บทที่ 223 นำทาง! เจอ อเลสเตอร์ ล่ะ!
สึจิมิคาโดะ โมโตฮารุ! มุสึจิเมะ อาวากิ! อิซารี่!
นอกจากแอคเซราเรเตอร์ ณ ตอนนี้องค์กรใต้ดินแห่งเมืองการศึกษา ‘GROUP’
ได้มารวมตัวกันครบแล้ว!
มองดูว่าที่สมาชิก ‘GROUP’ ทั้งสามในอนาคต วู่หยานรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย
ใครจะไปคิดล่ะว่าแค่โดนยัยูยริน่าตายส่งมาลงถึงขยะแต่ดันต้องมาเจอคน
มากมายแบบนี้ ควรพูดว่าสมแล้วจริงๆที่เป็นตัวเอกใช่ป่ะ? ไอ้เรื่องที่ชอบเจอแต่
ปัญหาน่ะ……
ถูกแล้ว เมื่อเห็น มุสึจิเมะ อาวากิ โผล่มา วู่หยานก็รู้ตัวแล้วว่างานเข้า!
มุสึจิเมะ อาวากิ เป็นใครน่ะเหรอ? เธอคือผู้เชี่ยวชาญด้านเทเลพอตที่เก่ที่สุดใน
เมืองแห่งการศึกษา เธอต่างจากคุโรโกะ เธอไม่จำเป็นต้องแตะต้องวัตถุก่อนเทเล
พอตเหมือนยัยยูรินั่น โดยไม่ต้องไปสนใจตัวเธอในอนาคตเอาแค่ตัวเธอตอนนี้ก็นับ
ได้ว่าสถานะไม่ธรรมดาแล้ว!
นำทาง!
เธอมีหน้าที่คือพาตัวคนที่ อเลสเตอร์ ต้องการเจอตัวไปที่ตึกไร้ประตูหน้าต่างนั่น
สรุปคือเธอมีหน้าที่นำทางไงล่ะ!
แล้วการที่ยัยนี่ปรากฏตัวออกมานั่นก็หมายความได้ว่า……
“นายคือวู่หยาน?”
มุสึจิเมะ อาวากิ ไม่มอง สึจึมิคาโดะ กับ อิซารี่แม้แต่น้อย เธอมองตรงมาที่วู่หยาน
ตอนนี้เธอยังไม่ผ่านช่วงที่ต้องต่อสู้แย่งชิงเศษชิ้นส่วน Tree Diagram กับคุโรโกะ
ดังนั้นจึงยังไม่ได้เข้าร่วม ‘GROUP’ จึงไม่ได้ให้ความสนใจ สึจึมิคาโดะ กับ อิซารี่
มองดูสาวน้อยที่ใส่ชุดเปิดเผยเนื้อหนังเหมือนอิคารอสกับแอสเทรีย วู่หยานก็คิด
ว่าตนเองช่างซวยดีจริงๆ
แต่ถึงยังงั้นวู่หยานก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรที่ต้องไปเจออเลสเตอร์ เพราะเขารู้ว่าด้วย
บาเรียสนามพลังแม่เหล็ก นี่มันช่วยให้เขาหลบซ่อนจากสายตาอีกฝ่ายได้แค่
ชั่วคราวเท่านั้น!
ตั้งแต่ที่รู้ว่า UNDER LINE ใช้ไม่ได้ผล ด้วยมันสมองของอเลสเตอร์มันมีวิธีอีก
มากมายที่สามารถล่อเขาออกมาได้!
ดังนั้น วู่หยานจึงคาดการณ์ไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน แล้วเขาก็ได้เตรียมตัวรอ
ไว้แล้ว แต่เขาแค่ไม่คิดจริงๆว่าจะโดนเจอตัวเร็วขนาดนี้……
นัยน์ตาสีแดงฉานเหลือบมองอาวากิที่ทำท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจอะไร วู่หยานก็
ยิ้มออกมา “อเลสเตอร์อยากเจอฉันงั้นสินะ?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั้งสามคนก็ช็อค อาวากิหยุดทำท่าทางเอื่อยเฉื่อยทันที แล้ว
มองวู่หยานด้วยสีหน้าตื่นตัวไม่เว้นแม้แต่สึจิมิคาโดะ
“เนียะ พี่ชายถึงกับรู้จักคนคนนั้นด้วย ดูเหมือนว่าพี่ชายจะไม่ง่ายเหมือนฉากหน้า
จริงๆด้วยสินะเนียะ”
สึจิมิคาโดะพูดด้วยความช็อคอีกสองคนก็ไม่ต่างกัน เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าตอน
ที่วู่หยานพูดชื่อที่พวกเขาเกรงกลัวออกมา นอกจากอีกฝ่ายจะดูไม่กลัวแล้วยังดูไม่
แยแสด้วย ราวกับว่า……
ราวกับว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจชายที่ชื่อว่า อเลสเตอร์ เลย!
เอาจริงๆกับอเลสเตอร์ วู่หยานก็กลัวมันจริงๆแหละ แต่ถ้าจะให้เขากลัวแม้แต่
ตอนพูดชื่อมันล่ะก็บอกเลย อเลสเตอร์ ยังไม่คู่ควร ที่จะให้เขา ผู้ท่องไปโลกต่างๆ
กลัวถึงขั้นนั้น!
“ใช่ ผู้อำนวยการต้องการเจอนาย!” คำพูดที่ไม่สุภาพเล็กน้อย บ่งบอกใจของตัว
คนพูด อาวากิ นั่นไม่สงบ การที่สามารถพูดชื่อคนที่เธอกลัวด้วยท่าทางไม่แยแสได้
ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนที่เธอไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวด้วยแบบสุดๆ!
“ดี! ดีมาก!”
วู่หยานเดินตรงไปจนถึงด้านหน้าอาวากิ แล้วมองเข้าไปในดวงตาที่สั่นไหวด้วย
ความกลัวเล็กน้อยของเธอ เขาก็เบาๆว่า
“เกมหนูไล่จับแมวบัดซบนี่ควรที่จะจบได้แล้ว!” (@หมายถึงตัววู่หยานที่ต้องคอย
ซ่อนตัวจากอเลสเตอร์ไม่ต่างจากหนูกลัวแมว)
เสียงพูดเบาๆไม่ต่างจากยุงนี่ เมื่อเข้าไปในหูของทั้งสามก็ไม่ต่างจากเสียงระเบิด
ตูม!
“เฮ้ เฮ้ พี่ชาย คงไม่ได้คิดจะสู้กับคนคนนั้นจริงๆหรอกนะใช่มั้ย?”
สึจิมิคาโดะ ถึงกับลืมพูดว่า ‘เนียะ’ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาช็อคขนาดไหน!
วู่หยานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ “ไม่ได้คิด แต่พวกเราสู้กันไปแล้ว…..”
ทั้งสามคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านของตัวเองถึงกับไม่เชื่อหูว่าตัวเองได้ยินอะไรไป
นี่ วู่หยาน เขาสู้กับตัวตนระดับนั้นไปแล้ว!?
วู่หยานไม่ได้โกหก ตั้งแต่ตอนที่เขาขโมยซิสเตอร์คนแรก ต่อมาได้ทำลายแผนการ
ของอเลสเตอร์ ทั้งหมดนี่ก็เท่ากับพวกเขาได้สู้กันแล้ว!
สึจิมิคาโดะ อาวากิ อิซารี่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะช็อคกับคำพูดวู่หยานแต่ก็ไม่ได้
ถึงกับสมองหยุดทำงาน สึจิมิคาโดะรีบยืนขึ้นแล้วพูดกับวู่หยานว่า
“พี่ชาย ถ้าเป็นไปได้นายไม่ควรทำเรื่องให้มันบานปลายจะดีกว่านะ นายต้องรู้นะ
ว่าที่นี่คือเมืองแห่งการศึกษา ถ้านายทำเกินไปมันจะไม่มีใครได้ประโยชน์กับสิ่งที่
จะตามมาเลย!”
ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็ยิ้มน้อยๆแล้วมองสึจิมิคาโดะ “นายคิดว่าฉันจะกลัวเมือง
แห่งการศึกษา”
จากนั้นวู่หยานก็ไม่ได้สนใจท่าทีของทั้งสามคนอีก เขาส่ายหน้าหัวเราะ
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้างตัวอเลสเตอร์มีเจ้านั้นอยู่ล่ะก็ ฉันคงไม่ได้ต้องลำบาก
เตรียมการอะไรแบบนี้!”
…เจ้า…นั้น….
สึจิมิคาโดะ อาวากิ อิซารี่ ตัวสั่นระริกจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ความหายในคำพูดของวู่หยาน ด้วยมันสมองของทั้งสามคนไหนเลยจะคิดไม่ออก?
มันหมายความว่าผู้อำนวยการของเมืองแห่งการศึกษายังมีไพ่ตายซ่อนไว้อยู่!
ทั้งสามรู้สึกว่าถ้าพวกเขาฟังต่อไปล่ะก็ อาจจะได้รู้ความลับที่ลึกที่สุดของอเล
สเตอร์ก็ได้! (@อันนี้เขาเรียกสปอยครับ555)
วู่หยานมมีท่าทีราวกับไม่รู้ว่าคำพูดตัวเองได้ทำให้จิตใจของทั้งสามสั่นไหวขนาด
ไหน หรือเขาอาจจะรู้แล้วรู้สึกสนุกกับท่าทีของพวกเขาอยู่ในใจก็ได้ ไม่มีใครรู้…….
สึจิมิคาโดะ พ่นลมหายใจออกมาหลายครั้ง แล้วโยนความคิดมากมายในหัวทิ้งไป
นัยน์ตาภายใต้แว่นกันแดดมองวู่หยานอย่างล้ำลึก จากนั้นสึจิมิคาโดะก็เดินไป
ด้านหน้าหลายก้าว
“พี่ชาย ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่ว่าคำพูดที่บอก
ไม่กลัวเมืองแห่งการศึกษาของนาย ฉันรู้สึกได้ว่านายไม่ได้พูดโกหก ดังนั้นฉัน
ขอร้องล่ะอย่าไปสู้กับคนคนนั้นเลย! ได้โปรดเถอะ!”
สึจิมิคาโดะไม่ได้พูด ‘เนียะ’แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขาในคำพูดของเขา นี่
ทำให้วู่หยานปรับตัวไม่ทัน
แต่เขาก็รู้นะว่าทำไม สึจิมิคาโดะ ถึงได้พูดขอร้องออกมา!
ในใจของอีกฝ่าย บางทีตัวตนของเขาคงกลายเป็นยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าอเลสเตอร์
ถ้ายักษ์ใหญ่สองตัวสู้กันย่อมมีคนโดนลูกหลงแน่นอน!
เหมือนกับคำพูดที่ว่า ‘เทพสู้รบกัน มนุษย์พังพินาศ’…….
เมื่อถึงเวลานั้น ความต้องการที่จะปกป้องให้โลกสมดุลของสึจิมิคาโดะก็ต้องถูก
ทำลาย!
บางที สึจิมิคาโดะคงเชื่อไปแล้วว่าเขาเป็นตัวตนระดับเดียวกับอเลสเตอร์ ถ้าเขา
กับอเลสเตอร์สู้กันย่อมส่งผลกระทบกับอีกหลายชีวิตแน่ สงครามระหว่างเทพไม่
เคยมีผลดีกับมนุษย์ ดังนั้นสึจิมิคาโดะจึงพูดขอร้องออกมาก่อนที่พวกเขาจะสู้กัน
จริงๆ….
ทว่านี่ทำให้วู่หยานต้องหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ…….
สึจิมิคาโดะคงคิดว่าเขากับอเลสเตอร์ยังสามารถจับมือคุยกันดีได้ ทว่าความเป็น
จริงแล้วมันตรงกันข้ามเลย!
ถ้า อเลสเตอร์ ต้องการบรรลุแผนการของตัวเอง ตัวตนของเหล่าซิสเตอร์จึงขาด
ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ทว่าวู่หยานเองก็ไม่ยอมส่งมอบเหล่าซิสเตอร์ให้ไปเป็นเครื่องมือของ อเลสเตอร์
อีกเด็ดขาดเช่นกัน!
แล้วอย่างนี้ เขากับมันยังจะคุยกันดีๆได้อีกหรือ?……..
สรุปก็คือ วู่หยาน กับ อเลสเตอร์ ถ้าใครคนนึงไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจของตัวเอง
พวกเขาทั้งสองก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้เด็ดขาด!
สึจิมิคาโดะ หวังว่าเขาจะยอมอ่อนข้อให้กับอเลสเตอร์สินะ? ฝันไปเถอะเอ็ง…….
นัยน์ตาสีแดงหันไปมองที่สึจิมิคาโดะ อีกฝ่ายเองก็ไม่กลัวจ้องกลับมาเช่นกัน วู่
หยานรู้ว่าถ้าเขาไม่ให้คำตอบมันล่ะก็ ไอ้คนที่หวังว่าโลกจะสงบสุขอย่างมันต้องใช้
ทุกวิถีทางเพื่อให้เขารู้รสชาติถึงที่มาของฉายา ‘มีดที่แทงข้างหลัง’ แน่……
มีคำพูดมากมายในหัวของวู่หยาน สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่พูดออกมาว่า
“ฉันจะพยายาม….”