“อย่างเช่นให้ข้าช่วยรักษาเจ้า” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างช้า ๆ

“เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้” สำหรับคำกล่าวนี้ของมู่เฉียนซี เมี่ยอวิ๋นไม่กล้าที่จะเชื่อนาง

มู่เฉียนซี “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เจ้าเลือกได้ เวลานี้ร่างกายของเจ้าต้องรออีกเจ็ดวันถึงจะกินยาได้ เพื่อช่วยให้ความแข็งแกร่งของเจ้ายังคงอยู่ แต่วิธีของข้าไม่จำเป็นต้องรอถึงเจ็ดวัน”

“แน่นอนว่าอำนาจในการตัดสินใจเป็นของเจ้า”

อาวุธลับเป็นงานอดิเรกและเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ แต่ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอาวุธลับเสมอ สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้มีความมั่นใจในการรักษาเขาเป็นอย่างมาก แต่ต้องทราบเอาไว้ด้วยว่าร่างกายพัง ๆ นี้ของเขานั้น นักปรุงยาระดับสูงหลาย ๆ ท่านก็ไร้ซึ่งวิธีที่จะรักษา

แต่ในที่สุดแล้ว เมี่ยอวิ๋นก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยง “ข้าต้องเลือกข้อหลังแน่นอน หากเจ้ารักษาข้าให้หายได้ ชีวิตของข้าก็จะเป็นของเจ้าทันที”

มู่เฉียนซียิ้ม  กล่าวว่า “แล้วเจ้าจะไม่ผิดหวังสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้”

ร่างกายของเมี่ยอวิ๋นนั้นมีปัญหาอย่างสาหัส เพื่อที่จะได้มาซึ่งความแข็งแกร่งนี้ เขาต้องทุ่มไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว

มู่เฉียนซีปรุงยาออกมา และให้เขาได้แช่ร่างกายของตนเอง แต่เมี่ยอวิ๋นนั้น เขาไม่ได้เหมือนเจ้าบ้าเซี่ยนั่นที่จะแหกปากตะโกนร้องโหวกเหวกโวยวาย  เมี่ยอวิ๋นกัดฟันอดทนสู้กับความเจ็บปวดนี้อย่างยากเย็น

อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าสมเป็นบุรุษแท้ ๆ

ยานี้นางเป็นคนปรุงมาเองกับมือ นางย่อมรู้ดีว่าผู้ที่แช่ยานี้จะเจ็บปวดทรมานร่างกายมากเพียงใด

หลังจากที่เมี่ยอวิ๋นแช่ยาเสร็จเรียบร้อย เขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเข็มยาสำหรับรักษาปักทั่วทั้งตัวจนเหมือนเม่น แต่เขายังคงอดทนไม่เปล่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเจ็บปวดทรมานมากเพียงใดก็ตาม

ไม่ว่ายาจะขวดใหญ่เพียงใด ขมแค่ไหน เขาก็ยังกินเข้าไป ไม่แม้แต่ขมวดคิ้วแสดงความรู้สึกเจ็บปวดออกมาด้วยซ้ำ

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาตอนนี้ดีขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องลังเลใจแต่อย่างใดแล้ว

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เจ้าช่างเป็นคนไข้ที่เชื่อฟังข้าดีมาก ร่างกายของเจ้าจะไม่ทรุดลงอีกต่อไป หลังจากนี้ก็ค่อย ๆ ปรับตัว แต่ยาลึกลับนั่นเจ้าจะกินมันต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”

“คนที่ไร้พลังความแข็งแกร่งอย่างข้า ก็คงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในเกาะนี้เท่านั้น แต่ข้าต้องไปจัดการเรื่องนั้นให้กับเจ้า หากข้าไร้พลังเช่นนี้จะทำได้อย่างไรรึ ?”

มู่เฉียนซี “ง่าย ๆ เพียงกินยาวิญญาณนี้เข้าไป จะทำให้เจ้ามีพลังระดับจักรพรรดิชั่วคราว ที่สำคัญยานี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเจ้าเลย  อย่างไรก็ตาม ถ้าหากต้องลงมือต่อสู้กับศัตรู มันจะลำบากอยู่เล็กน้อย”

มู่เฉียนซีอุ้มเจ้าหมูสีแดงตัวเล็กพลางกล่าว “หากเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวหงจะช่วยเจ้าจัดการเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”

“เจ้าหมูเสี่ยวหงตัวนี้จะจัดการได้เช่นนั้นหรือ ?” เมี่ยอวิ๋นกล่าวถามด้วยแววตาแฝงความไม่อยากจะเชื่อ

เสี่ยวหงโกรธเกรี้ยวขึ้นทันที “บังอาจสงสัยในความแข็งแกร่งของข้า เจ้ารนหาที่ตายชัด ๆ!”

อำนาจความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามนั้นไม่อาจมาดูแคลนกันได้

มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอยู่ช่วย ต่อให้เขาไม่ได้มีพลังจักรพรรดิก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขาเป็นอันขาด

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ภารกิจที่มอบหมายให้เจ้าข้าก็ได้บอกชัดเจนแล้ว เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”

เมี่ยอวิ๋น “ข้าไม่อยากรับปากว่ามันจะสำเร็จ”

มู่ฉียนซีเพียงพยักหน้า จากนั้นนางก็ออกมา นางไม่เพียงแต่มีชีวิตรอด ทว่ายังพาท่านผู้นำเมี่ยอวิ๋นมาด้วย เหล่าผู้คนที่เฝ้าอยู่ที่ชายหาดเห็นเช่นนี้ต่างก็ตะลึงลานกันไป

เป็นไปได้อย่างไร ช่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ!

มู่เฉียนซี “มัวแต่ตกใจอะไรกัน เตรียมตัวออกเรือไปเกาะอั้นเจียว”

เกาะอั้นเจียวเป็นเกาะที่ผู้คนในเขตทะเลอั้นเจียวมาพบปะกันทำธุระเรื่องต่าง ๆ โดยถือว่าเป็นจุดศูนย์รวมก็ว่าได้ ส่วนมู่เฉียนซีนั้น เมื่อนางมาถึงก็ได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมเพื่อทำการฝึกฝน

เมื่อเมี่ยอวิ๋นประกาศภารกิจของมู่เฉียนซีให้ทุกคนทราบ ทุกคนก็คึกคักขึ้นมาทันที “หากพวกเจ้ามีความกล้าที่จะข้ามน้ำข้ามทะเล ก็สามารถไปสำรวจที่เขตทะเลน้ำลึกหรือเขตทะเลหลานหนิงได้เลย ผู้ใดหาเจอจะได้รับยาระดับแปดอีกสิบขวดจากข้าทันที”

“เสียสติไปแล้ว ท่านผู้นำเมี่ยอวิ๋นกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”

“นี่มันล้างผลาญสมบัติตระกูลชัด ๆ ฟุ่มเฟือยยิ่งนัก!”

ไม่เพียงแต่คนเหล่านี้ที่ด่าว่าล้างผลาญสมบัติตระกูล เพราะแม้แต่เมี่ยอวิ๋นเอง เขาก็ยังด่ามู่เฉียนซีอยู่ในใจเช่นนี้เหมือนกัน

จิตใจของคนในเขตทะเลอั้นเจียวไม่สงบอีกต่อไป พวกเขาต่างก็พากันออกไปตามหาสถานที่เหล่านั้นในทันที

จากนั้นเมี่ยอวิ๋นก็ไปรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าต่าง ๆ ให้มู่เฉียนซีทราบ มู่เฉียนซีกล่าวกับตนเองในใจว่า ‘ต้องหาให้เจอก่อนที่คนของหุบเขาหมอเทวดาจะไหวตัวทัน’

ในตอนนี้ที่แคว้นซูรื่อ หลังจากผู้อาวุโสที่สามรายงานข่าวไปยังหุบเขาหมอเทวดา เจ้าแห่งหุบเขาหมอเทวดาก็ได้ส่งผู้อาวุโสรองมาช่วยเขาในทันที

เมื่อมีคนมาช่วยเพิ่มอีกคนเช่นนี้ ความดีความชอบก็ต้องถูกแบ่งไปเช่นกัน ทำให้ผู้อาวุโสที่สามไม่สบายใจอย่างมาก หลังจากผู้อาวุโสที่สามกับผู้อาวุโสรองยิ้มจอมปลอมให้กัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเสร็จสิ้น ทั้งคู่ก็เริ่มศึกษาแผนที่ทั้งสอง

ทางด้านเมี่ยอวิ๋น หลังจากที่เขาได้มอบหมายหน้าที่ให้ผู้คนออกตามหาสถานที่เหล่านั้นเสร็จสิ้น เขาก็เตรียมตัวเดินทางกลับเกาะส่วนตัว หากมีข่าวความคืบหน้าใดก็จะมีคนมารายงานให้เขาทราบ

ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะบอกกับเขาว่าหากเกิดอะไรขึ้น เจ้าหมูเสี่ยวหงตัวเล็ก ๆ นั่นจะช่วยเหลือเขา แต่เขาไม่มีพลังวิญญาณเช่นนี้ อย่างไรเสียเขาควรเก็บตัวเอาไว้จะเป็นการดีที่สุด

มู่เฉียนซีกล่าว “หากข้าหาสิ่งที่ข้าต้องการพบ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างดีที่สุด”

เมี่ยอวิ๋นได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น ตอบแทนอย่างดีเช่นนั้นหรือ ? คงจะไม่ใช่ให้ข้ามีโอกาสได้ฝึกตนหรอกกระมัง

แต่ว่า… เส้นลมปราณของเขานั้นไม่อาจฝึกพลังวิญญาณได้แล้ว สตรีผู้นี้จะช่วยเขาได้จริง ๆ หรืออย่างไร ?

มู่เฉียนซี “ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน”

จากนั้นมู่เฉียนซีนางเดินทางไปที่เขตทะเลน้ำลึก ถึงแม้ว่าคนของเขตทะเลอั้นเจียวจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาสำรวจในเขตทะเลน้ำลึกบ้างแล้ว แต่นางเห็นว่าคนในพื้นที่น่าจะคุ้นเคยกับสถานที่ของพวกเขามากกว่า

พื้นที่เขตทะเลรอบ ๆ เซี่ยโจวนั้นวุ่นวายและไม่เป็นระเบียบอย่างมาก มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะเป็นใหญ่และมีอำนาจได้

เมื่อมู่เฉียนซีมาถึงเขตทะเลน้ำลึก นางก็เริ่มเปิดการต่อสู้ทรงพลังทันที จากนั้นก็ได้จับตัวหัวหน้าใหญ่ของเขตทะเลน้ำลึกและอาศัยความแข็งแกร่งของสัตว์พันธสัญญาเอาชนะพวกเขาได้ มู่เฉียนซีจัดการกับคนในเขตทะเลน้ำลึกเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ได้เดินทางไปยังเขตทะเลหลานหนิง

ระดับความลึกของทะเลหลานหนิงนั้นลึกกว่าทะเลอื่นเล็กน้อย อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าทุกอย่างล้วนแต่ใช้กำลังในการตัดสิน พวกเขาที่เดิมทีไม่อยากตอบตกลง แต่สุดท้ายก็ต้องตอบตกลง

เขตทะเลทั้งสามแห่งนี้ ตั้งรกรากอยู่ใต้ทะเลลึกอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าแทบทุกคนจะอยู่ใต้ทะเลลึกกันหมดก็เพื่อตามหาสถานที่เหล่านั้น

เนื่องจากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ดูยิ่งใหญ่นัก จึงเป็นที่สังเกตและเป็นที่จับตามองของคนอื่น ๆ แต่ต่อให้พวกเขาจับตามองอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสิ่งที่นางกำลังตามหานั้นเป็นสิ่งใดกันแน่ ? ตอนนี้เป้าหมายเดียวของมู่เฉียนซีคือนางต้องหาร่องรอยของหม้อเทพนิรันดร์ให้เจอก่อนที่คนของหุบเขาหมอเทวดาจะไหวตัวทัน

“นายท่านเห้อเหลียน เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ ท่านผู้นำเมี่ยอวิ๋นถูกผู้อาวุโสที่สี่ของสำนักอวิ๋นเยียนโจมตีขอรับ”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตระหนกตกใจ “ผู้อาวุโสที่สี่ของสำนักอวิ๋นเยียนออกทะเลมาด้วยเหตุใดกัน ?”

“เขารู้ว่าพวกเรากำลังหาของล้ำค่ากันอยู่ ผู้อาวุโสที่สี่ของสำนักอวิ๋นเยียนคงจะไปสอบถามหาข้อมูลจากท่านผู้นำเมี่ยอวิ๋นแน่นอน”

เกาะของเมี่ยอวิ๋นนั้นมีความปลอดภัยมาก แต่หากมีผู้แข็งแกร่งบุกเข้าไปได้ ที่นั่นก็คงจะลำบากแล้ว

“ไป!” มู่เฉียนซีเดินทางไปที่เกาะของเมี่ยอวิ๋นอย่างรวดเร็ว

เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่ด้านนอกเกาะ เห็นได้ชัดว่ามีผู้แข็งแกร่งบุกเข้าไปในเกาะแล้ว ผู้อาวุโสที่สี่ของสำนักอวิ๋นเยียนชำนาญในอาวุธลับมาก อีกทั้งเขาก็ได้พายอดฝีมือมามากมาย ดังนั้นจึงบุกเข้าไปในเกาะจนได้

เวลานี้เมี่ยอวิ๋นอยู่ในส่วนแกนหลักของเกาะ เขากำลังหยิบยาออกมาขวดหนึ่ง ยกยิ้มมุมปากและกล่าวอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทำลายน้ำใจที่นางช่วยรักษาข้าแล้ว แต่ตอนนี้ข้ายังตายไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่อยากตายด้วยน้ำมือของตาเฒ่าผู้เป็นสุนัขรับใช้ของสำนักอวิ๋นเยียน ข้าจะสู้อย่างสุดชีวิต”

— ตูม! —

— ปัง!  ปัง! —

อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในเกาะถูกทำลายลง ผู้อาวุโสที่สี่พุ่งพรวดออกมาและได้เห็นร่างชายผู้หนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยแผลเป็น เขากล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“เป็นเจ้า! เจ้ายังไม่ตายรึ ?!”

.