ฝู เฮ่ย ถูกไล่ออกจากห้องพิจารณาคดี ตอนนี้ตาชั่งแห่งชัยชนะมันกำลังเอนมายังทาง บริษัท หลัวฝาง

ฝาง ฉงเหล่ ยืนขึ้นแล้วตะโกนออกมาว่า“ฉันของคัดค้าน!” เขาชี้ไปที่ จาง ซูซาน พร้อมกับพูดว่า “ มันสมเหตุสมผลแล้วสำหรับ ฝู เฮ่ย ที่บ้าคลั่งจะถูกขับไล่ออกไป แต่ในฐานะตัวแทนของโจทก์ ชายผู้นี้ก็พูดจาหยาบคายเช่นกัน เขาได้ดูถูกความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่ของศาล ทำไมเขาจึงไม่ถูกขับไล่ออกจากห้องศาลไปเหมือนกับ ฝู เฮ่ย?”

“ในฐานะผู้สังเกตการณ์ คุณไม่ควรพูดหรือถามคำถามใดๆ ประธานฝาง คุณไม่ทราบกฎง่ายๆเช่นนี้หรอกหรือ?” จาง ซูซาน ตอบโต้ถามกลับด้วยความสงสัยอย่างรวดเร็ว “ในฐานะที่เป็นประธานของ บริษัท ที่น่าเกรงขามอย่าง Taste Buds มันก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกมาก ถ้าคุณไม่รู้กฎหมาย”

ฝาง ฉงเหล่ รู้สึกได้ถึงเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ในตัวของเขา เขาจ้องมองไปที่ จาง ซูซาน อย่างดุเดือดราวกับว่าเขาต้องการที่จะกลืน กิน จาง ซูซาน ลงไปทั้งตัว!

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

ประธานผู้พิพากษากระแทกค้อนอย่างแรงสามครั้งแล้วพูดว่า“โปรดนั่งลงก่อน และโปรดอยู่เงียบๆ” จากนั้นประธานผู้พิพากษา ก็หันไปมอง จาง ซูซาน และพูดออกมาว่า“ตัวแทนของโจทก์นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของคุณ คำสาปแช่งและคำหยาบคายเป็นสิ่งต้องห้ามในศาล”

จาง ซูซาน โค้งคำนับเล็กน้อย “ครับท่านผู้พิพากษา!”

ตอนนี้เขาได้ขับไล่ ฝู เฮ่ย ออกไปแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่พ่นคำหยาบคายออกมาอีกต่อไป

“คุณมีอะไรจะเพิ่มหรือเปล่า” ประธานผู้พิพากษา ถาม

“ครับ ฉันยังมีพยาน” จาง ซูซาน กล่าวตอบ

จาง ซูซาน หันหน้าไปมองทางประตูของศาลแล้วตะโกนเสียงดังออกมาว่า “ภรรยาของชายชราที่เสียชีวิตในร้าน หลัวฝาง ของฉันในวันนั้น จะมาเป็นพยานในศาล!”

ฮะ?

สวี่ กว่างซ่ง และคนอื่นๆต่างตกตะลึงและพากันคิดว่า: ทำไมภรรยาของชายชรา ถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่?

มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่ประตูของห้องพิจารณาคดีจะเปิดออก และหญิงชราผมสีขาวร่างผอมก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ เฟิง อู๋ฮั่น ที่คอยพยุงแขนของเธอเอาไว้ เฟิง อู๋ฮั่น นั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในห้องพิจารณาคดี ดังนั้นเธอจึงต้องเดินไปตามทางที่เหลือตามลำพังหลังจากที่เธอเปิดประตู

หญิงชราเดินหลังงอเข้ามา เธอสวมเสื้อลายดอกไม้ที่มีลายดอกไม้กระจายไปทั่วทั้งเสื้อผ้า ใบหน้าของเธอมันเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นเพระกาลเวลานั้นได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนใบหน้าและมือของเธอ

ถึงแม้ว่าเธอจะมีชีวิตมาอย่างยาวนาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินเข้ามาในห้องพิจารณาคดี ผู้พิพากษานั่งอยู่เหนือเธอและมีผู้สังเกตการณ์ที่แต่งตัวเรียบร้อยอยู่รอบๆตัว ทุกอย่างที่นี่ดูเหมือนจะไม่คุ้นเคยสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย เธอเหมือนกับเด็กทารกน้อยที่เพิ่งติดต่อกับโลกภายนอก เธอทำท่าทางค่อนข้างขี้อายออกมา ขาของเธอสั่นคลอนราวกับว่าเพียงแค่ลมกระโชกมันก็สามารถทำให้เธอล้มลงได้แล้ว

เธอเป็นผู้หญิงสูงวัยที่ไม่สามารถกลับไปเป็นหญิงสาววัยรุ่นธรรมดาๆได้อีกแล้ว!

จาง ซูซาน รีบเดินเข้าไปหาเธอแล้วพาเธอเดินไปที่จุดพยานอย่างช้าๆ

“พยานชื่ออะไร?” ประธานผู้พิพากษา สอบถาม

หญิงชรายังคงนิ่งเฉย จนกระทั่ง จาง ซูซาน พูดอธิบายกับเธออีกครั้ง“คุณยาย ประธานผู้พิพากษา ต้องการทราบชื่อของคุณยาย”

“ท่านเจ้าแห่งการปกครอง ชื่อของฉันคือ เกา ชิงเฟิง” หญิงชราตอบอย่างอ่อนแอ เสียงของเธอเบามาก แต่ด้วยไมโครโฟน มันจึงทำให้ทุกคนในห้องพิจารณาคดีได้ยินคำพูดของเธอ

เจ้าแห่งการปกครอง?

มีความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางผู้สังเกตการณ์ การกล่าวถึงประธานผู้พิพากษาในฐานะ“เจ้าแห่งการปกครอง” – เธอยังคงอาศัยอยู่ในสังคมศักดินาหรือไง?

ประธานผู้พิพากษาหารือแลกเปลี่ยนกับผู้พิพากษาคนอื่น แล้วถามหญิงชราต่อไปว่า“เกา ชิงเฟิง คุณมาเป็นพยานให้กับใคร?”

หญิงชราสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเธอ และตะโกนออกมาด้วยเสียงสูงว่า “ท่านเจ้าแห่งการปกครอง ฉันต้องการฟ้องร้องลูกชายที่ไร้ความรับผิดชอบและลูกสะใภ้ของฉัน พวกเขาเป็นคนที่ฆ่าสามีผู้ล่วงลับไปแล้วของฉัน พวกเขาฆ่าสามีของฉัน!…”

ดวงตาที่มืดมนของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

เธอฟ้องลูกชายและลูกสะใภ้ของเธอ – มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ทุกคนรู้สึกงุนงง ไม่ใช่ว่าหญิงชราคนนี้มาที่นี่เพื่อมาเป็นพยานหรอกเหรอ แล้วทำไมเธอถึงกลายมาเป็นโจทก์อีกคนหนึ่งแทนอย่างนี้หละ?

ประธานผู้พิพากษาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

จาง ซูซาน ที่ได้รับข้อความจาก เสี่ยวหลัว เขาจึงรีบอธิบายออกมาว่า“ท่านประธานผู้พิพากษา ได้โปรดฟังต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพียงพอที่จะขจัดมลทินของขนมปังมีพิษของ หลัวฝาง ” จาง ซูซาน ยิ้มให้กับหญิงชราแล้วพูดต่อไปว่า “คุณยาย โปรดพูดต่อไปท่านผู้พิพากษากำลังฟังอยู่”

หญิงชราพยักหน้า ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและส่งเสียงสะอื้นออกมา: “หวัง เต๋อไค ลูกชายที่ไร้ความสามารถของฉันและลูกสะใภ้ เทียน กุยหวู่ ได้เตะสามีและฉัน ออกจากบ้านอย่างไร้ความปราณี สามีผู้ล่วงลับของฉันมักจะมีจิตใจที่อ่อนแอ หลังจากที่ถูกลูกชายของเราดูถูกในวันนั้น อาการเจ็บป่วยของเขาก็เริ่มกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง”

“แต่เขากลับพูดกับฉันว่า” หญิงชราของฉัน ฉันสบายดี คุณคงจะรู้สึกหิว มีร้านเบเกอรี่อยู่ใกล้ๆ ให้ฉันไปซื้อเค้กซ่งหัวที่คุณชอบให้ทานดีไหม ’ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะทิ้งฉันไว้ข้างหลังแล้วจากโลกนี้ไป มันเป็นลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันที่ฆ่าเขา พวกเขาเป็นคนที่ฆ่าเขา! … ”

เธอเช็ดน้ำตาและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าวของเธอ พวกเขารู้สึกได้ถึงความเศร้าของหญิงชราอย่างลึกซึ้ง มันต้องใช้ความพยายามและความกล้ามากมายเท่าไหร่กัน ในการมาที่ศาลเพื่อมาฟ้องร้องบุตรชายและลูกสะใภ้ของตนเอง? เรื่องราวเบื้องหลังนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความข่มขื่น

แม้แต่ประธานผู้พิพากษาก็ขมวดคิ้วมุ้น: “เกา ชิงเฟิง ทำไมลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณ ถึงได้เตะคุณและสามีออกจากบ้าน”

หญิงชราถอนหายใจออกมาอย่างยาวนาน มันไม่สามารถบอกได้ว่ามันเศร้าแค่ไหน: ” ตอนที่ฉันกำลังทำอาหาร ฉันบังเอิญไปโดนหม้อหุงข้าวจนมันตกลงไปบนพื้น ลูกสะใภ้ของฉันดุว่าฉันเสียงดัง และสามีของฉันก็ออกมาตอบโต้เพื่อปกป้องฉัน ลูกสะใภ้ของฉันตะโกนเสียงดังโดยอ้างว่าสามีผู้ล่วงลับของฉันทุบตีเธอ หลังจากที่ลูกชายของฉันกลับมา และได้ยินการฟ้องจากลูกสะใภ้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่ผลักและลากสามีผู้ล่วงลับของฉันและฉันออกมาจากบ้านของเรา และแม้กระทั่งบอกให้เราไปตายอยู่ข้างนอก”

อะไรนะ?

ลูกชายที่อกตัญญูแบบนี้ มันมีอยู่บนโลกได้อย่างไร?

ผู้คนในห้องพิจารณาคดีเต็มไปด้วยความโกรธ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นภาพด้วยตาของตนเอง พวกเขาก็สามารถจินตนาการได้ว่า ลูกชายที่อกตัญญูและภรรยาของเขานั้นเป็นคนเช่นไร

ความคิดเห็นจากชาวเน็ตออนไลน์ประณามลูกชายและลูกสะใภ้ของหญิงชราอย่างรุนแรง

“ในโลกนี้มีลูกชายและลูกสาวที่ไร้ศีลธรรมอยู่ทุกประเภท หากลูกชายของฉันมีพฤติกรรมเช่นนี้ในอนาคต ฉันจะตบหน้าเขาให้หนัก”

“น่ารังเกียจมาก ฉันสนับสนุนการตัดสินใจของหญิงชรา ที่จะฟ้องร้องลูกชายของเธอ!”

“ความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่จะต้องยึดถือเหนือสิ่งอื่นใด ไอขยะนั่นที่โหดร้ายพอที่เตะพ่อแม่ออกมา และบอกให้พวกเขาไปตายอยู่ข้างนอก ขยะแบบนี้มันจะต้องเป็นผู้แพ้ในชีวิตจริง!”

… …

ประธานผู้พิพากษาและผู้พิพากษาคนอื่นๆ ดูเศร้าสร้อยและครุ่นคิด พวกเขาดูเหมือนกับว่ากำลังคิดถึงปรากฏการณ์ที่สิ้นหวังเหล่านี้ในสังคมปัจจุบัน

จาง ซูซาน หันประเด็นกลับไปที่กรณีของ หลัวฝาง กับ เฉิน เจียนไป่: “ท่านประธานผู้พิพากษา คำให้การของหญิงชราคนนี้ควรจะพิสูจน์ได้แล้วว่า ชายชราไม่ได้กินขนมปังของเราใน หลัวฝางในวันนั้น ลองคิดดูสิว่า การที่ชายชราผู้นี้ไปซื้อเค้กซ่งหัวเพื่อภรรยาของเขา ดังนั้นทำไมเขาจะต้องกินมันด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีเธอ? ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ชายชราได้เสียชีวิตไปด้วยอาการหัวใจวาย และ นั่นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ บริษัท หลัวฝาง ของเราเลยแม้แต่น้อย”

คำพูดของ จาง ซูซาน โน้มน้าวได้เป็นอย่างดีอย่างไม่ต้องสงสัย และเรื่องราวของหญิงชรามันก็ได้สนับสนุนประเด็นนี้

“แต่รายงานผลการชันสูตรศพได้แสดงให้เห็นว่าชายชราเสียชีวิตหลังจากการบริโภคสารกันบูดมากเกินไป ซึ่งนั่นมันทำให้เขาเสียชีวิตจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดแดง จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?” ประธานผู้พิพากษา ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

จาง ซูซาน หัวเราะและชี้ไปที่ ฝาง ฉงเหล่ ที่นั่งอยู่ในกลุ่มของผู้สังเกตการณ์และพูดว่า“ท่านประธานผู้พิพากษาคงจะต้องขอให้ ฝาง ฉงเหล่ ที่เป็นประธานของ Taste Buds นั้นมาอธิบายด้วยตัวเองแล้ว”

การแสดงออกของ ฝาง ฉงเหล่ นั้นมืดไปอย่างน่าตกใจ กล้ามเนื้อที่บริเวณมุมปากของเขาสั่นกระตุก เขาไม่เคยคิดเลยว่า ฝู เฮ่ย จะถูกไล่ออกจากห้อง และเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะมีส่วนร่วมในคดีนี้

เขาไม่สามารถหยั่งถึงได้เลยว่าไอหน้าใหญ่คนนี้นั้นมาจากไหน และคนคนนี้ควบคุมทิศทางความคิดเห็นของประชาชนในศาลได้อย่างไร? แม้กระทั่ง ฝู เฮ่ย ก็ยังถูกบังคับให้ออกจากศาลไปในระหว่างการพิจารณาคดี!