บทที่ 508 : ยกเลิกสัญญาแต่งงาน!

“หลิง.. หลิงหยุนงั้นรึ? หลิงหยุนใหน?”

หลงเทียนเจียวกระโดดลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่บวมเป่ง และซีดเซียวจนไร้สีเลือด พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยความตกตะลึง..

หลิงหยุนมองหลงเทียนเจียวที่กำลังยืนหน้าซีดเมื่อได้ยินชื่อของเขา พร้อมกับแอบคิดว่าชื่อของเขานั้นน่าสยดสยองถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

หลงเทียนเจียวน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนอย่างแน่นอน และจู่ๆ หลิงหยุนก็นึกถึงหลงเทียนยู่ขึ้นมาทันที!

ในคืนวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น หลิงหยุนได้ทำให้หลี่ยั่วหมิง หลงเทียนยู่ และแม้แต่นายน้อยแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะอย่างฮู๋เซ่าป๋ายถึงกับตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง เป็นไปได้อย่างมากว่าหลงเทียนยู่อาจจะเล่าเรื่องของเขาให้คนในครอบครัวฟัง

 ‘น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้..’ หลิงหยุนแอบครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ

แต่ความจริงแล้ว.. หลิงหยุนกลับคาดเดาผิด!

ตระกูลหลงนั้นต้องเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เพียงใด และหยั่งรากลึกแค่ใหน จึงจะได้เป็นถึงตระกูลที่มีอิทธิพลต่อประเทศจีน อีกทั้งประวัติของตระกูลหลงนั้น แม้แต่ตระกูลเก่าแก่ และนิกายลับต่างๆ ยังไม่กล้าตีเสมอ!

ตระกูลหลงเป็นครอบครัวใหญ่ และมีลูกหลานมากมาย แต่ถึงแม้ว่าลูกหลานในตระกูลจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจน

ท่ามกลางการแตกกิ่งก้านสาขามากมายของตระกูลหลงนั้น แต่ละฝ่ายในตระกูลต่างก็มักต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์กันเองอยู่เสมอ จึงมีเรื่องขัดแย้งกันไม่สิ้นสุด!

หลงเทียนยู่ และหลงเทียนเจียวนั้น แม้จะมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติ แต่ทั้งคู่ก็อยู่กันคนละฝ่าย  และมีอุปนิสัยที่แตกต่างกัน!

หลงเทียนยู่นั้นแม้แจะชื่นชอบเสี่ยวเม่ยหนิง แต่ก็ใช้เวลาทำความรู้จัก และสร้างมิตรภาพกับเธออยู่เป็นเดือน แต่หลงเทียนเจียวนั้น กลับขอให้ครอบครัวจัดการรวบรัดเรื่องการแต่งงานกับหลินเมิ่งหานให้ทันที..

ทั้งคู่นั้นมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน!

ท่านเสี่ยวหมอเทวดานั้นเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน และได้เกษียณตัวเองมาอยู่ที่เมืองจิงฉูกับหลานสาว แต่เพราะเขามีลูกชายเพียงแค่คนเดียว อีกทั้งยังมีความรู้ความสามารถทางการแพทย์ที่สูงส่ง แม้จะเกษียณตัวเองออกมาแล้ว แต่ก็ยังคงรักษาผู้คน และทำธุรกิจต่อไป..

และก็มีหลานสาวเพียงแค่คนเดียวคือเสี่ยวเม่ยหนิง และวันหน้าหากนางแต่งงานไป ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเสี่ยว ก็ย่อมต้องตกเป็นของตระกูลอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางด้านหลินเมิ่งหานนั้น แม้ว่าตระกูลหลินจะไม่มียอดฝีมือ แต่ปู่ของเธอก็เคยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการทหาร จึงเป็นที่รู้จักของแวดวงทหารในกองทัพของจีนเป็นอย่างดี

ส่วนบิดาของหลินเมิ่งหานนั้น ก็เป็นถึงผู้บังคับบัญชาการของทหารหน่วยหนึ่ง และลุงของเธอก็มีตำแหน่งสูงกว่าพ่อของเธอถึงหนึ่งขั้น

สถานะของตระกูลหลินจึงเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศจีน และหลินเมิ่งหานก็นับว่าเป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูลทหาร!

หากหลงเทียนเจียวได้แต่งงานกับหลินเมิ่งหาน ตระกูลหลงก็จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลินเช่นกัน และนั่นจะยิ่งเสริมให้ตระกูลหลงแข็งแกร่ง และเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่นคงในประเทศมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะสามารถขยายอิทธิพลไปได้ทั่วโลก!

ตระกูลหลงนับว่าเป็นตระกูลที่สามารถสร้างความสมดุลได้ดี จึงสามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางตระกูลใหญ่ต่างๆได้อย่างมั่นคง

ท่านเสี่ยวหมอเทวดานั้น ถึงแม้จะสามารถใช้ความรู้ความสามารถทางด้านการแพทย์รักษา และช่วยชีวิตผู้คนได้เป็นร้อยเป็นพัน แต่ก็คงไม่อาจต่อกรกับพวกเสือ และจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เหล่านี้ได้!

อิทธิพลและอำนาจของตระกูลเสี่ยวนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลหลิน เช่นเดียวกับฐานะของหลงเทียนยู่ในตระกูลหลง ที่ไม่สามารถเทียบได้กับฐานะของหลงเทียนเจียวเช่นกัน!

ภายในตระกูลหลง หลงเทียนยู่ และหลงเทียนเจียวก็อยู่กันคนละฝ่าย และถึงแม้จะอยู่ในฝ่ายเดียวกัน ก็ยังต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นในระหว่างพี่น้องกันเอง จึงแทบไม่ต้องพูดถึงฝ่ายอื่นว่าจะต้องแข่งขันกันมากเพียงใด

เมื่อหลงเทียนยู่กลับไปที่เมืองหลวง ก็ได้เล่าเรื่องของหลิงหยุนให้กับผู้อาวุโสในตระกูลฟังแล้ว

ทางด้านหลงเทียนเจียวก็ได้รับคำสั่งลับจากระดับผู้นำของตระกูลว่า..

-หากเจ้าได้พบกับหลิงหยุน ต้องระวังอย่าไปล่วงเกินเขา!-

แน่นอนว่าจะต้องมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ในคำสั่งลับนี้ แต่หลงเทียนเจียวไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถสอบถามได้ เขามีหน้าที่เพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่งลับของตระกูลเท่านั้น!

หลิงหยุนไม่รู้จักตระกูลหลง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนของคนในตระกูล แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ตกตะลึงของหลงเทียนเจียว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“หลิงหยุนใหนงั้นรึ? คนแซ่หลิงมีเกลื่อนกลาดในประเทศนี้ คนชื่อหยุนก็มีอยู่มากมายเช่นกัน แต่คนที่สามารถชนะเจ้าได้ถึงสองครั้งสองครา ข้าคิดว่าคงจะมีไม่มากนักใช่หรือไม่?”

ไม่ว่าจะเป็นสนามรัก หรือว่าสนามรบ หลงเทียนเจียวก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุน และหลิงหยุนก็ไม่คิดที่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด!

หลิงหยุนพูดไม่ผิด.. ใช่แล้ว! คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ถึงสองครั้งสองครานั้นมีไม่มากนักจริงๆ และต่อให้มี หากได้รู้ฐานะของหลงเทียนเจียว ก็ไม่กล้าที่จะลงมือซ้ำอีกอย่างแน่นอน!

หลงเทียนเจียวอ้าปากกว้าง และจ้องมองหลิงหยุนอยู่นาน..

คำสั่งลับของตระกูลหลงนั้น ห้ามไม่ให้หลงเทียนเจียวสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับหลิงหยุน ซึ่งก็เท่ากับว่า เขาจะไม่สามารถทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับหลิงหยุน และไม่สามารถตอบโต้หลิงหยุนคืนได้!

หลงเทียนเจียวรู้สึกท้อแท้ และหมดกำลังใจอย่างมาก..

หลงเทียนเจียวทั้งอับอายขายหน้า และเกลียดชังหลิงหยุน เขาเกลียดหลิงหยุนเข้ากระดูกดำ และแทบจะอดทนรอแล่เนื้อเถือหนังของหลิงหยุนไม่ได้ เขาอยากจะตัดหัวของหลิงหยุนออกมาเตะแทนลูกฟุตบอลด้วยซ้ำไป!

แต่ตอนนี้.. หลงเทียนเจียวมีหนทางที่จะแก้แค้นหลิงหยุนคืนได้ดีกว่านั้น!

ความจริงแล้ว.. ที่หลงเทียนเจียวถามชื่อแซ่ของหลิงหยุนนั้น ก็เพื่อที่จะกลับไปขอให้พี่น้อง และสหายในกลุ่มมังกรกับกลุ่มนภามาช่วยจัดการกับหลิงหยุน เพื่อเป็นการกู้หน้าให้กับตัวเอง!

หลินเมิ่งหานนั้นคงจะตกเป็นผู้หญิงของหลิงหยุนมานานแล้ว แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้แต่งงานกับหลิงหยุน แต่ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหองของหลงเทียนเจียว ไม่มีทางที่เขาจะยอมแต่งงานกับหลินเมิ่งหาน และกินน้ำใต้ศอกจากหลิงหยุนอย่างแน่นอน

แต่เมื่อหลงเทียนเจียวได้ยินว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขานี้ชื่อหลิงหยุน และยืนยันว่าเป็นหลิงหยุนจริง.. เขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก

ตอนนี้หลงเทียนเจียวแทบอยากจะรู้ว่า เพราะเหตุใดผู้นำตระกูลหลงจึงต้องออกคำสั่งลับเช่นนั้น!

ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่คุมกองทัพของประเทศ ตระกูลหลงต้องใช้ทั้งการต่อรอง และข่มขู่ตระกูลหลิน พวกเขาจึงยอมให้หลงเทียนเจียวหมั้นหมายกับหลินเมิ่งหานได้ แต่หลิงหยุนกลับชุบมือเปิบ!

-หากเจ้าได้พบกับหลิงหยุน ต้องระวังอย่าไปล่วงเกินเขา!-

แม้ว่าหลงเทียนเจียวจะไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ เพราะหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลงเทียนเจียวจะเป็นคนหน้าโง่ที่ไม่เรียนรู้อะไร.. เขาแตกต่างจากซันจิ้งซึ่งเป็นหนุ่มเพลย์บอยอย่างสิ้นเชิง และในบรรดาคนรุ่นใหม่นั้น หลงเทียนเจียวนับว่าเป็นเลิศในทุกๆด้าน

คนหนึ่งก็เป็นคนของตระกูลหลิน ส่วนอีกคนก็คือหลิงหยุน หลงเทียนเจียวควรเลือกฝ่ายใหนนั้น เพียงแค่ใช้หัวแม่โป้งคิด.. เขาก็เลือกได้!

ระหว่างการดองกับตระกูลหลิน กับยอดฝีมือที่สามารถเอาชนะเขาได้ ใครกันที่จะช่วยให้ฐานะในตระกูลหลงของเขามั่นคงในวันข้างหน้า หลินเมิ่งหานแทบจะไม่มีความหมายอะไรในเวลานี้?

หลงเทียนเจียวมีสาวงามมากมายที่เขาสามารถหลับนอนด้วยได้ และครั้งนี้เขาคิดที่จะตัดใจจากหลินเมิ่งหานเพื่อเอาอกเอาใจหลิงหยุน!

ในเมื่อหลินเมิ่งหานกับหลิงหยุนต่างก็มีอะไรกันแล้ว คงจะดีกว่าหากเขาได้กลายเป็นสหายกับหลิงหยุน และการทำเช่นนี้ก็จะทำให้หลิงหยุนชื่นชอบ และพอใจได้โดยที่เขาไม่ต้องลงทุนอะไร

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลงเทียนเจียวก็เก็บซ่อนความไม่พอใจที่ถูกหลิงหยุนตบหน้า และเตะด้วยเท้าไว้ภายในใจ

และนี่คือสิ่งที่คนรุ่นใหม่ของตระกูลหลงได้รับการอบรมมา – ผลประโยชน์ และหน้าตาของตระกูลต้องมาก่อนเรื่องอื่น

แล้วหลงเทียนเจียวก็แสร้งทำเป็นยกมือขึ้นปัดฝุ่นตามร่างกาย เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน ใบหน้าของหลงเทียนเจียวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แววตาที่มองหลิงหยุนมีเพียงความอ่อนโยน และจริงใจราวกับพี่น้อง!

หลิงหยุนถึงกับงุนงงที่จู่ๆหลงเทียนเจียวก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาได้แต่คิดในใจว่าหลงเทียนเจียวผู้นี้คงจะเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?

หลงเทียนเจียวยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ริมฝีปากออก จากนั้นจึงก้าวไปยืนข้างหน้าหลิงหยุน มือของเขากำแน่น และพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวด พร้อมกับฝืนยิ้มให้หลิงหยุนและพูดขึ้นว่า

“ข้า – หลงเทียนเจียวแห่งตระกูลหลง ได้ยินชื่อหลิงหยุนมานาน วันนี้มีโอกาสได้พบหน้านับว่าเป็นโชคดีของข้านัก!”

ลักษณะท่าทาง และคำพูดคำจาของหลงเทียนเจียวนั้นดูช่างจริงใจอย่างมาก เขาทำราวกับว่าตนเองเคยได้ยินชื่อและรู้จักหลิงหยุนมาเป็นเวลานานแล้ว และทำราวกับว่าเพิ่งจะได้พบหน้าหลิงหยุน และไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นก่อนหน้านี้!

หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็นับว่าหลงเทียนเจียวเป็นคนใจกว้างคนหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งที่เพิ่งจะถูกทำให้ได้รับความอัปยศมา แต่กลับสามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถลืมเรื่องบาดหมางที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ในทันที หากไม่ใช่หนุ่มเพลย์บอยอย่างคุณชายหลง ก็คงยากที่จะทำเช่นนี้ได้!

สรุปง่ายๆก็คือว่า.. หลงเทียนเจียวนั้นเป็นคนประเภทที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง โดยไม่สนใจกติกา หรือว่าผิดถูก ขอเพียงแค่กำจัดศัตรูได้เท่านั้นเป็นพอ หลงเทียนเจียวจึงนับว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ และอันตรายอย่างมาก

แม้หลิงหยุนจะค่อนข้างงุนงงกับคำพูดและกิริยาของหลงเทียนเจียว แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบบเฉยและสงบนิ่งเช่นเคย เขาเพียงแค่ยิ้มและตอบกลับไปว่า

“อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นคนของตระกูลหลงนี่เอง เจ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆจะดีกว่า..”

หลิงหยุนต้องการรู้ว่าหลงเทียนเจียวจะมาไม้ใหนกันแน่?

หลงเทียนเจียวเพียงแค่ชายหางตาไปมองหลินเมิ่งหาน และหันไปพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า

“ในเมื่อน้องหลิงเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลหลงมาบ้าง ข้าก็จะไม่อ้อมค้อม เอาล่ะ.. วันนี้พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันมาก!”

หลิงหยุนไม่พูด แต่ในใจกลับนึกหยัน..

หลงเทียนเจียวพูดต่อ “ข้า –  หลงเทียนเจียว เป็นคุณชายคนที่ห้าของตระกูลหลง อายุยี่สิบห้าปี การอยู่ในตระกูลใหญ่นั้นใช่ว่าจะสามารถทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง เมื่อถึงวัยที่เหมาะสมก็ต้องแต่งงาน และครอบครัวก็ได้จัดการเรื่องการแต่งงานให้ข้าไว้แล้ว ข้าไม่ทำตามก็ไม่ได้.. หวังว่าน้องหลิงจะเข้าใจ..”

หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม..

หลงเทียนเจียวชิงพูดต่อว่า “การมาของข้าในวันนี้ ทำให้ข้าได้รู้ว่าตระกูลหลินได้ตกเป็นของน้องหลิงไปแล้ว ข้าจึงจะไม่แต่งงานตามที่ผู้ใหญ่จัดให้! ข้า-หลงเทียนเจียวแม้ไม่ใช่คนดีนัก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร..”

หลังจากที่พล่ามอยู่นาน หลงเทียนเจียวจึงยิ้มออกมา และประกาศต่อหน้าหลิงหยุนกับหลินเมิ่งหานว่า..

 “เอาล่ะ.. ข้าขอประกาศต่อหน้าพวกเจ้าว่า ข้าขอยกเลิกการแต่งงานของข้ากับตระกูลหลินตั้งแต่วันนี้ และก็ขออวยพรให้พวกเจ้าทั้งสองคนมีอยู่กันจนแกเฒ่า!”