เกาจ๋างสื่อกระแอมเสียงเบา “เจ้านายข้ากลับบ้านตนเอง จะต้องมีเรื่องอะไรด้วยหรือ”
เหลียนเหนียงพูดไม่ออก ใบหน้าเหยเก เอียงหน้าเอ่ย “ข้าไม่ได้หมายความว่าเยี่ยงนั้น เพียงนึกเพียงแต่ว่าเหนียงเหนียงเพิ่งจะได้ออกมาจากวัง… ควรจะกลับไปพักผ่อนที่จวนอ๋องก่อน รีบมาที่บ้านเช่นนี้…ข้านึกเลยนึกว่ามีเรื่องรีบร้อนอะไร”
จ๋างเกาสื่อพอได้ยินเข้าคิ้วก็ขมวดทันที ตนทำอะไรผิด นางผู้นี้ไม่ใช่ฮูหยินแห่งจวนเจ้ากรมหรือ พูดเสียดสียิ่งนัก แม้ว่าปกติเขาจะไม่ได้เห็นพ้องกับเหนียงเหนียงไปเสียทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงขั้นแสดงความไม่เคารพต่อหน้าคนนอกเลยสักนิด เหนียงเหนียงอยากกลับบ้านมาทำอะไรก็ได้ ต่อให้อยากลับมาลูบหินแล้วก็กลับก็ตาม ไยนางต้องเข้ามายุ่งด้วย
กำลังจะเอ่ยตอบ กลับได้ยินเสียงอวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ย “หากบอกว่ามีธุระ ก็นับว่ามี ไม่ได้เจอจิ่นจ้งมานานแล้วอยากจะแวะมาดูเสียหน่อย ทำไมกัน คุณชายน้อยล่ะ?”
เหลียนเหนียงหายใจอย่างแผ่วเบา สีหน้าไม่ปกติ เหมือนกับตอนที่ได้ยินว่านางมาก็เดาได้ว่านางจะต้องถามถึงอวิ๋นจิ่นจ้ง เอ่ยตอบ “คุณชายน้อยยังไม่เลิกเรียนเพคะ เหนียงเหนียงมายังไม่ถึงเวลา”
อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าจะรอเขากลับมา”
น้ำเสียงของเหลียนเหนียงยังคงปกติ “รอคุณชายน้อยกลับ? หลายวันมานี้คุณชายน้อยเรียนหนักมาก เห็นบอกว่าปีนี้มีสอบสำคัญ บางครั้งก็อยู่ที่กั๋วจื่อเจี้ยนจนดึก เกรงว่าเหนียงเหนียงจะรอนานเกินไป เอาเยี่ยงนี้ดีหรือไม่ครั้งหน้าหากจะมาให้แจ้งก่อน ข้าจะให้คุณชายน้อยกลับไวหน่อย พวกท่านพี่น้องจะได้เจอกัน”
อวิ๋นหว่านชิ่นมองนาง เอ่ยช้าๆ “ข้ามีเวลา”
สีหน้าของเหลียนเหนียงสังเกตได้ไม่ง่าย กลับยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ความสัมพันธ์พี่น้องของเหนียงเหนียงกับคุณชายน้อยดีมากนัก ข้ารู้มาโดยตลอดแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะสนิทกันเช่นนี้ แต่ว่าช่วงนี้จิ่นจ้งเลิกเรียนช้ามาก วันนี้ชายาเอกกลับไปก่อนแล้วค่อยหาวันมาใหม่ดีหรือไม่เพคะ เดี๋ยวข้าจะคุยกับท่านพี่ให้จิ้งจงหยุดสักวัน และให้ไปหาเหนียงเหนียงที่จวนอ๋องด้วยตนเอง ท่านเพิ่งจะออกจากวังมาต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวฝ่ายสามีก่อน ไม่กลับจวนแต่กลับมาที่บ้านก่อน เกรงว่าฉินอ๋องจะไม่พอใจได้”
“พี่สะใภ้ข้าทำอะไร พี่ชายข้าก็ยินดีทั้งนั้น!” ซุยอินหลัวเท้าเอวพูด
เหลียนเหนียงมองออกว่าเด็กคนนี้คือน้องสาวฝ่ายแม่ของท่านฉินอ๋อง เป็นหลานนอกของสนมเอกเฮ่อเหลียน พอเห็นว่าสายตาอันแน่วแน่ของอวิ๋นหว่านชิ่นจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก หากพูดมากไปเกรงว่านางจะสงสัยเอาได้ จู่ๆ เหงื่อก็ไหลออกมือ ทำได้เพียงกัดกระพุ้งแก้มไว้ “เพคะ เยี่ยงนั้นเหนียงเหนียงเชิญนั่งตามสบายนะ” พูดไปยิ้มไป “ข้ายังมีงานบ้านรออยู่อีกเยอะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นคร้านจะมอง “ไปจัดการเถอะ”
เหลียนเหนียงท่าทางเชื่อช้าของนาง ในใจก็ร้อนรุ่ม หลายวันมากนี้ ทั้งจวนเจ้ากรมมีใครบ้างที่ไม่ประจบนาง โดยเฉพาะตอนที่ยายแก่ไม่ตายนั่นไม่อยู่ตนนั้นเป็นใหญ่ พอนางมากลับทำเหมือนว่าตนเป็นบ่าวรับใช้เสียอย่างนั้น
เรื่องบ้าบิ่นขนาดนั้นยังกล้าทำ ไทเฮานี่ไม่ลืมหูลืมตาเสียจริงๆ ทำไมไม่ให้นางอยู่ในวังต่ออีกหน่อย
คิ้วขมวดเข้ากันแน่น เหลียนเหนียงหันหลังเดินออกนอกห้องโถงหลัก
ออกพ้นประตูเดินตามทางเดินห่างจากห้องโถง ตงเจี่ยหันไปมอง ลุกลี้ลุกลน “เหมือนว่าชายาฉินอ๋องจะรอคุณชายน้อยแน่เลยเจ้าคะ ทำเยี่ยงไรกันดี?”
ในใจของเหลียนเหนียงเองก็สับสน ใครจะรู้ว่านางจะแน่วแน่เช่นนี้ “เจ้าไปเรียกเด็กรับใช้ให้รีบไปที่ที่ว่าการ ให้ท่านพี่กลับมาบอกว่าชายาฉินอ๋องมาแล้วอยากเจอคุณชายน้อย” หยุดไปครู่หนึ่ง กัดฟัน “แล้วไปแอบพาฮุ่ยหลานออกมาก แล้วก็พาไปที่ที่ไม่มีคนแล้วลงกลอนเอาไว้ สำคัญที่สุดอย่าให้นางเจอชายาฉินเป็นอันขาด”
ตงเจี่ยพนักหน้า รีบไปจัดการอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องโถง เวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกลางศีรษะพอดี หากเป็นเมื่อก่อน เวลานี้ น้องชายก็คงกลับมาทานอาหารกลางวันที่จวนแล้ว ถนนที่ผ่านกั๋วจื่อเจี้ยน ตรงมาก็เป็นจวนสกุลอวิ๋นแล้ว อยู่ไม่ไกลกันนัก
อวิ๋นหว่านชิ่นส่งสายตามองบ่าวข้างประตู “ทำไมคุณชายน้อยยังไม่มา”
บ่าวรับใช้ได้ยินก็สั่นเทา รีบตอบ “อนุรองเพิ่งเอ่ยว่า ช่วงนี้คุณชายน้อยเรียนหนักมาก มักจะอยู่จนถึงเย็น วันนี้ก็อาจจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ตอนนี้เหลียนเหนียงปิดบังทุกอย่างในบ้านไว้ อวิ๋นหว่านชิ่นเองก็ไม่เชื่อคำพูดของบ่าวรับใช้ ตะโกนเอ่ย “ไปเรียกอนุสามมา” ทั้งยังปรายตามองจ๋างเกาสื่อ “เกาจ๋างสื่อ เจ้าไปกับเขาไป”
บ่าวรับใช้จำต้องพาพ่อบ้านจวนอ๋องไปเรือนของอนุสามด้วย
เวลาครึ่งก้านธูป ทั้งสองกลับมาได้ยินบ่าวรับใช้รายงาน “เหนียงเหนียง อนุสามไม่อยู่ที่เรือนเจ้าค่ะ บ่าวข้างกายบอกว่านางเพิ่งออกจากห้องไปยังไม่กลับมา บ่าวพาเกาจ๋างสื่อเดินหารอบจวนก็ไม่เจอเจ้าค่ะ”
เกาจางสื่อพยักหน้าสื่อว่าเรื่องเป็นเช่นนั้น
แปลกมาก! อยากเจอน้องชายก็ไม่ได้เจอ! อยากเจอคนดูแลน้องชายตนเองแม้แต่เงาก็ไม่เจอ!
อวิ๋นหว่านชิ่นเริ่มโกรธ ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งกำลังบอกว่าอยู่ในวังไม่ได้ยินเรื่องข้างนอกเลย ที่บ้านมีปัญหาอะไร? หรือว่าเกิดปัญหากับจิ่นจ้งจริงๆ
คิดไปสีหน้าก็ดำค่ำเครียด “หาต่อไป ไปที่ห้องคุณชายน้อยก่อน ค่อยหาในจวน ไปหาตัวอนุสามมาให้เจอให้ได้” เพราะท่านพ่อได้เลื่อนตำแหน่งจวนอวิ๋นจึงได้ขยายใหญ่ขึ้น ความใหญ่ของจวนเสนาฯ ก็เทียบไม่ได้กับจวนอ๋อง นับว่ายังเล็ก ซ่อนคนไว้ยังไงก็หาเจอ
บ่าวรับใช้ยังคงพอเกาจ๋างสื่อออกไป
เหมือนว่าชุยอินหลัวจะได้ยินอะไรมา จึงตึงเครียดขึ้นมา จับมือของอวิ๋นหว่านชิ่นไว้
ไม่ไกลจากนอกห้องโถง เหลียนเหลียงแอบมองความเคลื่อนไหวภายในห้อง บ่าวของอวิ๋นหว่านชินและเกาจ๋างสื่อเริ่มหาอีกครั้ง ท่าทางต้องหาฮุ่ยหลานให้เจอ เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นต้องการจะเจอคุณชายน้อยให้ได้ เกรงว่าตนคนเดียวจะต้านไว้ไม่อยู่ จึงรีบบอกตงเจี่ยที่เพิ่งกับมา “รีบไปหานายท่าน เอาคนที่เท้าไวๆหน่อย…ทำไมยังไม่กลับมานะ”
ในขณะเดียวกัน เกาจ๋างสื่อก็ตามบ่าวสกุลอวิ๋น ทำตามที่ชายาสั่งไว้ ไปที่ห้องคุณชายน้อยก่อน ไม่มีคนจริงๆ ด้วย ผ้าปูที่นอนถูกจัดไว้อย่างสะอาดเรียบร้อย แม้แต่ไอร้อนก็ไม่มี ดูแล้วน่าจะไม่อยู่บ้านจริงๆ
หมดหนทาง ทั้งสองจึงไปหาอนุสามต่อ
มุมลับตาคนของจวนอวิ๋น ในห้องเล็กๆ ที่ไม่มีคนมีแต่สิ่งของ ฮุ่ยหลานถูกขังอยู่ข้างใน เขย่าประตูอยู่นาน ทั้งดึงทั้งตะโกน กลับไม่มีใครได้ยิน
ลานเล็กๆ ถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน ในห้องเป็นของที่ไม่ใช้แล้ว หลายๆ วันถึงจะมีคนครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันความชื่น จึงไม่มีหน้าต่าง ทั้งยังเป็นประตูเหล็ก หนาและหนักมาก เสียงไม่สามารถลอดผ่านไปได้
ตะโกนอยู่นาน จนฮุ่ยหลายหมดเรี่ยวแรง กลับได้ยินเสียงโซ่ คล้ายว่าประตูผ่อนลงจึงรีบผักออกไป ประตูเปิดได้แล้ว
คนที่ยืนตรงหน้าประตูคือ ไป๋เสวี่ยฮุ่ย!
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยมองซ้ายขวา เห็นไม่มีคนจึงรีบเอ่ย “รีบออกไปเถอะ ชายาฉินอ๋องมาแล้วอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ กำลังส่งคนตามหาเจ้า”
ฮุ่ยหลานเริ่มเข้าใจที่ตงเจี่ยแอบเรียกนางมา เพื่อจะขังนางไว้ เพื่ออะไรกัน ในใจเริ่มโกรธแต่ก็บอกฮูหยินไม่ทัน และไม่สนใจว่าเหตุใดนางถึงช่วยตน รีบออกจากเรือนเล็ก พอเดินไปข้างนางก็เจอเกาจ๋างสื่อและบ่าวรับใช้ที่กำลังหาตนอยู่