เมี่ยอวิ๋นไม่อาจขัดขวางมู่เฉียนซีได้ เพราะเวลานี้มู่เฉียนซีกำลังเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว ร่างสีม่วงกระโดดขึ้นไปในอากาศ หมุนสามรอบและหลบหลีกการโจมตีของอาวุธลับที่ดักโจมตีอยู่ นั่นเป็นอาวุธที่เขาภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
ผมสีหมึกพัดสยายไปตามทิศทางลม ใบหน้าที่ดูงดงามหมดจดผ่านหน้าเขาไป ความงามนั้นทำให้เมี่ยอวิ๋นรู้สึกราวกับมีเทพธิดามาจุติก็มิปาน เขานึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่บุกเข้ามาถึงในเกาะ ทำลายกลไกต่าง ๆ และฝ่าอาวุธลับที่ดักซุ่มโจมตีนี้มาได้จะเป็นสตรีงาม
มู่เฉียนซีในเวลานี้ นางรับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่นาง ร่างของนางพุ่งไปทางเมี่ยอวิ๋นและจับตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว “เจอตัวแล้ว”
— ฟึ่บ! —
ไม้ไผ่ขนาดเล็กประมาณเข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
— กึก! —
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีกไป ทว่านางก็ไม่หยุดโจมตีเมี่ยอวิ๋น จวบจนกระบวนท่าสุดท้าย กระบี่ของมู่เฉียนซีจี้ไปที่ร่างของเมี่ยอวิ๋น นางยิ้มมีชัยพลางกล่าวอย่างแผ่วเบา “อย่าขยับ…”
— ฟึ่บ! —
เมี่ยอวิ๋นไม่ฟัง กระบี่ไม้ไผ่ของเขาฟันเข้าที่แขนของมู่เฉียนซี
— แควก! —
แขนเสื้อนางฉีกขาดอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นผิวราวหยกขาวมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
ใบหน้าของเมี่ยอวิ๋นนั้นดูโหดร้ายน่ากลัวอย่างมาก มันขรุขระและเต็มไปด้วยบาดแผลหลายร้อยแผล ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความดุร้าย เจ้าเล่ห์ และรุนแรงผสมกัน
“ผู้แพ้คือเจ้าต่างหาก คมกระบี่ไม้ไผ่ของข้านั้นอาบยาพิษ” เมี่ยอวิ๋นกล่าวอย่างเย็นชา
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย นางกล่าววาจากวนประสาทอีกฝ่าย “อาบยาพิษรึ ? ฮิ ๆ ช่างน่ากลัวเหลือเกินนะ”
ภายใต้รอยยิ้มของสตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มีความชั่วร้ายแฝงอยู่ไม่น้อยเลย เมี่ยอวิ๋นกล่าวพลางถอนหายใจ “หากเจ้าปล่อยข้า ข้าจะแก้พิษให้เจ้า เช่นนี้ยุติธรรมดี”
“เช่นนั้นถ้าหากข้าบอกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องแก้พิษให้ข้าล่ะ ? เช่นนี้ก็คงไม่ยุติธรรมแล้วใช่หรือไม่ ?”
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ จนเขาเห็นว่าพิษนั้นไม่ได้มีผลอะไรต่อนางเลย ฉับพลันแววแห่งความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเมี่ยอวิ๋น
มู่เฉียนซี “ถึงเจ้าจะเล่นอาวุธลับได้เก่งกาจเพียงใด แต่เรื่องยาพิษ เจ้าไม่อาจสู้ข้าได้ เศษพิษแค่เล็กน้อยเช่นนี้ไม่มีผลอะไรต่อข้าทั้งนั้น”
รอยยิ้มหยัน ๆ สุดมั่นใจบนใบหน้านางทำให้เมี่ยอวิ๋นแน่ใจมากว่าสตรีผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นยอดฝีมือในการใช้ยาพิษที่น่าเกรงกลัวยิ่งนัก เขากล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะพ่ายแพ้แล้ว เจ้าเป็นคนเดียวที่เข้ามาถึงในเกาะของข้าได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังจับข้าได้ เช่นนั้นจะช้าอยู่ใย ฆ่าข้าเสียสิ” กล่าวจบเขาหลับตาลง ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจความเป็นความตายแม้แต่น้อยเลย
“เจ้ายอมแพ้ง่ายดายเลยรึ ? ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ใช่คนที่จะเต็มใจตายง่าย ๆ เช่นนี้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบา
เมี่ยอวิ๋น “ไม่เต็มใจตายแล้วอย่างไร ? วันนี้ข้าหนีเจ้าไม่รอด เจ้าก็เห็น ๆ กันอยู่”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้าคิดว่าข้ามาเพื่อฆ่าเจ้าอย่างนั้นรึ ?”
“มาที่นี่แล้วไม่ฆ่าข้า แล้วเจ้าจะมาทำไมเล่า ?”
“อย่ายอกย้อน เจ้าตอบคำถามข้าสักสองสามคำถาม แล้วข้าจะคิดอีกทีว่าจะฆ่าเจ้าหรือไม่”
เมี่ยอวิ๋นรู้สึกแปลก ๆ การจะฆ่าคนต้องยังต้องถามคำถามด้วยหรือ เขากล่าวอย่างใจเย็น “ถามคำถามของเจ้ามา”
“เจ้าคือเมี่ยอวิ๋น เป็นผู้มีที่มีอิทธิพลที่สุดในเขตทะเลอั้นเจียวใช่หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ใช่ ข้าอาศัยอยู่ในเขตทะเลอั้นเจียวนี้มายี่สิบปีแล้ว ถึงแม้ความแข็งแกร่งของข้าจะไม่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่ทั่วทั้งเขตทะเลอั้นเจียวนี้ ไม่มีใครทำอะไรข้าได้ และข้าก็มีผู้รับใช้ที่ข้าไว้ใจได้”
“เช่นนั้นข้าไม่ฆ่าเจ้าแล้ว แต่เจ้าต้องรับปากว่าจะช่วยข้าอย่างหนึ่ง”
เมี่ยอวิ๋นกล่าวถามด้วยความแปลกใจระคนสงสัย “เจ้าไม่ใช่บุคคลที่สำนักอวิ๋นเยียนส่งมาให้ฆ่าข้าหรอกรึ ?”
“ข้าเหมือนคนจากสำนักอวิ๋นเยียนนักรึ ?!” มู่เฉียนซีได้ยินชื่อสำนักอวิ๋นเยียนก็โกรธขึ้นทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดเจน
เมี่ยอวิ๋น “เจ้าอายุน้อยเช่นนี้แต่กลับมีพลังวิญญาณถึงขั้นราชา หรือว่าจะมีผู้มีอำนาจอื่นในเซี่ยโจวที่สามารถบ่มเพาะอัจฉริยะที่ร้ายกาจเช่นเจ้าได้”
“ต่อให้เป็นสำนักอวิ๋นเยียนก็ไม่อาจบ่มเพาะอัจฉริยะเช่นข้าได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะมองสำนักอวิ๋นเยียนสูงเกินไป” มู่เฉียนซีเก็บกระบี่มังกรเพลิง “ข้าว่าเรามาคุยกันดี ๆ จะดีกว่า เก็บกระบี่ของเจ้าเถอะ”
ขณะนั้นเอง เมี่ยอวิ๋นก็เริ่มตอบโต้กลับ “เจ้าเก็บอาวุธรึ หึ ๆ อย่าลืมว่าข้ามีอาวุธพร้อมใช้อยู่!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ในเมื่อเมี่ยอวิ๋นใช้อาวุธลับ มู่เฉียนซีที่เตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้วก็เอาอาวุธลับที่นางเตรียมไว้ออกมาเช่นกัน ทั้งสองเริ่มปะทะกันอย่างดุเดือดทันที
เมี่ยอวิ๋นกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เป็นอาวุธลับที่งดงามยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นอาวุธลับเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน”
เมี่ยอวิ๋นถูกอาวุธลับของมู่เฉียนซีดึงดูดความสนใจ จึงทำให้เขาลืมโจมตีนางไปเสียสนิท
มู่เฉียนซีกล่าว “ต่อให้ตอนนี้เจ้ามีอาวุธลับ แต่เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ดังนั้นอย่าทำอะไรที่มันไร้ประโยชน์เลย ข้าจะมอบภารกิจหนึ่งให้เจ้าทำ หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะบอกเจ้าว่าอาวุธลับเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร”
ข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจเช่นนี้ แน่นอนว่าเมี่ยอวิ๋นหวั่นไหว เขาหยุดโจมตีมู่เฉียนซีและกล่าวถามนาง “เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใดก็ว่ามา”
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยหาสถานที่ที่มันลึกลับ สถานที่ที่มีซากปรักหักพัง รวมทั้งสถานที่เก่า ๆ ในเขตทะเลอั้นเจียวให้ข้า ถึงอย่างไรก็เป็นเขตทะเล เจ้าคงจะคุ้นเคยใช่หรือไม่ ?”
เมี่ยอวิ๋นผงะไปครู่หนึ่ง “เพียงเพราะสิ่งนี้น่ะหรือ เจ้าถึงได้เสี่ยงอันตรายเข้ามาในเกาะที่เต็มไปด้วยอาวุธลับซิวหลัวของข้า”
มู่เฉียนซี “มันก็ไม่ได้เสี่ยงอะไรมากมาย ตอนนี้ข้าปลอดภัยดี คนที่เสี่ยงอันตรายคือเจ้า”
เมี่ยอวิ๋น “ทำภารกิจนี้ให้เจ้าใช่ว่าข้าจะทำไม่ได้ เพียงแต่เจ้าจ่ายค่าตอบแทนมา ข้าจะให้ทุกคนในเขตทะเลอั้นเจียวช่วยเจ้าตามหาจะได้ความเร็วขึ้น”
“ค่าตอบแทนนั้นได้อยู่แล้ว” มู่เฉียนซียืดอกเล็กน้อย เรื่องจ่ายค่าตอบแทนเป็นเรื่องที่นางไม่เคยกังวลเลย นางเสนอไป “ยาวิญญาณระดับเจ็ดคนละหนึ่งเม็ดเป็นอย่างไร ? หากผู้ใดหาเจอจะเพิ่มยาระดับแปดให้อีกสิบขวด”
เมี่ยอวิ๋นได้ยินเช่นนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตะหนกตกใจ เสนอมาเช่นนี้มันยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ต่อให้เป็นสำนักอวิ๋นเยียนก็ไม่อาจหายาวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้มาได้
เมี่ยอวิ๋น “เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ?! เพื่อที่จะหาสถานที่หนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่มี แต่กลับเสนอจ่ายค่าตอบแทนที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้ เจ้าไม่กลัวหมดตัวหรืออย่างไรกัน ?”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลไป ตระกูลข้าร่ำรวยอย่างที่เจ้ามิอาจจินตนาการ”
ยาวิญญาณและสมุนไพรวิญญาณในมิติเก็บของของนางกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว นางสามารถหลอมเม็ดยาวิญญาณหรือปรุงยาน้ำได้อย่างต่อเนื่องมากเท่าไหร่ก็ย่อมได้
ณ ตอนนี้นางกำลังแข่งกับเวลาเพื่อที่จะล้ำหน้าไปก่อนคนของหุบเขาหมอเทวดา จะจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร
สตรีที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ที่ร่ำรวยจริง ๆ เมี่ยอวิ๋นรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย
มู่เฉียนซีมองเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เมี่ยอวิ๋น เพียงแต่ท่านผู้นำในตำนานอย่างเจ้า ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่มีพื้นฐานการบ่มเพาะฝึกฝนพลัง เส้นลมปราณของเจ้าแตกสลาย ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกนัก”
มู่เฉียนซียื่นมือไปจับเส้นลมปราณของเขาด้วยท่าทางราวกับภูตผีปีศาจที่รับรู้ทุกสิ่งอย่าง “เจ้าใช้ยาลึกลับเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งในขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์ แต่มันจะทำให้อายุขัยของเจ้าค่อย ๆ สั้นลง”
เพียงแค่ดูผ่าน ๆ จับเส้นผ่าน ๆ นางก็รู้ความลับสุดยอดของเขาได้แล้ว นางเป็นใครกันแน่ ?!
“เจ้า…”
“เจ้าต้องตกใจเช่นนี้เลยรึ ? ในเมื่อข้าสามารถตอบแทนเจ้าได้ด้วยยาวิญญาณมากมายอย่างที่ข้าได้เสนอไป แน่นอนว่าข้าย่อมเป็นนักปรุงยา ข้าเห็นปัญหาในร่างกายเจ้าได้อยู่แล้ว”
เมี่ยอวิ๋นมั่นใจเป็นอย่างมากว่านางไม่ใช่นักปรุงยาธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน ร่างกายของเขานี้ ต่อให้เป็นนักปรุงยาระดับสูงมาตรวจอย่างละเอียดทั้งภายในและภายนอกก็ไม่อาจรู้ลึกอย่างที่นางรู้
“ว่าอย่างไร ข้อเสนอของข้า เจ้าตกลงหรือไม่ ?”
“ข้าต้องการค่าตอบแทนเป็นภาพวาดอาวุธลับ ไม่ต้องการยาวิญญาณ” เมี่ยอวิ๋นกล่าว ยาวิญญาณไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายที่เส้นลมปราณแตกสลายอย่างเขา
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “อันที่จริงแล้วเจ้าสามารถขอค่าตอบแทนเป็นอย่างอื่นได้ อย่างเช่น…”
.