ภายในห้อง ยิ่งรออวิ๋นหว่านชิ่นยิ่งทนไม่ไหว ลุกขึ้น
ได้ยินเสียงเหลียนเหนียงด้านนอก ค่อยๆ เอ่ยเร่งขึ้นมา “ตงเจี่ย ตงเจี่ย! คุณชายกลับมาแล้วหรือยัง! รีบไปดูที่ประตูสิ! ทำไมยังไม่มาอีก” ตงเจี่ยจึงต้องวิ่งออกไปอีก
เหลียนเหนียงจับผ้าเช็ดหน้าแน่น รอดูสถานการณ์มุมประตู ตงเจี่ยเพิ่งเดินไป แต่กลับได้ยินเสียงลมฝีเท้าก้าวเข้ามา พอมองเป็นฮุ่ยหลานที่วิ่งเข้ามา ด้านหน้าคือเกาจ๋างสื่อและคนรับใช้ของอวิ๋นหว่านชิ่นนำทางมา
ไม่ใช่ว่านางถูกตงเจี่ยขังไว้ในห้องประตูเหล็กหรือ เหตุใดจึงออกมาได้ เจ้าตงเจี่ยนี่ทำงานอย่างไรกัน! สมองเหลียนเหนียงคิดว่าไม่ได้การแล้ว
ขาของเหลียงเหนียงอ่อนปวกเปียก ไม่ได้ ท่านพี่ยังไม่กลับมา หากเกิดเรื่องอะไรใครจะปกป้องตน!
ไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย
หันหลังกลับ สายตาเกาจ๋างสื่อแหลมคม ยื่นแขนปิดทาง “อนุรองอยู่ก่อน เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าทำตัวเป็นเจ้าของบ้านหรือ ตอนนี้จะไปไหน ชายาฉินอ๋องยังไม่ไป ไม่รับแขกก่อนหรือ”
ภายในห้อง พอฮุ่ยหลานเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นก็โค้งตัวทำความเคารพ “ที่ข้ามาช้าเพราะว่าถูกคนใช้บางคนขังเอาไว้ ตั้งใจขังไว้ในห้องเก็บของในเรือน” พูดเสร็จ หันหน้ามองเหลียงเหนียงที่อยู่ประตูตรงทางเดินอย่างเคียดแค้น
สีหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นตึงเครียด เยี่ยงนี้รุนแรงกว่าที่ตนคิดเสียอีก ไม่ลังเลอีกต่อไป “อนุสาม คุณชายน้อยล่ะ!”
ฮุ่ยหลานตาแดงน้ำตาคลอเบ้า ทรุดลงคุกเข่า “ชายาฉินอ๋อง ข้าไม่ได้ดูแลคุณชายให้ดี หลายวันก่อนคุณชายถูกนายท่านลงโทษ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เป็นเพราะเข้าเฝือกจึงต้องเปลี่ยนยาทุกวัน ไปๆ มาๆ อาจจะกระทบกับแผลได้ นายท่านจึงให้อยู่รักษากระดูกกับหมอที่สนิทข้างๆ จวน ได้ยินมาว่าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ”
“พี่อวิ๋นโดนตี?” ชุยอินหลัวสูดลมหายใจ
เจ็บไปถึงกระดูกทั้งยังเข้าเฝือกอีก? อยู่ที่โรงหมอ? ต้องลงมือแรงขนาดไหน ใบหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นซีดเซียว “เจ้าลุกขึ้นมาพูดดีๆ เหตุใดจึงโดนทำโทษ จิ่นจ้งทำผิดอะไร!”
ฮุ่ยหลานหายใจหอบ ถึงตอนนี้ก็ยังโมโหไม่หาย “คุณชายไม่ระวังชนอนุรองเข้า เดิมทีนายท่านก็ไม่โทษอะไรรุนแรง เป็นเพราะอนุรองเป่าหูเกินจริง นายท่านจึงโกรธขึ้นมา”
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่สนใจเรื่องอื่นชั่วครู่ เอ่ยถาม “โดนตีเมื่อใดกัน ตอนนี้น้องชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ฮุ่ยหลานเช็ดน้ำตา “เรื่องวันนั้น ทำผิดตอนเช้า ตอนบ่ายก็โดนลงโทษตามกฎบ้าน กระดูกแขนขวาเคลื่อน ใบหน้ามีแผลเล็กน้อย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วอย่างอื่นก็ไม่เป็นอะไร”
ชุยอินหลัวฟังอยู่เงียบๆ เบิกตากว้าง พี่อวิ๋นผู้น่าสงสาร มือหักก็แล้วไป ทำไมต้องเสียโฉมด้วย
อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินว่าน้องชายไม่เป็นอะไรมาก จึงโล่งใจไปหนึ่งเปราะ สายตามองไปที่คนข้างนอก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เดินชน? ชนได้อย่างไรกัน”
ย่าถงเดินทางในวันชูอี พอวันที่ถัดมาน้องชายก็ชนเหลียนเหนียง? จะไม่ประจวบเหมาะไปหน่อยหรือ
ตั้งใจรอเวลาที่ย่าถงไป และช่วงเวลาที่ตนยังกลับมาไม่ได้ จึงลงมือทำเช่นนี้?
ถูกส่งตัวไปรักษากระดูกที่โรงหมอข้างบ้าน เป็นเพราะว่าได้ยินว่าตนได้ลดโทษออกจากวังเร็วขึ้น เกรงว่าตนจะเห็นน้องชายบาดเจ็บ จึงสั่งเอาไปซ่อนไว้ก่อน?
หากตามกำหนดโทษเดิม อยู่อารามฉางชิงครบสามเดือน คนสกุลอวิ๋นสองคนนั้นจะทำให้น้องชายเจ็บขนาดไหนกัน?
เหลียนเหนียงหันมองข้างหลัง ต้องรอนายท่านกลับมา ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงคนด้านในเอ่ยถามตน แม้ว่าจะรู้สึกหนาวๆ อยู่บ้างแต่ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทำได้พียงเดินเข้าไป เห็นสีหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นตึงเครียด น้ำเสียงเย็นชา แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์มากนัก ใช้ความกล้า กัดปากเอ่ย “คุณชาย..ชนข้าจนข้าล้มลงพื้น”
“เดินชนอนุ ก็ใช้กฎบ้านลงโทษคุณชายแล้ว อนุอย่างเจ้าช่างสูงส่งนัก” อวิ๋นหว่านชิ่นลุกขึ้นช้าๆ มองนาง เดินเข้าไปหานางไม่กี่ก้าว “ชนเจ้าเจ็บตรงไหนหรือ”
เหลียนเหนียงมองนางอย่างกล้าๆ กลัวๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความมั่นใจ “ข้าก็เป็นคนหนึ่งมิได้สูงส่ง แต่ว่า” มือทั้งสองยกขึ้นลูกบริเวณหน้าท้อง นัยน์ตาเต็มไปด้วนความแค้น “แต่ว่าคุณชายน้อยชนลูกของข้า นายท่านโกรธก็เป็นเรื่องปกติ ข้ารู้ว่าพระชายารักน้องชาย แต่ว่า ลูกของข้าไม่อยู่แล้ว นั่นก็เป็นพี่น้องของพระชายาเช่นกันนะเจ้าคะ คุณชายถูกลงโทษเท่านั้น เจ็บก็ยังรักษาได้ แต่ลูกของข้า กลับไม่มีแม้แต่ชีวิตแล้ว!”
อวิ๋นหว่านชิ่นตกใจ มองไปทางฮุ่ยหลาน
แม้ว่าฮุ่ยหลานจะโกรธที่นางทำร้ายคุณชาย แต่กลับพยักหน้าตอบ “ตอนที่อนุรองโดนชน เอ่ยว่าตนเองตั้งครรภ์อยู่ จนกลับไปถึงห้อง ปวดท้องและมีเลือดไหล จึงให้ตงเจี่ยไปเรียกหมอหญิงมา หมอจึงบอกว่าอนุรองตั้งท้องเพิ่งจะได้เดือนเศษๆ จึงมองไม่ออก หลังจากนั้น นายท่านจึงโกรธมากเลยลงโทษอย่างหนักเจ้าค่ะ”
อนุรอง ท้อง?
มิน่าเล่า พึ่งท้องนี่เอง
หลายปีมานี้ท่านพ่อมีจิ่นจ้งเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ก่อนหน้านี้ไป๋เสวี่ยฮุ่ยก็ได้แท้งลูกไปคนหนึ่งแล้ว ท่านพ่อก็เสียใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะมีสักคน ตอนนี้ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไข้กลับไม่มีอีกแล้ว จะไม่ให้เขาเสียใจหรือ
อวิ๋นหว่านชิ่นนึกถึงตอนก่อนที่จะออกเรือน นางเคยให้ไป๋เสวี่ยฮุ่ยส่งน้ำแกงเชียนจินไปให้ คิ้วขมวด จะยังสามารถทำให้เหลียนเหนียงตั้งครรภ์ได้หรือ
ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้นางมองเหลียนเหนียงอย่าละเอียด ชั่วครู่ก็เอ่ย “ดูจากท่าทางของอนุรองแล้ว เพิ่งจะแท้งมา นับดูแล้วยังไม่ถึงหนึ่งเดือนใช่หรือไม่? อนุรองไม่อยู่ไฟหรือ ทั้งยังวิ่งทำงานโน่นนี่อีก ลูกสะใภ้ชาวนายังไม่ลำบากเช่นนี้เลย”
เหลียนเหนียงมองอย่างครุ่นคิด ตาร้อนผ่าว “ท่านพี่ให้ความสำคัญกับข้ามาก แต่ข้าเองที่ไม่กล้ารับไว้ จึงฝืนไว้ อีกอย่าง ข้าเองก็ไม่ใช่คุณหนูอะไร เดิมที่ก็ลำบากที่ม้าผอมมาก่อน ร่างกายแข็งแรงมาก วันนี้พระชายามาเอง ข้าเองจะกล้าขี้เกียจหรือ ขั้นนี้แล้วความหมายของพระชายาเหมือนกำลังบอกว่าข้าตั้งใจโยนความผิดให้คุณชายน้อยหรือ”
อวิ๋นหว่านชิ่นมองนางด้วยสายตาเย็นชาเท่านั้น สะบัดแขนเสื้อ “เกาจ๋างสื่อ เจ้าพาบ่าวรับใช้สกุลอวิ๋นไปโรงหมอ พาคุณชายอวิ๋นกลับมา”
เกาจ๋างสื่อไม่เอ่ยคำได้ รีบไปจัดการทันที
โรงหมอยู่ที่ทางเข้าตรอกซอย ครู่เดียว เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากหน้าประตู
แขนขวาของอวิ๋นจิ่นจ้งเข้าเฝือก เดินเข้ามา เด็กชายวัยเยาว์ของบ้าน เวลาผ่านไปนาน ไม่ได้สนใจความเจ็บ ได้ยินว่าพี่สาวมาถึง ก็รีบวิ่งจนบ่าวตามไม่ทัน พอเจอพี่สาวก็ลืมความเจ็บทั้งหมดกระโดนเข้าไปหา “พี่!”
ชุยอินหลัวเห็นเขาแล้ว ก่อนหน้านี้หน้าตาสะอาดสะอ้าน แต่วันนี้เปลือกตาถลก มุมปากบวม แขนยังถูกมัดอย่างแน่นหนา เอ่ยเสียเบา “พี่อวิ๋น ท่านเสียโฉมแล้วจริงๆ หรือ…”