ห้านาทีต่อมา บนทางเดินอันเงียบสงัดเส้นหนึ่ง
หญิงสาวถือไฟฉายเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด เธอเดินนำทางไปพลาง พูดกับพวกหลิงม่อเสียงเบาไปพลาง “อาหารของพวกนายอยู่ตรงนี้แล้ว ถึงแม้ว่าพวกฉันจะอยู่ที่นี่มานาน แต่ก็กินอาหารในโกดังไปน้อยมาก น้อยจนถึงขั้นจะมองข้ามไปเลยก็ได้ ดังนั้นพวกนายวางใจได้”
ยามพูดจาเสียงของเธอฟังดูแผ่วเบา ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ นอกจากนี้ หลังจากที่รู้ข่าวการตายของพวกบลัดมาเธอร์แล้ว สีหน้าเธอก็ดูแปลกไป มีทั้งรอยยิ้ม และแววตาสับสนปะปนอยู่ เหมือนคนมีความแค้น ขณะเดียวกันก็เหมือนกำลังหลุดพ้นจากบางสิ่ง…
“หัวหน้า ระวังผู้หญิงคนนี้ไว้หน่อย ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าเธอมีบางอย่างผิดปกติ” จางซินเฉิงที่เดินอยู่ข้างหลังหลิงม่อพูดเตือนเสียงเบา
เสียงของเฮยซือเองก็ดังขึ้นมาในสมองของหลิงม่อได้อย่างตรงจังหวะ “เจ้านายรู้หรือยัง บนตัวของเธอมีกลิ่นคาวเลือดอยู่ ถึงแม้กลิ่นอ่อนมาก แถมยังถูกเสื้อผ้าปกปิดไว้ แต่พอเข้ามาในสถานที่แบบปิดอย่างนี้ กลิ่นก็ชัดเจนขึ้น”
“ฉันไม่ใช่แกนะ จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ…” หลิงม่อส่ายหน้า พลาง “พูด” ขึ้นอย่างเอือมระอา
ความจริง เขาเองก็กำลังคาดเดาสถานการณ์ที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้เงียบๆ อยู่เหมือนกัน อย่างเช่นเมื่อกี้ เธอไม่ได้บอกพวกเขาตรงๆ ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ถูกแมงมุมโจมตี เพียงแต่พูดกำกวมให้เรื่องผ่านไป เธอเองก็คงรู้คนกลุ่มนี้ไม่ได้หลอกง่าย ดังนั้นหลังจากพูดเฉไฉ เธอถึงได้แสร้งพูดถึงสถานที่อันตรายแห่งหนึ่งขึ้นมา เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้ตัวเอง
เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้ว ผู้หญิงคนนี้เลือกวิธีได้ฉลาดมาก พวกหลิงม่อให้เธอนำทาง และยังหยุดเค้นถามเธอชั่วคราวด้วย…ทว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะรู้ดีแก่ใจว่าความสันตินี้คงอยู่ได้ไม่นาน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัญหา ซึ่งก็คือ…เธอบอกว่าตัวเองเป็นแนวหลัง แต่ทำไมถึงได้มองความตายของพวกเดียวกันด้วยสายตาโกรธแค้นขนาดนั้น? อย่างนี้ร่างปรสิตพวกนั้นจะไม่รู้สึกว่ามีอันตรายซ่อนอยู่ข้างหลังพวกเขาหรอ? เวลากินข้าวอยู่จะไม่รู้สึกขนลุกบ้างเลยหรือไง!
อีกอย่าง เธอดูไม่เหมือนคนที่สามารถเก็บอารมณ์ได้ตลอดเวลาเลยด้วย! ต้องบอกก่อนว่า เมื่อกี้ตอนที่จินตนาการว่าจะจัดการกับศพของพวกเดียวกันด้วยวิธีไหน สีหน้าเธอตื่นเต้นราวกับสามารถบินได้เลยทีเดียว!
“ใช่สิ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากถามพวกนาย…” ในตอนนี้เอง หญิงสาวพลันชะงักเท้า และหันหน้ากลับมา พวกหลิงม่อที่กำลังคิดฟุ้งซ่านพลันสะดุ้ง ทว่าหญิงสาวกลับไม่สนใจสีหน้าตกใจของพวกเขาราวกับมองไม่เห็น แล้วพูดต่อว่า “ฉันถามตรงๆ เลยแล้วกัน…พวกนายตั้งใจจะจัดการกับที่นี่ยังไง?”
“จัดการอะไร?” เย่ไคย้อนถามโดยอัตโนมัติ
หญิงสาวมองหน้าพวกเขา ชั่วขณะหนึ่งแววเจ็บปวดทรมานพาดผ่านในดวงตา “ฉันหมายความว่า พวกนายคิดจะรับช่วงต่อที่นี่ หรือว่า…”
“พวกเราจะไม่อยู่ที่นี่” หลิงม่อตอบอย่างใจเย็น จากนั้นก็ลอบสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวเงียบๆ แต่ที่ทำให้เขาผิดคาดก็คือ หญิงสาวทั้งไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงความผิดหวังออกมาให้เห็น เธอเพียงรับคำ “อ๋อ” คำเดียว แล้วหันกลับไปนำทางต่อ
“เดี๋ยวก่อน…เธอชื่ออะไร?” หลิงม่อขมวดคิ้ว แล้วถาม
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงค่อยตอบ “ฉันลืมไปแล้ว”
“ลืม?”
มีใครลืมชื่อตัวเองด้วยหรอ…
ทว่าหลิงม่อกลับรู้สึกได้รางๆ แล้ว หญิงสาวคนนี้ มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง…
หลังจากที่โกดังอาหารแห่งนี้ถูกเหล่ามนุษย์แมงมุมดัดแปลงสถานที่ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมอย่างที่เธอบอกจริงๆ แม้แต่ในโกดังก็มีแต่ใยแมงมุมเต็มไปหมด แต่โชคดีที่ในสถานที่กักเก็บอาหารไม่มีแมงมุมที่มีชีวิตอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว
“ของพวกนี้มีไว้ให้คนเป็นกิน ดังนั้นในเวลาปกติแมงมุมจะไม่เข้ามาในนี้ พวกนายดูใยแมงมุมที่อยู่สองข้างประตูนั่น มันเป็นใยแมงมุมที่ลูกพี่พ่นออกมาด้วยตัวเอง หากเป็นแมงมุมที่อยู่ในโกดังล้วนไม่กล้าเข้าใกล้ที่นี่” หญิงสาวอธิบายอย่างรู้งาน
“มีประสิทธิภาพแบบนี้ด้วยหรอ…” เย่เลี่ยนพึมพำอย่างฉงน สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ มีเพียงพวกเธอเท่านั้นที่จะ “ชื่นชม” อย่างมีความสุขได้อย่างนี้ ส่วนคนอื่นๆ ล้วนทำหน้าแหย กระทั่งอดนึกภาพที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นห้อยตัวอยู่ตรงนั้นเพื่อพ่นใยอย่างสุดชีวิตขึ้นมาไม่ได้…
“อ้วกก…” มู่เฉินมีอาการอยากอาเจียนขึ้นมาทันที…
“ที่นี่คือที่ที่พวกเรามาเอาอาหารในเวลาปกติ” ไม่นานทุกคนก็เดินมาถึงสถานที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยกองกระสอบข้าวสาร โดยที่ด้านนอกถูกใยแมงมุมห่อหุ้มไว้ไม่ต่างกัน เหลือไว้เพียงช่องว่างแคบๆ หลายช่อง
หญิงสาวยื่นมือไปยังช่องว่างหนึ่งในนั้น จากนั้นก็ดึงท่อเส้นหนึ่งออกมา เม็ดข้าวสารไหลลงมาตามแนวท่อดัง “ซ่า” และตกลงไปในกะละมังที่อยู่ด้านล่าง
“เดิมทีโกดังพวกนี้มีอุปกรณ์ระบายอากาศกับระบายความชื้นติดตั้งอยู่ แต่ตอนนี้พอไม่มีไฟฟ้าก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ว่าใยแมงมุมพวกนี้มีคุณสมบัติเหมือนแรปถนอมอาหาร พวกมันสามารถถนอมอาหารไว้ได้เป็นเวลานาน ดังนั้นถ้าพวกนายยอมอยู่ที่นี่ต่อ อาหารพวกนี้ก็มากพอที่จะให้พวกนายกินไปได้อีกนาน” หญิงสาวหยิบข้าวสารขึ้นมากำหนึ่ง พลางพูดขึ้น
“ช่างเถอะ ที่นี่น่ากลัวเกินไป ฉันขอออกไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกดีๆ ดีกว่า” อวี่เหวินซวนกอดอกพูดอย่างขยาด
“ก็จริง การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แทบไม่ถือว่าเป็นคนแล้ว…” หญิงสาวมองหน้าเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินหน้าต่อไปอีกหลายก้าว และพยายามดึงใยแมงมุมออก เผยให้เห็นประตูเหล็กบานหนึ่ง “ข้างหลังประตูบานนี้มีอาหารอยู่จำนวนมาก ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพปิดตาย ถ้าหากมีแค่พวกนาย ฉันว่าน่าจะพอให้กินไปได้ทั้งชาติ แน่นอน ฉันอาจพูดโอเวอร์ไป แต่ว่าจำนวนอาหารมีมากจนน่าตกใจจริงๆ”
“เธออยากจะพูดอะไรกันแน่?” หลิงม่อกลับพูดตัดบทเธอทันที
หญิงสาวชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด แต่จากนั้นก็หัวเราะ “พวกนายนี่ช่าง…”
“ตลอดทางเธอให้ความร่วมมืออย่างดีจนผิดสังเกต เธอทำอย่างนี้ ไม่ใช่แค่เพราะอยากรอดชีวิตแน่นอน ใช่ไหม? อีกอย่าง เธอเอาแต่เน้นย้ำเรื่องจำนวนอาหาร ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก ใช่ไหม?” หลิงม่อขมวดคิ้วพูด
เรื่องจริงเป็นอย่างที่เขาว่า…ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ทำเพื่อตัวเอง ตอนนี้เธอคงไม่ต้องทำตัวมีลับลมคมในแล้ว ด้านหนึ่งซ่อนความลับ ด้านหนึ่งพยายามทำดีด้วย ดังนั้นจึงเดาได้ไม่ยาก ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน
“เดิมทีฉันตั้งใจว่าจะให้ข้อมูลพวกนายอีกหน่อย จากนั้นก็ค่อยบอก…” หญิงสาวใช้นิ้วมือเสยผมทัดหลังหู แต่กลับไม่รีบร้อนพูดออกมา เพียงเดินตามใยแมงมุมไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง เธอดันกล่องไม้กล่องหนึ่งออกไป แล้วดึงผ้าม่านไปไว้ฝั่งหนึ่ง เผยให้เห็นประตูนิรภัยบานหนึ่ง “ช่างเถอะ พวกนายตามฉันมาเลยแล้วกัน อีกอย่างฉันคิดว่าพวกนายคงรู้อยู่บ้างแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน”
เมื่อเสียง “แอ๊ด” ดังขึ้น ประตูห้องก็ถูกผลักออกเบาๆ…
ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ช่องประตูถูกแง้มเปิด กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ ผสมกลิ่นเหม็นเน่าพลันลอยพุ่งออกมาทันที
พวกหลิงม่อที่ถูกกลิ่นนี้โจมตีกะทันหันพลันขมวดคิ้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเย่เลี่ยนที่มีประสาทรับกลิ่นอันยอดเยี่ยม
เหล่าซอมบี้สาวต่างพากันปิดจมูก มองแวบแรกอาจเหมือนทนรับกลิ่นไม่ไหว แต่ความจริงพวกเธอกำลังพยายามข่มสัญชาตญาณของตัวเองต่างหาก
“พี่หลิง ที่นี่…” เย่เลี่ยนดึงชายเสื้อหลิงม่อจากด้านหลัง และพูดขึ้นเสียงเบา
หลิงม่อรีบหันกลับไปกุมมือเธอ จากนั้นก็มองเข้าไปในช่องประตู ด้านในมีแต่ความมืดมิด ไร้เสียงเล็ดลอด ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ประตูถูกเปิด หลิงม่อพลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งทันที
“ที่นี่คือที่ไหน?” เย่ไคมองเข้าไปข้างใน พลางถาม
หญิงสาวกลับไม่พูดอะไร เพียงแค่ถือไฟฉายเดินเข้าไป เห็นอย่างนั้น มู่เฉินจึงกัดฟันแล้วรีบเดินตามไปทันที ถ้าหากว่าเธอวางแผนสกปรกอะไรไว้ข้างใน ต้องไม่ดีแน่
มีเพียงหลิงม่อที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก เหมือนกับที่หญิงสาวพูด เขาเดาได้รางๆ แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน…
หลังจากเดินเข้าไป ทุกคนต่างชะงักงัน
ที่นี่เป็นโกดังที่กว้างขวาง แต่สิ่งที่กักเก็บไว้กลับไม่ใช่อาหาร ทว่าเป็น…คนจำนวนมาก
มนุษย์เหล่านี้ถูกห่อหุ้มไว้ในใยแมงมุม จากนั้นก็ถูกวางกองรวมกันข้างกำแพง ส่วนมากในนั้นล้วนหลับตา มีเพียงจำนวนน้อยที่กลับเบิกตากว้าง และจ้องมองกลุ่มคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเลื่อนลอย
ในดวงตาของพวกเขาเหลือไว้เพียงความมืดมน ถึงแม้ว่ามีคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้า แต่ก็ไม่อาจดึงดูดการตอบสนองจากพวกเขาได้เลย…