สำเร็จ​ราชการ​ไม่นาน​ ​เพิ่ง​สัมผัส​การ​มีผล​งาน​ ​หรือ​เจ้า​คิด​อยาก​กลับ​ไป​เป็น​เหมือนเดิม​งั้น​รึ​!​”

ค่ำคืน​ที่​เสด็จ​ไป​เยี่ยม​เจี่ยง​ซื่อ​พร้อม​ฮ่องเต้​ ​ฮ่องเต้​สิ้นหวัง​ดั่ง​ใจ​ที่​ตายด้าน​ ​โอบกอด​ชุด​เด็กทารก​นั้น​อย่าง​รู้สึก​ผิด​จน​แทบ​ดึง​ตัวเอง​กลับคืน​มา​ไม่ได้​ ​พลาง​รู้สึก​เจ็บปวด​คล้อยตาม

ฮ่องเต้​ ​ไม่มีวัน​เปลี่ยน​พระทัย​เป็นแน่​ ​ขอ​คำ​เล็ก​ๆ​ ​เพียงเท่านี้​ ​ฮ่องเต้​จะ​ต้อง​ทำ​เพื่อ​ฮองเฮา​อย่างแน่นอน

หาก​ทำให้​ทรง​กริ้ว​ ​ลด​หน้าที่​สำเร็จ​ราชการ​แทน​พระองค์​ยัง​มิ​เป็นไร​ ​กลัว​ก็​แต่​ฮ่องเต้​จะ​นำ​ความรู้สึกผิด​ต่อ​ฮองเฮา​พาล​ใส่​ลูกชาย​ ​นอกจากนี้​อาจ​ต้อง​รับโทษ​อื่นๆ​ ​อีกด้วย

แม้ว่า​เฮ่อ​เหลียน​ซื่อ​มิได้​พูด​ออกมา​ ​แต่​อวิ​๋น​หว่าน​ชิ่น​ก็​คิด​ไว้​แต่แรก​แล้ว​ ​เมื่อ​ได้​ฟัง​บทสนทนา​นี้​ ​นาง​หยุด​ย่ำเท้า​และ​ดึง​มือ​ของ​เขา​ไว้

เขา​เอียง​ศีรษะ​หันมา​มอง​ด้วย​แววตา​ตล​้าย​ว่า​ไม่พอใจ​เท่าไหร่​ ​เสียง​เอ่ย​เด็ดขาด​ ​“​ยัง​ไม่​ไป​กัน​อีก​”

กลับ​รู้สึก​เพียง​ถูก​คลาย​มือ​ออก​ ​นาง​หัน​ศีรษะ​กลับ​และ​เดิน​เข้าไป​ ​“​เสด็จ​แม่​ให้​หม่อมฉัน​คุย​กับ​ท่าน​อ๋อง​สาม​สักหน่อย​ได้​หรือไม่​เพ​คะ​”