ตอนที่ 442 ช่วยเอาไว้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 442 ช่วยเอาไว้

“เหตุใด…ฝ่าบาทจึงทำเช่นนี้เล่า ? ใต้เท้า ท่านทราบหรือไม่ ? ”

“อย่าเพิ่งกล่าวอันใดดีกว่า การสงสัยในพระวินิจฉัยมีโทษถึงตาย ! พวกท่านจงระวังให้ดี”

เหล่าขุนนางที่อยากสอบถามในตอนแรกพลันยิ้มแห้งออกมา ก่อนสงบปากสงบคำดังเดิม

เมื่อกลับถึงห้องทรงอักษร ขณะที่กำลังทอดพระเนตรฎีกาก็ได้ยินว่ามู่จวินฮานมาเข้าเฝ้าพอดี

“ถวายพระพรฝ่าบาท” มู่จวินฮานรู้ดีว่าอีกฝ่ายเรียกมาเข้าเฝ้าด้วยเหตุใด

และเป็นดังคาด หลังจากฮ่องเต้สั่งให้มู่จวินฮานลุกขึ้นเสร็จพระองค์ก็ตรัสถามความเห็นเรื่องอุทยานหลวงว่าเหมาะสมหรือไม่

“หากฝ่าบาทต้องการซ่อมแซมย่อมได้อยู่แล้ว ส่วนคลังหลวงขอเพียงมิทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน กระหม่อมก็คิดว่าไร้ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ” ความเห็นของมู่จวินฮานตรงประเด็นอย่างมาก

“อืม…หลังจากครั้งนี้ ข้าจักมีการพบปะขุนนางที่อุทยานหลวง อย่างไรพวกเขาก็ต้องช่วยบริจาคบ้างอยู่แล้ว”

ที่แท้ฮ่องเต้ก็มีแผนอยู่แล้วนี่เอง มู่จวินฮานจึงได้แต่ยิ้มออกมาโดยมิกล่าวสิ่งใด

“มู่เหล่าหวางเฟยมาเจ้าค่ะ ! ” อันหลิงเกอมองมู่เหล่าหวางเฟยที่เดินเข้ามาอย่างประหลาดใจ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนรีบเข้าไปคำนับ

“มิต้องมากพิธีหรอก” มู่เหล่าหวางเฟยประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นแล้วดึงให้นั่งลงข้างตน

“ซางกวนถง เหตุใดมิทักทายเลย ? ”

อันหลิงเกอเพิ่งสังเกตเห็นว่าซางกวนถงที่คอยติดตามมู่เหล่าหวางเฟยก็มาด้วย

ได้ยินว่านางเป็นสาวใช้ข้างกายมู่เหล่าหวางเฟยตั้งแต่เด็ก อันหลิงเกอจึงอดมองตามมิได้

อันหลิงเกอรีบเรียกปี้จูยกน้ำชาและของว่างเข้ามา ก่อนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “หมู่เฟยมาวันนี้มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ? ”

“มิมีอันใดสำคัญหรอก ข้าแค่อยากพาเจ้าออกไปเดินเล่นเท่านั้น” มู่เหล่าหวางเฟยยกยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางตกใจของอันหลิงเกอ นางจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ช่วงนี้ในเมืองหลวงมีการจัดงานโคมไฟ วันทั้งวันเจ้าอยู่แต่ในเรือนคงเบื่อน่าดู มิสู้ออกไปเดินเล่นกับข้าดีหรือไม่ ? ”

มู่เหล่าหวางเฟยถูกกักบริเวณอยู่ในวังมานาน อันหลิงเกอก็รู้ดีว่าการมีคนคอยสนทนาด้วยอาจเป็นสิ่งที่นางต้องการก็ได้

“ดีเลยเจ้าค่ะ ลูกเองก็มิได้ไปชมงานโคมไฟนานแล้ว ! ขอบพระคุณหมู่เฟยเจ้าค่ะ ! ” จากนั้นมู่เหล่าหวางเฟยก็พาอันหลิงเกอและซางกวนถงออกจวนไปด้วยกันสามคน

ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ ร้านรวงต่างๆ จึงถือโอกาสจัดเตรียมของมาขายมากกว่าปกติ สองข้างทางนอกจากเหล่าสาวใช้และคนธรรมดาที่ออกมาซื้อของกันแล้วยังมีเหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูที่มาเที่ยวชมงานอีกด้วย

“เป็นอย่างไรบ้าง ? มิเลวเลยใช่หรือไม่ ? ” มู่เหล่าหวางเฟยเที่ยวชมร้านรวงอย่างพอใจพร้อมถามอันหลิงเกอและซางกวนถงตลอดว่าอยากได้สิ่งใดหรือไม่ “แม้ของที่นี่มิได้ดีมากนัก แต่ลองเลือกให้สนุกก็ได้อยู่”

ในขณะที่พวกนางกำลังเดินดูข้าวของต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน อยู่ ๆ สีหน้าของอันหลิงเกอก็เคร่งเครียดทันที ทำให้อีกสองคนต้องหยุดมองไปด้วย

“ทำไมหรือ ? เป็นแค่นักขับร้องธรรมดาคนหนึ่งทำราวกับเป็นหญิงพรหมจรรย์ไปได้ พวกเราจับนางคนนี้กลับไป ! ” เสียงตะโกนด่าทอพร้อมเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

จนพวกนางสามคนอดมองสบตากันมิได้ ก่อนเดินไปตามที่มาของเสียงนั้น

เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังถูกพวกอันธพาลจับตัวไป อันหลิงเกอก็อดร้อนรนมิได้ นางจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปดึงผู้หญิงคนนั้นไว้จากทางด้านหลัง เมื่อเห็นพวกอันธพาลเดินเข้ามาใกล้ก็รีบดึงผู้หญิงวิ่งหนีทันที

มู่เหล่าหวางเฟยเห็นว่าเกิดเรื่องขึ้นก็รีบให้คนกลับไปแจ้งที่จวน อันธพาลพวกนั้นเมื่อถูกขัดขวางก็วิ่งตามไปอย่างมิพอใจ

สุดท้ายสตรีเยี่ยงพวกนางก็วิ่งช้าลงเรื่อย ๆ เมื่อเหลือบเห็นคนที่วิ่งตามมา อันหลิงเกอก็รู้สึกตื่นตระหนก

“แม่นาง เรื่องนี้มิเกี่ยวกับเจ้า อย่ามาแส่หาเรื่องดีกว่า” หนึ่งในอันธพาลคำรามอย่างดุดัน “ขอเพียงเจ้าปล่อยแม่นางผู้นั้นมาให้เรา พวกเราก็จักทำเหมือนวันนี้มิมีอันใดเกิดขึ้น ! ”

อันหลิงเกอส่งเสียง เฮอะ ออกมา ก่อนสั่งสอนพวกอันธพาลที่ก้าวเข้ามาจนมันสิ้นฤทธิ์

จุดที่พวกนางอยู่ในตอนนี้มิไกลจากจวนโหวอันเท่าไรนัก เมื่อเห็นมู่เหล่าหวางเฟยยืนอยู่ด้านหลังแล้ว อันหลิงเกอจึงแนะนำให้ไปพักที่จวนโหวก่อน

อันอิงเฉิงเห็นมู่เหล่าหวางเฟยก็รีบเข้ามาคำนับทันที

“คาราวะ…” เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังคำนับ มู่เหล่าหวางเฟยก็รีบเอ่ยห้าม “มิต้องหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันจึงมิต้องมากพิธี”

อันหลิงเกอมิได้กลับจวนมานานก็เพิ่งรู้ว่าน้องสาวคนดีเยี่ยงอันหลิงอีกำลังตั้งครรภ์อยู่ !

และอันหลิงเกอก็มิได้รู้ว่าการออกมาข้างนอกในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ใครบางคนที่อยู่ในจวนอ๋องมู่เสียแล้ว

“เจ้าได้ยินหรือไม่? ช่วงนี้อวี๋กู่เหนียงกำลังหัดเล่นพิณอยู่ ได้ยินว่าฝึกจนนิ้วระบมจนเลือดไหลเชียว!”

หน้าประตูเรือนฝูหลิงมีสาวใช้สองคนกำลังแอบซุบซิบกันอยู่

เมื่อได้ยินดังนั้นมู่จวินฮานก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เดิมทีเขาจักมาหาอันหลิงเกอแต่มิคิดว่านางและหมู่เฟยออกไปข้างนอกด้วยกัน

เมื่อเดินผ่านเรือนของอวี๋หมิงหลัน เขาก็ได้ยินเสียงพิณดังขึ้นมาเหมือนว่านางกำลังตั้งใจเล่นอยู่

มู่จวินฮานค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในเรือน เขาห้ามมิให้องครักษ์ส่งเสียงเรียกและเห็นสตรีที่นั่งหันหลังให้ตนกำลังตั้งใจฝึกก็อดก้าวไปหามิได้

“ท่านอ๋อง ? ” อวี๋หมิงหลันตกใจเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลังของนาง เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเป็นมู่จวินฮาน นางจึงดีใจและตกใจในเวลาเดียวกัน “ท่านอ๋อง…มิมาหาเชี่ยเซินตั้งนาน วันนี้มาด้วยเหตุใดเจ้าค่ะ ? ”

มู่จวินฮานยกยิ้มมุมปาก “เจ้าคิดว่าข้าใจร้ายกับเจ้าใช่หรือไม่ ? ”

“เชี่ยเซินมิกล้าเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันกัดริมฝีปากพร้อมความรู้สึกที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

มู่จวินฮานมองที่มือของอวี๋หมิงหลันก็พบว่านิ้วของนางเต็มไปด้วยรอยช้ำ

“เจ้าเพิ่งหายดี เหตุใดต้องฝึกพิณหนักเช่นนี้ด้วย ? ” มู่จวินฮานมองนางอย่างพิจารณาก็เห็นว่าใบหน้าของอวี๋หมิงหลันแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มบาง

“เจ้ายิ้มอันใด ? ” มู่จวินฮานมองนางอย่างแปลกใจ เขาแค่หวังว่าร่างกายของนางจักดีขึ้นในเร็ววัน จากนั้นก็ส่งนางออกนอกจวน นางจักได้มิสร้างปัญหาให้เกอเอ๋อของเขาอีกก็เท่านั้น

บุญคุณส่วนบุญคุณ ความรักส่วนความรัก มู่จวินฮานมิมีทางยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายเกอเอ๋อเป็นอันขาด

“เพราะท่านอ๋องมองเชี่ยเซินด้วยความเป็นห่วง เชี่ยเซินจึงดีใจเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันค่อย ๆ เข้าไปใกล้เขาโดยหวังอิงแอบที่อกแกร่ง

มู่จวินฮานที่กำลังคิดผลักนางออกก็ได้ยินอวี๋หมิงหลันเอ่ยขึ้นเสียก่อน

“เชี่ยเซินมิได้ใกล้ชิดท่านอ๋องมานานแล้ว…เชี่ยเซินคิดถึงท่านอ๋องทุกคืนวัน ดังนั้นจึงตั้งใจฝึกพิณเพื่อท่าน ท่านอ๋องยังจำตอนเด็กได้หรือไม่เจ้าคะ?”

มู่จวินฮานถอนหายใจออกมา “เจ้ามิควรอยู่ที่นี่ หากเจ้าย้ายออกไปก็ต้องหาคู่ครองที่ดีได้แน่นอน”

อวี๋หมิงหลันส่ายหน้าอย่างแรง จากนั้นก็ขยับตัวให้แนบชิดกับอกของมู่จวินฮานมากขึ้น เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นจากน้ำตาที่อกเสื้อของตน มู่จวินฮานก็อดขมวดคิ้วมิได้

แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนรักสะอาด มิชอบให้ใครมาทำเสื้อผ้าเปรอะเปื้อน ดังนั้นจึงผลักอวี๋หมิงหลันออกทันที ก่อนก้าวยาว ๆ กลับไปยังห้องหนังสือและถอดเสื้อนอกทิ้งลงพื้นโดยมิไยดี

วันต่อมา อันหลิงเกอได้ปรึกษาคนสนิทอยู่นานก็ตัดสินใจว่าจักพาไป๋เถียนเถียนที่ช่วยไว้เมื่อวานนี้ไปอยู่ด้วยกันในจวนอ๋อง

ไป๋เถียนเถียนดูเป็นคนฉลาดเฉลียวและบางทีอาจช่วยงานได้บ้าง