ตอนที่อวิ๋นหว่านชิ่นยังไม่ได้เจอน้องชาย ยังฝืนเก็บอารมณ์ไว้ได้อยู่ พอตอนนี้ได้เห็นน้องชายแล้ว ส่งสัญญาณให้เกาจ๋างสื่อเข้าไปพยุง ไม่ให้เขาวิ่งไปทั่ว อวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไปไม่กี่ก้าว คว้ามือจับแขนของเหลียนเหนียงไว้ พลิกมือจับท้องอย่างแน่น อีกมือหนึ่งก็ยกขึ้นตบหน้าเหลียนเหนียงเต็มแรง “นังแพศยา!”
เหลียนเหนียงทำอะไรไม่ถูก ก้าวถ้อยหลังไม่กี่ก้าวก็ล้มลงบนพื้น เป็นเพราะตงเจี่ยที่อยู่ทางประตูมารับไม่ทัน ตะโกนเรียก “ใครก็ได้ ช่วยข้าที”
“บังอาจ พระชายาฉินเพียงสั่งสอนคนเท่านั้น ใครก็อย่ามาขวาง” เกาจ๋างสื่อเอ่ยตะโกน
เป็นดั่งคาด บ่าวรับใช้หน้าประตูสกุลอวิ๋นไม่กล้าขยับแม้แต่คนเดียว
เหลียนเหนียงไม่โต้ตอบ รู้ว่าโดนตบหน้าเจ็บแสบ แก้วหูดังหึ่งๆ ได้ยินเสียงสตรีตรงหน้าตะโกนลางๆ “ก่อนแต่งงานข้าเคยพูดแล้ว มีความคิดอะไรก็อย่าได้ทำร้ายข้าและจิ่นจ้ง ที่ศาลบรรพบุรุษครั้งนั้นจำไม่ได้หรือตบครั้งนี้สั่งสอนที่เจ้าความจำไม่ดี!”
เสียงดัง เพียะ! มือตบลงบนใบหน้าเหลียงเหนียงอีกครั้ง “ตบครั้งนี้ สั่งสอนที่ไม่เจียมตัว!”
ตบหน้าทั้งสามครั้ง ทำเอาเหลียนเหนียงหน้าหัน เลือดออกปากกลิ่นคาวเลือด
อวิ๋นหว่านชิ่นเกลียดเข้าไส้ หันหลังกลับไปนั่ง
เหลียงเหนียงคิดว่ามันจะจบเท่านี้ แม้ว่าจะเจ็บบนใบหน้ามาก ในใจเก็บความรู้สึกไว้ สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา สะอึกสะอื้นลุกขึ้น นึกไม่ถึงว่าคนบนที่นั่งจะเอ่ยสั่ง “ฮุ่ยหลาน เจ้าไปทำต่อ!”
ฮุ่ยหลานเองตั้งแต่เรื่องดอกท้อก็ไม่ถูกชะตากับเหลียนเหนียง มีหรือที่จะไม่ทำตามคำสั่งของพระชายาฉินอ๋อง ต่อให้นายท่านจะโทษก็คงไม่ถึงตนเอง ไม่ขัดสักนิด เดินก้าวเท้าไปกดเหลียนเหนียงไว้ไม่ให้ลุกเริ่มง้ากมือจะตบ
เหลียงเหนียงโดนตบมาเต็มที่แล้ว ตะโกนขอร้อง “ข้าเพิ่งจะแท้งลูก พวกเจ้าจะทำเยี่ยงนี้ไม่ได้…”
ใบหน้าเย็นชาของอวิ๋นหว่านชิ่นยิ่งหนักขึ้น
แท้งลูก? แท้งจริงหรือไม่ยังไม่แน่ชัดเลย!
ก่อนหน้าที่นี้อวิ๋นหว่านชิ่นจับแขนนางไว้ ใช้โอกาสนี้จับชีพจรนาง ทุกอย่างปกติ ไม่เหมือนกับสตรีที่เพิ่งแท้งลูกมาไม่นาน สตรีที่เสียเลือดมาก เรื่องแท้งลูกนั้นเป็นสิ่งที่บาดเจ็บที่สุดของสตรีทุกคน ต่อให้ร่างกายแข็งแรง ยกเว้นว่าจะเป็นพรจากสวรรค์ ถึงจะหายได้เร็วในเวลาอันสั้นนี้
กำลังตบตีอย่างสบาย อวิ๋นจิ่นจ้งตกใจตะลึง ใช้มืออีกข้างหนึ่งที่ไม่บาดเจ็บปิดตาชุยอินหลัวไว้ เหตุการณ์โหดร้ายตรงหน้าให้เด็กน้อยมาเห็นไม่ค่อยดีเท่าไร
ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมา ตะโกนด้วยความร้อนใจ “ทำอะไรกัน! หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดเดี๋ยวนี้!”
อวิ๋นเสวียนฉั่งพาผู้ติดตามกลับมาจวนด้วย รีบจนแม้แต่ชุดก็ยังไม่ทันเปลี่ยน เดินตรงมาที่ห้องโถงหลัก เห็นอนุคนโปรดโดนตบจนหน้าบวม มีเลือดออกเต็มปาก ก้าวเดินไปพลักฮุ่ยหลานออก “บังอาจ! ใครให้เจ้าทำร้ายเหลียงเหนียง!”
“ข้าเอง มีปัญหางั้นหรือ” อวิ๋นหว่านชิ่นมองไป
อวิ๋นเสวียนฉั่งได้ยินเสียงลูกสาวตน ความโกรธทั้งหมดก็ถูกกลืนลงไป แต่ก่อนลูกสาวคนนี้เป็นถึงชายาขององค์ชาย จึงไม่กล้าพูดอะไร ตอนนี้ฉินอ๋องเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ยิ่งไม่กล้ากำเริบ ใครจะไปรู้ว่าเด็กน้อยผู้นี้จะมีหน้ามีตาขึ้นมา
“ท่านพ่อใคร่จะลงโทษฮุ่ยหลานที่ตบนาง หรือว่าจะลงโทษข้าที่เป็นตัวการ?” น้ำเสียงของอวิ๋นหว่านชิ่นหนักแน่น โดยปกติแล้วตอนบ่ายถึงจะกลับมาไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงกลับเร็ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหลียนเหนียงต้องส่งคนไปรายงานก่อนแน่
อวิ๋นเสวียนฉั่งระงับอารมณ์เอาไว้ พยุงเหลียนเหนียงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด และไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก เพียงแค่ปรายตามองฮุ่ยหลานแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยตำหนิอะไร เอ่ยถาม “ชายาฉินอ๋องกลับมา เหตุใดถึงไม่บอกก่อนสักคำ”
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มอย่างเย็นชา “กลับบ้าน ล้วนแต่บอกว่าข้าไม่บอกก่อน บอกก่อนแล้วทำไมหรือ พวกท่านจะเตรียมการอะไรหรือ”
“เจ้า…” อวิ๋นเสวียนฉั่งถูกจี้จุด โกรธจนเลือดขึ้นหน้า
เป็นชายาองค์ชายแล้วเป็นนางฟ้านางสวรรค์หรือไง! พออยู่กับฉินอ๋องก็กลายเป็นคนไม่รู้จัก ก่อนแต่งงานกำเริบเยี่ยงไร ตอนนี้เสิบสานเสียยิ่งกว่า!
เป็นชายาองค์ชายแล้วเยี่ยงไรกัน? ฉินอ๋องสำเร็จราชการแล้วเยี่ยงไรกัน แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่กล้าสั่งสอน!
ถ้อยหนึ่งก้าว ยิ่งนาน ยิ่งได้คืบจะเอาศอก แสดงท่าทางน่าเกรงขาม ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้นางหวาดกลัวได้
อวิ๋นเสวียนฉั่งใช้ความเป็นพ่อ เอ่ยตะคอก “พระชายาหมายความว่าเยี่ยงไรกัน ข้าเป็นพ่อของเจ้า ให้กำเนิดเจ้า เลี้ยงดูเจ้า หากไม่มีข้า เจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ได้หรือ ไม่รู้ว่าจะรอกลับมาเกิดได้เมื่อไหร่! ข้าคิดพันตลบ ก็รู้สึกว่าไม่ติดค้างเจ้าแต่เจ้าต่างหากที่ติดค้างข้า! นอกเสียจากจะเอาชีวิตเจ้าคืนมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติก็ตอบแทนไม่หมด! ตอนนี้เจ้ามีท่าทีเยี่ยงไร กล้าดีมาสงสัยในตัวข้า?”
อวิ๋นหว่าชิ่นจ้องมองเขา “ท่านควรจะดีใจที่ให้กำเนิดข้า ทุกวันนี้ท่านจึงสามารถมีเมียเล็กเมียน้อยได้ ในวงการของขุนนางก็ราบรื่น ข้าทำเพื่อสกุลอวิ๋นเพียงเท่านี้ บางทีก่อนแต่งงานข้าอาจจะพูดไม่ชัดเจน เยี่ยงนั้น ข้าจะพูดอีกรอบหนึ่ง หากว่าท่านให้แมลงหวี่แมลงวันมาทำให้จิ่นจ้งต้องเจ็บอีก ก็อย่ามาบอกว่าแล้งน้ำใจ”
อวิ๋นเสวียนฉั่งยิ้มเย็นชา “ชายาเป็นสตรีที่แต่งออกไปแล้ว ยุ่งมากเกินไปแล้ว สตรีที่แต่งออกก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป จิ่นจ้งเป็นลูกชายข้า เจ้าจะต้องเข้ามายุ่งด้วยหรือ เขาทำผิด ข้าเป็นพ่อต่อให้ตีจนตายหรือพิการ ก็ไม่มีใครพูดอะไรได้! เจ้าลองไปถามดูว่าพี่สาวคนโตจะใหญ่กว่าพ่อแท้ๆ หรือ”
พูดไป เขาก็ตวาดเสียงดัง “จิ่นจ้ง มานี่!”
อวิ๋นจิ่นจ้งใส่เฝือก ลังเลอยู่สักพัก ชุยอินหลัวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยรั้งเขาไว้ “อย่าไปเลยพี่อวิ๋น พ่อของท่านน่ากลัวมาก ระวังเขาจะหักแขนท่านอีกข้างหนึ่ง…”
อวิ๋นจิ่นจ้งมองพี่สาวและพ่อของตน ในที่สุดก็ไม่ขยับ
อวิ๋นเสวียนฉั่งรู้สึกเสียหน้า มีฐานะเป็นพ่อกลับถูกลูกชายลูกสาวเหยีบย่ำจนเป็นผุยผง เพื่อกู้หน้าตาของตนเอง น้ำเสียงแผดดังขึ้น คิ้วเป็นเส้นตรง เอ่ยตะโกนอีกครั้ง “ลูกไม่รักดี ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัว มาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
สุดท้ายอวิ๋นจิ่นจ้งก็ขยับตัว แต่กลับเดินไปข้างๆ พี่สาวอย่างช้าๆ ยิ่งนานยิ่งไกลขึ้น
อวิ๋นเสวียนฉั่งโกรธมากจนไม่พูดอะไรสักคำ
แม้ว่าเหลียนเหนียงจะถูกตบตีมาไม่เบานัก พอเห็นท่าทางของนายท่าน หันไปร้องไห้กับอวิ๋นจิ่นจ้ง “คุณชายน้อยเชื่อฟังนะเจ้าคะ นายท่านรักเจ้ามาก มีบ้านไหนที่ลูกจะไม่โดนพ่อแม่ตีบ้าง เจ้าอย่าได้โกรธท่านพ่อไปเลย”
“รัก?” อวิ๋นหว่านชิ่นชี้แผลบนตัวและใบหน้าของน้องชาย “เพื่ออนุคนเดียว จะต้องตีลูกชายแท้ๆ ขนาดนี้เลยหรือ ปีนี้จิ่นจ้งต้องสอบแล้ว คงจะยุ่งอีกหลายเดือน แล้วแขนขวายังมาเจ็บอีก เกรงว่าจะกระทบต่อการเรียนและอนาคต ตอนที่ท่านพ่อลงมือ ไม่ได้คิดให้รอบคอบ เยี่ยงนี้จะบอกว่ารักหรือ!”
อวิ๋นเสวียนฉั่งเอ่ยด้วยความแค้น “เด็กไม่รักดีคนนี้ ตั้งใจชนเหลียนเหนียง จนนางแท้งลูก พูดอีกทีก็คือเขาฆ่าน้องชายแท้ๆ ของตนเอง ตีแขนหักแล้วเป็นอย่างไรหรือ ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต ต่อให้ต้องตายก็สาสม!”