ตอนที่ 378 ปั่นหัวพวกเจ้าจนบ้า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีเดินเข้าไป นางนำเอาสิ่งเหล่านี้กลับไปที่ฐานของหุบเขาหมอเทวดาในแคว้นซูรื่อ  เวลานี้เกรงว่าพวกเขาคงคิดไม่ถึงเป็นแน่ว่าสิ่งที่พวกเขากําลังตามล่าอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้อยู่ในโรงเตี๊ยมที่พวกเขาพักอาศัยอยู่

สถานที่ที่อันตรายที่สุด คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

มู่เฉียนซีให้อู๋ตี้เฝ้าประตูไว้ขณะที่นางเริ่มศึกษาแผนที่

“แผนที่ที่แตกสลายเป็นแผนที่ที่หุบเขาหมอเทวดาเป็นเจ้าของ มีเพียงครึ่งเดียวของแผนที่”

อู๋ตี้พยักหน้า  กล่าวว่า “โอ้นายท่าน! ข้าทําพังเสียแล้ว”

“เจ้าทำดีที่สุดแล้ว แม้มีครึ่งเดียวแต่ก็มีประโยชน์นัก” มู่เฉียนซีกล่าว นางหยิบแผนที่ของทะเลรอบทวีปเซี่ยโจวออกมา จากนั้นก็หยิบแผนที่ม้วนไม้ไผ่สองม้วน และแผนที่ที่มีเพียงครึ่งเดียวออกมาเพื่อศึกษา ดวงตาของนางเป็นประกายขณะมองดูมัน

แม้ว่าจะขาดไปครึ่งหนึ่ง นางก็สามารถรู้ตําแหน่งโดยประมาณได้แล้ว นางซ้อนทับแผนที่ของทะเลไว้เหนือแผนที่หม้อเทพนิรันดร์ แล้ววาดวงกลมหมายเป็นจุดสังเกตเอาไว้

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ทะเลอั้นเจียว ทะเลน้ำลึก ทะเลหลานหนิง หากข้าเดาไม่ผิด หม้อเทพนิรันดร์น่าจะอยู่ในทะเลสามแห่งนี้”

นางได้มาสองแผ่นครึ่ง แต่คนของหุบเขาหมอเทวดาได้สองแผ่น มู่เฉียนซีไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถค้นพบตำแหน่งที่ค่อนข้างแน่ชัดได้หรือไม่ ดังนั้นนางจึงต้องรีบชิงลงมือก่อน

เวลานี้ผู้อาวุโสที่สามส่งข่าวไปยังหุบเขาหมอเทวดาอย่างรวดเร็ว  ในมือเขามีแผนที่เพียงสองแผ่นเท่านั้น มันไม่สามารถบอกตำแหน่งที่ถูกต้องที่สุดได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนอื่นที่ได้แผนที่อื่น ๆ ไปแล้ว  หากหม้อเทพนิรันดร์ถูกคนผู้นั้นแย่งชิงไปก่อนพวกเขาก็คงจะพานพบความยากลําบาก

มู่เฉียนซีวางแผนการที่จะมอบของขวัญให้กับผู้อาวุโสที่สามและพรรคพวกก่อนออกเดินทางไป เพื่อขอบคุณพวกเขาสําหรับการต้อนรับของพวกเขาในช่วงหลายวันมานี้ หลังจากปรุงยาพิษเสร็จเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็ทำการวางยาพิษอย่างเงียบ ๆ และออกจากโรงเตี๊ยมไป  คนของหุบเขาหมอเทวดาเป็นนักปรุงยา แม้ว่าการถูกวางยาพิษจะทำให้พวกเขาดูย่ำแย่เล็กน้อยแต่พวกเขาก็ยังไม่ตาย

ยอดฝีมือทั้งหลายพากันกล่าวขึ้น “มีผู้ลอบวางยาพิษ มันต้องซุ่มโจมตีในโรงเตี๊ยมเป็นแน่แท้!”

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ในที่สุดพวกเขาก็พบว่ามู่เฉียนซีหายตัวไปแล้ว ดวงตาของผู้อาวุโสที่สามแดงก่ำ “เจ้าเด็กนั่นไม่อยู่ เขาต้องเป็นคนทําแน่”

ไป๋เหรินกล่าวอย่างตกตะลึง “ไม่มีทาง! จะเป็นไปได้อย่างไร ?”

— เพี๊ยะ! —

ผู้อาวุโสที่สามผู้ซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวตบไป๋เหรินเต็มแรง เขากล่าวด้วยเสียงอันดัง “เจ้าโง่! เจ้าถูกเจ้าเด็กนั่นหลอกจนหัวปั่นแล้ว”

ถ้าหากไป๋เหรินถูกหลอก ผู้อาวุโสที่สามเองก็ไม่ต่างกัน ตนเองก็ถูกหลอกทว่ากลับโทษแต่คนอื่น

“พรวด!”

ไป๋เหรินถูกตบจนกระอักเลือดหนึ่งระลอก เขาเช็ดเลือดพลางกล่าวอย่างดุร้ายว่า “ท่านอาจารย์ ท่านวางใจเถอะ ข้าต้องจับเจ้าเด็กนั่นให้ได้”

คนเหล่านี้ของหุบเขาหมอเทวดาไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้ อีกทั้งพวกเขาไม่ทราบเลยว่าในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ได้เปลี่ยนอาภรณ์ไปเป็นแบบของสตรีแล้ว ดังนั้นรูปลักษณ์จึงเปลี่ยนไปด้วย แม้ว่านางจะยืนอยู่ต่อหน้าไป๋เหริน เกรงว่าไป๋เหรินก็คงจะจำนางไม่ได้

“คนเรือ ข้าอยากออกทะเล” มู่เฉียนซีเดินไปกล่าวกับคนเรือ  นี่เป็นครั้งที่สามที่นางจะออกไปในทะเลหลังจากมาถึงแคว้นซูรื่อ

ครั้งแรกเพื่อตามหาคนของหุบเขาหมอเทวดา ครั้งที่สองคือการวางกับดักไว้เพื่อให้พวกเขาได้เสี่ยงชีวิต  สำหรับครั้งที่สามนี้ นางได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางตามหาหม้อเทพนิรันดร์อย่างแท้จริง

“ว่าอย่างไรนะแม่นางตัวน้อย เจ้าต้องการออกทะเลรึ ?”

เมื่อคนเรือเห็นสตรีร่างบางในชุดม่วงตรงหน้าเขา เขาก็พบว่านางช่างงดงามยิ่งนัก สาวน้อยเช่นนี้น่ะหรือจะออกไปฝึกฝนที่ทะเลเพียงลำพัง  นางไม่กลัวว่าตนเองจะกลายเป็นเสบียงของพวกอันธพาลกลางทะเลนั่นหรือไร ?

มู่เฉียนซีพยักหน้า “อืม ข้าจะออกทะเล”

คนเรืออดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน “แม่นาง ช่วงนี้คลื่นทะเลไม่ค่อยสงบเอาเสียเลย สาวน้อยตัวคนเดียวอย่างเจ้าไปในทะเล เกรงว่าคงอันตรายเกินไป”

มู่เฉียนซี “ข้าดูแลตัวเองได้ขอบใจ เจ้าไม่ต้องกังวล  รีบขึ้นเรือเร็วเข้า ข้ามีเรื่องด่วนต้องรีบจัดการ”

คนเรือถอนหายใจ  กล่าวว่า “เช่นนั้นแม่นางจะต้องระวังตัวด้วยนะขอรับ”

คนพวกนั้นในหุบเขาหมอเทวดาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อแก้แค้นมู่ซี  มู่เฉียนซีจึงกลับมาเป็นร่างจริงของนาง และได้ไปตามหาหม้อเทพนิรันดร์ก่อนพวกเขา

คนเรือกล่าวถาม “แม่นาง เจ้าจะไปทะเลไหนหรือ ?”

“ข้าจะไปที่ทะเลอั้นเจียว” ในเมื่อแผนที่ไม่สมบูรณ์ นางก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเขตทะเลใด ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะตามหาไปทีละแห่ง  นางขโมยแผนที่ไปครั้งหนึ่งแล้ว ผู้อาวุโสที่สามก็คงไม่โง่พอที่จะให้อู๋ตี้ได้ขโมยเป็นครั้งที่สอง  แต่ขอบเขตที่แคบลง เพียงแค่ต้องใช้ความคิดสักหน่อยในการหามัน เบาะแสนั้นคงมิใช่สิ่งที่จะได้มายากเท่าไหร่นัก

“ทะเลอั้นเจียว นั่นเป็นทะเลที่อันตรายที่สุดในรอบทวีปเซี่ยโจวของเรา” คนเรืออุทานออกมา

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จ่ายสิบเท่า เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องวามปลอดภัยของเจ้า ข้ารับประกันให้ได้”

“แต่ข้าเป็นห่วงแม่นาง ทะเลอั้นเจียวนั้นไม่ต่างอะไรกับทะเลอื่นคือมีคนชั่วช้ามากมายอยู่ที่นั่น อีกทั้งที่ดินนั้นยังวุ่นวายเป็นพิเศษ  การสังหารและปล้นสะดมเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าคนเรือนั้นทำนายไว้ถูกต้อง  เมื่อเรือของพวกเขาเข้าสู่เขตทะเลอั้นเจียว ก็พบเข้ากับเรื่องวุ่นวายทันที

โดยทั่วไปแล้วมีสตรีเพียงไม่กี่คนที่บุกเดี่ยวเข้ามายังสถานที่อันตรายในทะเลเช่นนี้ และแน่นอนว่าไม่เคยมีสตรีงดงามราวนางฟ้านางสวรรค์เฉกเช่นมู่เฉียนซีบุกเข้าไปในที่นี้มาก่อน

เมื่อพวกเขาเห็นเงาร่างสีม่วงสดใสบนเรือที่ใกล้เข้ามา พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

ไม่นานเรือหลายลําก็เข้ามาใกล้ พวกเขามองไปที่มู่เฉียนซีพลางยิ้มและกลาวว่า “แม่นางคนงาม สนใจไปกับข้าไหม ?”

“ข้าขอปฏิเสธ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย

พวกเขาหัวเราะชอบใจก่อนจะกล่าวว่า “ไม่มีที่ว่างสําหรับการปฏิเสธของเจ้า  เจ้ายอมมากับพวกข้าซะดี ๆ  มิเช่นนั้นพวกข้าคงจะเสียใจที่ต้องทําร้ายคนงาม ๆ เช่นเจ้า”

“อย่ามาขวาง ไสหัวไปซะ” มู่เฉียนซีแค่นเสียงดังขึ้น

ทว่าพวกเขากลับยิ่งหัวเราะมากขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าสาวงามจะกล้าหาญเพียงนี้  ดี กล้าหาญเช่นนี้สิพวกข้ายิ่งชอบ  พี่น้องทั้งหลาย! จับแม่นางคนงามผู้นี้มาซะ”

“ผนึกมังกรวารี!”

พวกเขายังไม่ทันจะพุ่งเข้ามา มู่เฉียนซีลงมือในทันใด

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เมื่อมังกรวารีพุ่งเข้าใส่พวกเขา พลังธาตุวารีอันทรงพลังทําให้พวกเขาแทบจะตาถลน

“ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง ซ้ำยังเป็นผู้มีพลังธาตุวารี นางเป็นราชาแห่งภูตธาตุวารี!”

“เป็น… เป็นไปไม่ได้!”

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่แต่ในทะเล  พวกเขาก็ไม่ได้ขาดข่าวสาร  พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนในทวีปเซี่ยโจวที่สามารถฝึกจนถึงระดับราชาแห่งภูตได้เมื่ออายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี

ต่อให้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เรียกกันว่าพบเจอได้ยากในทวีปเซี่ยโจว คุณหนูใหญ่ของสํานักอวิ๋นเยียนแห่งสํานักนิกายระดับหนึ่งก็อายุยี่สิบกว่า ๆ แล้วกว่าที่นางจะทะลวงผ่านราชาแห่งภูตไปได้

“ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง พวกเจ้ากลัวอะไรกันรึ ? หรือว่าพวกเจ้าไม่ใช่ราชาแห่งภูตและราชายอดยุทธ์ ? อย่ามัวชักช้าอืดอาด ลงมือซะ!” ผู้เป็นนายของพวกเขาออกคำสั่ง

นางเป็นราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง ทว่าพลังของพวกเขายังคงสูงกว่า จึงไม่เชื่อว่าจะจัดการกับสาวงามอัจฉริยะผู้นี้ไม่ได้

มู่เฉียนซีตะโกน “บุปผาหลั่งสายฝน!”

“วารีสะท้านสวรรค์!”

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ทันใดนั้นพลังที่อ่อนแอกว่าถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ

พวกเขาบางคนกัดฟันกล่าว “สมแล้วที่มีพรสวรรค์ธาตุวารี ถึงกับสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้”

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่ระดับสองและสามก็ยากที่จะจัดการกับนางได้

โชคดีที่พวกเขามีจํานวนมาก!

พวกเขามีกันจํานวนมาก แต่ถึงอย่างไรไพ่ตายของมู่เฉียนซีก็ไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่ธาตุวารีเท่านั้น เมื่อกระบี่มังกรเพลิงถูกปลดปล่อยออกมา และจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่กระจายออกมา พวกเขาดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าจุดจบกําลังจะมาถึงตัว

สตรี… สตรีผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว บัดซบ!

“มังกรเพลิงสังหาร!”

ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมา

.