กล่าวจบมู่เฉียนซีกำลังจะวิ่งหนี แต่ทันใดนั้นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาก็ตะโกนขึ้นว่า “ในเมื่อพวกข้าได้ม้วนไม้ไผ่โบราณมาแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป คนสุดท้ายของตระกูลจวินควรหายสาบสูญไปจากแผ่นดิน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไหนพวกเจ้าบอกว่าถ้าได้ของแล้วจะปล่อยข้าไปอย่างไรเล่า! พวกเจ้าจะผิดคำพูดงั้นรึ ?”
“เหอะ ๆ ๆ เจ้าตายไปก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกข้าผิดคำพูด”
มู่เฉียนซียกมือขึ้นโจมตีด้วยเข็มพิษนับไม่ถ้วน นี่เป็นพิษทั้งหมดที่นางทำมาเลยก็ว่าได้
— ตูม! ตูม! ตูม! —
อู๋ตี้ไม่อยู่นิ่งเฉย มันระดมพลังทั้งหมดที่มีอยู่โจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่ง เปิดจังหวะให้มู่เฉียนซีรีบถอยไปอย่างรวดเร็ว
“ตามไป! อย่าให้หนีรอดไปได้”
ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาไล่ล่าตามมู่เฉียนซีในร่างที่ปลอมเป็นจวินโม่ซีอย่างไม่ยอมเลิกรา บีบบังคับให้นางอับจนหนทางจนต้องใช้ไพ่เด็ดออกมา
แต่มู่เฉียนซีนั้นคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปล่อยให้พวกที่ไล่นางมารอดกลับไป หากนางเผยไพ่เด็ดออกมา สถานะของนางต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน และสิ่งที่ทำไปทั้งหมดก็จะเป็นการสูญเปล่า แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ใช่ว่าจะดี นางจะต้องตกอยู่ในอันตราย
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีนั้น ทันใดนั้นร่างคนชุดขาวร่างหนึ่งลอยลงมาจากท้องฟ้า ผมสีขาวราวหิมะห้อยระย้ายาวลงมาชวนหลงใหล กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกแทบจะทำให้คนที่พบเห็นตกใจกลัวจนตัวสั่นได้
ชายหนุ่มสวมหน้ากากหยกขาวเพื่อบดบังใบหน้าของตนเองไว้ ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองคนเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้า ปากก็กล่าวว่า “ไสหัวไปซะ!”
คนของหุบเขาหมอเทวดาต่างก็รู้สึกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน จู่ ๆ ก็มีบุคคลปริศนาโผล่มาปกป้องจวินโม่ซีเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร ?
คนที่ประหลาดใจไม่แพ้กันนั่นก็คือมู่เฉียนซี คนผู้นี้อย่างน้อยต้องมีพลังที่แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขานั้นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งก้อนยักษ์เสียอีก ดวงตาคู่นั้นเย็นชาไม่เหลือร่องรอยของความอบอุ่นอยู่แม้แต่น้อย ดูเหมือนไม่ได้เป็นคนดีอะไรเช่นนั้น
หรือบางที… เขาก็อาจจะเป็นคนรู้จักเก่าของจวินโม่ซี จวินโม่ซีหนีไปทุกแห่งหน เขาได้รู้จักกับบุคคลที่แข็งแกร่งบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หากไม่ใช่เพราะห่วงพะวงว่าต้องปลอมตัวเป็นจวินโม่ซีให้แนบเนียนสมบูรณ์แบบ มู่เฉียนซีไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยเพราะนางได้กินยาวิญญาณจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่จนมีพลังจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าชั่วคราวแล้ว
ศิษย์ที่เจ็ดกล่าว “เจ้าหนุ่มน้อย พวกข้าเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดาเชียวนะ หากเจ้ากล้าลงมือก็ลองดู จะได้เห็นดีกัน!”
ในขณะที่เขากำลังกล่าววาจาหยิ่งยโสโอหัง ทันใดนั้นพื้นดินในบริเวณรอบ ๆ ก็รวมตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งเย็นยะเยือก ความน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าดูถูกบุรุษหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงหน้า หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาจะลำบากเอาได้
ศิษย์พี่หก “ศิษย์น้องเจ็ด ไหน ๆ เราก็ได้แผนที่นี้มาแล้ว อย่าหาเรื่องยั่วยุศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้เลย เราไปกันเสียดีกว่าไหม ?”
“ตระกูลจวินได้ถูกล้างตระกูลไปแล้ว ลำพังเจ้าจวินโม่ซีผู้เดียวคงไม่มีทางกอบกู้ให้ตระกูลกลับมายิ่งใหญ่ได้” พวกเขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะถอยกลับไปก่อน
การได้แผนที่นี้มาก็นับว่าเป็นความสำเร็จของภารกิจนี้แล้ว ส่วนจะได้ฆ่าสังหารจวินโม่ซีหรือไม่นั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากนัก
มู่เฉียนซีมองชายหนุ่มผู้ที่แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกราวหิมะผู้นี้ ทว่าเขามิได้เหลียวมองนางแต่อย่างใด ไม่นานนักร่างของเขาก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วโดยที่นางไม่ทันแม้แต่จะได้กล่าวคำขอบคุณ
มู่เฉียนซีทอดถอนใจ นางกล่าว “ช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดยิ่งนัก”
เวลานี้พลังความแข็งแกร่งของร่างนางสูงถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า ผลของยาวิญญาณยังไม่หมดฤทธิ์ นางไม่อยากจะเสียโอกาสนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์จึงกลับไปยังเมืองตงตูและได้ใช้ช่วงเวลาที่ยาวิญญาณยังออกฤทธิ์อยู่ฆ่าคนของหุบเขาหมอเทวดาไปบางส่วนได้อย่างราบรื่นสะใจ
คนเหล่านี้ที่ตายไปนั้น ผู้อาวุโสสามไม่ได้มีจิตใจที่จะสนใจแต่อย่างใด เพราะเวลานี้ศิษย์สองคนของเขาได้หาม้วนไม้ไผ่ที่ระบุแผนที่ม้วนที่สองเจอแล้ว มีแผนที่อยู่ในมือเพียงแผ่นเดียวไม่เพียงพอที่จะตามหาหม้อเทพนิรันดร์ ฉะนั้นได้แผนที่ม้วนที่สองมาทำให้มีความมั่นใจในการตามหามากขึ้น
มู่เฉียนซีกลับมาปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยม เมื่อไป๋เหรินเห็นนางก็พรวดพราดเข้ามากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “น้องชายมู่ เจ้าหายไปไหนมารึ ?”
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซี เขาก็คงไม่พลาดโอกาสดี ๆ เช่นนั้นไปแน่นอน เมื่อเห็นศิษย์น้องของตนเองสองคนหาแผนที่ม้วนไม้ไผ่เจอแล้วมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าเขา ไป๋เหรินก็โกรธจนแทบคลั่ง
มู่เฉียนซี “ศิษย์พี่ไป๋ ท่านเป็นเพียงผู้ติดตามข้า เป็นผู้อยู่ใต้บัญชาของข้า จะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของข้ามากมายไปทำไมกันเล่า ? ข้าเพียงแค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้น”
“ต่อไปจะออกไปไหนมาไหนก็ต้องบอกให้ข้ารู้”
“เหตุใดข้าต้องบอกท่าน ? ข้าเกลียดการถูกควบคุมให้อยู่ในกรอบนัก ท่านอย่ายุ่มย่ามเรื่องของข้าให้มากเลยจะดีกว่า”
มู่เฉียนซีโบกมือ จากนั้นก็กลับเข้าไปพักผ่อน หลังจากที่ได้แสดงละครมาฉากหนึ่งและได้ฆ่าคนของหุบเขาหมอเทวดาไปส่วนหนึ่งแล้ว นางรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
แผนที่ที่มู่เฉียนซีให้กับผู้อาวุโสที่สามไปนั้นไม่ใช่ม้วนที่จวินโม่ซีมอบให้กับนาง แต่เป็นแผนที่ที่นางหามาได้เองต่างหาก
แต่ถึงอย่างไร นางจะให้ม้วนไหนผลที่ออกมาก็เหมือนกัน แต่ม้วนที่จวินโม่ซีเป็นคนมอบให้นางกับมือ นางจะใจร้ายเอาไปให้ผู้อื่นได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นศัตรูของเขา
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ “หวังว่าทางด้านอู๋ตี้จะราบรื่น…”
เมื่อผู้อาวุโสที่สามได้รับแผนที่ม้วนไม้ไผ่มาจากศิษย์ เขาก็ไล่ทุกคนให้ออกไปแล้วให้ยอดฝีมือมาคุ้มกันรอบ ๆ เขาเอาไว้ จากนั้นคลี่แผนที่ม้วนนั้นออกดู
เขานำเอาแผนที่ที่เป็นกระดาษออกมาจากมิติเก็บของของเขาสองแผ่น แน่นอนว่าแผนที่ม้วนไม้ไผ่โบราณของจริงนั้น เจ้าแห่งหุบเขาไม่ยอมมอบให้เขามาเด็ดขาด ที่เขามีอยู่ในครอบครองนี้เป็นเพียงแบบที่คัดลอกมาเท่านั้น
เมื่อได้นำแผนที่มาประกอบกันแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความกลัดกลุ้มใจและกล่าวพลางทอดถอนใจ “ยังไม่ได้! หากหาแผนที่ม้วนที่สามนั้นเจอ ก็คงจะหาที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์ได้ง่ายกว่านี้”
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เงาสีขาวแวบเข้ามาคว้าแผนที่ม้วนไม้ไผ่กับแผนที่ที่เป็นกระดาษสองแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสที่สามตกใจ ปากก็กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “บัดซบ! ช่างบังอาจยิ่งนัก กล้าแย่งของของหุบเขาหมอเทวดาของข้า รนหาที่ตายแล้ว!”
— แควก! —
แผนที่ถูกฉีกขาดครึ่งหนึ่ง อู๋ตี้แปลงร่างเป็นขนาดเล็กที่สุดและรีบวิ่งหนีออกไปอย่างสุดชีวิต
หลังจากที่วิ่งหนีออกไป อู๋ตี้ไม่อาจตรงไปหานายท่านของมันได้ เพราะกลิ่นอายระดับมหาจักรพรรดิของท่านผู้อาวุโสที่สามนั้นยังคงตามมันอยู่ อำนาจของการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ดูเหมือนว่าอู๋ตี้ไม่อาจรอดไปได้ หากเป็นเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวนั้นแล้ว นางจึงให้เสี่ยวหงลอบไปช่วยอู๋ตี้ นางกล่าวขึ้นมาในใจว่า ‘อู๋ตี้ เจ้าต้องปลอดภัยกลับมาให้ได้’
ทันใดนั้นบนพื้นก็ดูเหมือนว่ากลายเป็นน้ำแข็งก็มิปาน ผลกระทบจากความเย็นยะเยือกทำให้อู๋ตี้ถูกร่างปริศนาจับตัวไป
“บัดซบเอ๊ย! รีบตามมันไปเร็วเข้า” ผู้อาวุโสที่สามกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
ทางด้านมู่เฉียนซีก็ไล่ตามไป แต่คนผู้นั้นไวราวกับสายลม เพียงแต่พลังน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกนั้น นางรู้สึกคุ้นเคยมากจริง ๆ นั่นคือพลังของชายชุดขาวผู้นั้นที่ช่วยนางไว้ เขาลงมืออีกแล้วหรือ ?
คนของหุบเขาหมอเทวดาพยายามตามหาจนแทบจะพลิกเมืองตงตู แต่ไม่ว่าหาอย่างไรก็หาไม่เจอ
— ฟึ่บ! —
แผ่นกระดาษเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งถูกโยนมา ข้อความในแผ่นกระดาษนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘เจอกันที่โรงน้ำชาตงตู’
เสี่ยวหง “ชายที่เย็นชาผู้นั้นดูแปลกประหลาดนะนายท่าน เขาจะวางกับดักนายท่านหรือไม่ขอรับ ?”
“อู๋ตี้อยู่ในกำมือของเขา ต่อให้เป็นกับดักข้าก็ต้องไป” มู่เฉียนซีกล่าว แววตานางมุ่งมั่น
เมื่อมู่เฉียนซีมาถึงโรงน้ำชาตงตู ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ร่างของอู๋ตี้ก็ถูกโยนมาทันที
“เมี๊ยว! นายท่าน นายท่านมาแล้ว!” อู๋ตี้กล่าวด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นมู่เฉียนซีก็เห็นว่าร่างปริศนาสีขาวอันตรธานหายไปทันที ซ้ำในห้องนี้ก็ไม่มีใครอื่นแล้ว แต่บนโต๊ะมีแผนที่ม้วนไม้ไผ่โบราณและกระดาษที่เป็นแผนที่อยู่แผ่นหนึ่งกับอีกครึ่งแผ่นวางอยู่