ตอนที่ 382 ความแค้นฝังลึก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ถูกจับได้นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ… ถึงอย่างไรแล้ว อาวุธที่มีอยู่บนตัวนี้ก็ล้วนแต่เป็นผลงานชิ้นเอกของพวกเขาทั้งนั้น

มุมปากของเมี่ยอวิ๋นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “หึ ๆ ผู้อาวุโสที่สี่อายุปูนนี้แล้ว ยังสามารถจำข้าผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งได้อีกรึ ?”

ผู้อาวุโสที่สี่กล่าว “คนต่ำช้าเช่นเจ้ายังมีชีวิตอยู่และยังได้ดิบได้ดีในสถานที่อโคจรเช่นเกาะอั้นเจียวแห่งนี้ แต่ว่าเจ้าหลบ ๆ ซ่อน ๆ มานานเช่นนั้น วันนี้ถูกข้าหาตัวพบแล้ว เจ้าคงยากที่จะรอดตายไปได้”

เมี่ยอวิ๋น “ข้าว่าที่ท่านมาที่นี่ ก็มิใช่เพราะว่ามาฆ่าข้าหรอก  แต่มาเพราะมีจุดประสงค์อื่น”

ผู้อาวสุโสที่สี่แค่นเสียงเย็นชา “อย่าเพิ่งฆ่าเขาตาย หักแขนและขาทั้งสองข้างของเขาก็พอ ข้ายังมีเรื่องต้องถามเขาอีกมาก”

เมี่ยอวิ๋นกำขวดยาที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น เขากล่าวด้วยเสียงขรึมว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสที่สี่ ที่มีเมตตาอุตส่าห์ยังไม่ฆ่าข้า”

เมี่ยอวิ๋นเทยาในขวดออกมา เตรียมที่จะกลืนมันลงไปทั้งหมดในคำเดียว

วันนี้อาจจะยากที่จะรอดชีวิตไปได้ แต่ทว่าหากสามารถดึงเอาพวกชั่วช้านั้นตายไปด้วยได้ ก็นับว่ากำไรแล้ว

ในตอนนี้เอง เงาแสงสีขาวปรากฏขึ้นมา ตบยาเม็ดในมือของเขากระเด็นออกไปหมด “นายท่านนั้นเปลืองแรงเพื่อช่วยเจ้า เจ้ากลับหาเรื่องที่จะตาย ข้านั้นโมโหนัก!”

“เพลิงเผาสวรรค์!”

เสี่ยวหงเริ่มการโจมตีจากด้านหลังคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้ เปลวเพลิงสีแดงเข้มทำลายกระบวนท่าของพวกเขา

มู่เฉียนซีโยนขวดจำนวนนับไม่ถ้วนให้แก่เมี่ยอวิ๋นแล้วจึงกล่าวขึ้น “นี่เป็นยาพิษของข้า และนี่เป็นเกาะของเจ้า เจ้าคงจะมีวิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งของเหล่านี้ ทำให้พวกสุนัขของสำนักอวิ๋นเยียนนั้นมาได้แต่กลับมิได้”

“ข้าจะต้านพวกมันไว้ก่อน”

“โฮกกกก!” ทันใดนั้นอู๋ตี้แปลงตนเข้าสู่ภาวะร่างใหญ่มหึมา และพุ่งออกไปหมายจะฆ่าฟัน

“มังกรเพลิงสังหาร!” มู่เฉียนซีโบกกระบี่มังกรเพลิงอย่างแรง นางเดินฝ่าเข้าไประหว่างร่างของพวกเขาเหล่านั้นพร้อมเริ่มโจมตี

“บัดซบ! เจ้าสารเลวนั่นมีกำลังเสริมด้วยหรือนี่ ?!”

ไม่เพียงแต่เป็นกำลังเสริมธรรมดา ๆ หากแต่เป็นกำลังเสริมที่เก่งกาจเป็นพิเศษ ด้วยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัว หากต้องรับมือกับมันขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากทีเดียว

พลังธาตุวารีพุ่งออกมา มู่เฉียนซีตะเบ็งเสียงดัง “ผนึกมังกรวารี!” ต่อจากนั้นฝ่ามือของนางก็ได้พุ่งแตะบนพื้นพสุธา “ทักษะตี้ซวน!”

เข็มยาเองก็ได้โจมตีมาจากทั้งสี่ทิศแปดทาง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถป้องกันได้หมด

พวกเขานั้นเพียงแค่ถ่วงเวลาให้กับเมี่ยอวิ๋นเท่านั้น ไม่นานนัก อาวุธลับของซิวหลัวบนเกาะแห่งนี้ที่ได้ถูกพังไป ก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว และครานี้อาวุธลับนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

หมอกควันสีดํากลุ่มหนึ่งระเบิดออกมา และจากนั้น อาวุธลับจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานไปยังทางที่พวกคนสำนักหวิ๋นเยียนเหล่านั้นอยู่

“มันก็แค่ลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ กระจอกงอกง่อยเท่านั้น กลับมากล้าทำตุกติกต่อหน้าข้า  ข้าเคยทำลายมันไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำลายมันอีกเป็นครั้งที่สองได้!” ผู้อาวุโสที่สี่กล่าวอย่างเหยียดหยาม

“พรวดดดด!”

ไม่ทันรอให้เขาไปทำลายกลไก ก็เกิดบางอย่างที่ไม่ถูกต้องขึ้นกับคนรอบกายของเขา

พวกเขาโดนพิษเข้าให้แล้ว!

พวกเขานั้นได้เตรียมการป้องกันพิษมาแต่แรก ทว่ามาตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ได้ผล

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เข็มยาของมู่เฉียนซีบินออกไป ฉวยจังหวะในตอนที่พวกนั้นกำลังเสียทีโจมตีให้ถึงแก่ชีวิต!  ขณะนี้ได้เวลาที่จะตีสุนัขที่กำลังตกน้ำอยู่ให้พ่ายแล้ว

อาวุธลับของเมี่ยอวิ๋นโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง พิษก็ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน  ที่นี่เป็นที่ของเขา ทั้งหมดนั้นล้วนแต่อยู่ในความควบคุมโดยสมบูรณ์

“เพลิงเผาสวรรค์!”

เสี่ยวหงเองก็ตามต่อตีพวกเขาอย่างไม่ลดละ ขณะที่อู๋ตี้ตะโกนกึกก้อง “พวกเจ้ามิใช่ว่าอหังการนักรึ ? ไปตายซะ!”

เมื่ออู๋ตี้ระเบิดความรุนแรงออกมา มันช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง!

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

หลังจากการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายนี้จบลง กลุ่มคนของสำนักอวิ๋นเยียนเหล่านี้ที่บุกเข้ามาหมายจะฆ่านั้นได้โดนพิษไป ต่างก็บาดเจ็บสาหัสและไม่มีพลังในการต่อสู้หลงเหลืออีกแล้ว

เมื่อเห็นฉากนี้ เมี่ยอวิ๋นเองก็ตะลึงงัน  เขากล่าวขึ้น “แม่นางมู่ ข้าขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมาก”

ความเกลียดแค้นที่ฝังอยู่ในใจนั้น เขาได้แต่ทนมันอยู่เรื่อยมา เขาไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ล้างแค้นอย่างสุขสมดั่งใจหมายเช่นนี้

สะใจดีแท้!

“พรวด!” ผู้อาวุโสที่สี่แห่งสํานักอวิ๋นเยียนกระอักเลือดระลอกใหญ่ เขากล่าวเสียงเย็น “ข้านั้นเป็นคนของสำนักนิกายระดับหนึ่ง สำนักอวิ๋นเยียน! เจ้าฆ่าพวกข้ามิได้”

มู่เฉียนซี “ผิดแล้ว เพราะเจ้าเป็นคนของสำนักอวิ๋นเยียนก็ยิ่งสมควรตาย เจ้ายังกล้าที่จะเตือนข้าเรื่องนี้อีกรึ ? หึ ๆ แต่ความกล้าของเจ้าก็นับว่าน่าชื่นชม”

ผู้อาวุโสที่สี่รู้สึกเพียงว่าสาวน้อยผู้นี้บ้าไปแล้ว แม้แต่สํานักนิกายระดับหนึ่ง สำนักอวิ๋นเยียน นางก็ยังมิขลาดกลัว

ผู้อาวุโสที่สี่มองไปทางเมี่ยอวิ๋นก่อนจะกล่าว “ปล่อยข้าไป ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะไปพูดดี ๆ กับท่านเจ้าสำนักสักสองสามประโยค ให้เจ้าได้กลับเข้าสำนักอวิ๋นเยียนดีหรือไม่ ?”

ดวงตาของเมี่ยอวิ๋นนั้นเย็นยะเยือกอย่างหาที่เปรียบมิได้ “เจ้าคิดว่าข้าต้องการที่จะกลับไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยผีห่าน่ารังเกียจแห่งนั้นอีกรึ ?”

ทั้งสองคนนั้นล้วนขยาดสำนักอวิ๋นเยียนแทบตาย ทั้งยังเกลียดจนแทบตายด้วยเช่นกัน

มู่เฉียนซีถามขึ้น “พวกเจ้ามาหาเมี่ยอวิ๋น คงเพื่อที่จะถามว่าเมี่ยอวิ๋นนั้นต้องการหาสิ่งใด”

ผู้อาวุโสที่สี่ยิ้ม  กล่าวว่า “หากใช่แล้วอย่างไร ? และหากไม่ใช่แล้วอย่างไร ?  ฮ่า ๆ ๆ  เขานั้นตั้งชื่อให้ตนเองว่า เมี่ยอวิ๋น ซึ่งหมายถึงผู้พิฆาตข้าอวิ๋นเยียน  เหอะ! คิดที่จะล้างสำนักอวิ๋นเยียนของข้า เป็นไปไม่ได้!”

— ฉึก! —

เข็มยาเข็มหนึ่งแทงเข้าไปตรงระหว่างไหล่และคอของผู้อาวุโสที่สี่อย่างไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว

ขณะที่เขากําลังจะตาย มู่เฉียนซีกระซิบว่า “เขานั้นไม่สามารถทำลายสำนักอวิ๋นเยียนได้ ด้วยเพราะสำนักอวิ๋นเยียนจะถูกข้าทำลายแล้ว”

“เจ้า… เจ้า…”

ผู้อาวุโสขาดใจตายทั้งที่ไม่เต็มใจ ส่วนเมี่ยอวิ๋นเองก็ได้ถูกคำกล่าวประโยคนั้นของนางทำให้ตกตะลึง “เจ้าอยากที่จะทำลายสำนักอวิ๋นเยียน  เจ้าเองก็มีความแค้นฝังลึกกับสำนักอวิ๋นเยียนเหมือนกันหรือ ?”

มู่เฉียนซี “เจ้าเองก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าสํานักอวิ๋นเยียนจะก่อกรรมทำบาปมามากเกินไปจริง ๆ  ส่วนคนอื่น ๆ นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บไว้แล้ว”

เมื่อดาบในมือถูกเงื้อขึ้นและฟาดลงมา เมี่ยอวิ๋นก็จัดการคนพวกนี้เสียจนหมดสิ้นไป  เขามองตามเงาด้านหลังของมู่เฉียนซีไปและกล่าวขึ้น “ถ้าหากว่าเจ้าสามารถทำลายสำนักอวิ๋นเยียนได้ ข้าผู้นี้สามารถทำเรื่องอะไรให้เจ้าก็ได้”

“เจ้ามีความแค้นเคืองอันใดกับสำนักอวิ๋นเยียนรึ ?”

เมื่อถูกถามเช่นนี้ เขาจำต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขาไม่อยากนึกถึงออกมา

เดิมทีเมี่ยอวิ๋นนั้นสกุลอวิ๋น  เขาเป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียน มีพรสวรรค์ที่ทำให้ผู้อื่นต้องตกตะลึงตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งเขายังขยันอดทน ทำให้พรสวรรค์ของเขาไม่ด้อยไปกว่าคุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียน ผู้ที่ถูกยกย่องว่ามีคุณสมบัติจากสวรรค์และหาผู้ใดเทียบไม่ได้บนพื้นปฐพีนี้เลย

ทว่าคุณสมบัติจากสวรรค์เช่นนี้กลับไม่ได้นำพาความโชคดีมาให้ แต่กลับทำให้ผู้ที่เป็นสายเลือดโดยตรงในสำนักอวิ๋นเยียนอิจฉา  ท้ายที่สุดครอบครัวของเขาจึงถูกฆ่ายกครัว และที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือเส้นลมปราณของเขาถูกทำลาย บนร่างของเขาต้องแบกรับคมมีดไว้ไม่รู้กี่แผล ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ถูกนำไปทิ้งไว้กลางหุบเขาลึกของสำนักอวิ๋นเยียน

เขานั้นถูกชายชราบ้าคลั่งผู้หนึ่งเก็บไปเลี้ยงที่บนเกาะกลางทะเล ชายชราบ้าคลั่งผู้นั้นสอนสิ่งต่าง ๆ ให้แก่เขามากมาย อีกทั้งยังได้มอบยาเม็ดที่สามารถทำให้มีพลังความสามารถให้แก่เขาด้วย แต่ว่าเพียงไม่กี่ปี ชายชราก็ตายจากไป

ต่อมาเมี่ยอวิ๋นใช้ชีวิตอยู่โดยอาศัยสิ่งของที่ชายชราบ้าคลั่งผู้นั้นทิ้งไว้ให้เพื่อมีชีวิตต่อไปบนเกาะอั้นเจียวจนทำอะไรได้เรื่องขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าการแก้แค้นคงจะเป็นเรื่องสิ้นหวัง

ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในหมื่น เขาก็ต้องอดทนมีชีวิตต่อไป เพื่อที่จะหาโอกาสแก้แค้นพวกชั่วช้าอวิ๋นเยียน

ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำลายสำนักอวิ๋นเยียนได้  หากได้ฆ่าคนของสำนักอวิ๋นเยียนสักจำนวนหนึ่งให้ตายไปด้วยได้บ้าง เขาก็ยังนับว่าคุ้มค่า

มู่เฉียนซีกล่าวถูกต้อง  สํานักอวิ๋นเยียนทําบาปทำกรรมไว้มากเกินไป และชื่อของอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างอวิ๋นเฟิ้งนั้นก็จอมปลอมและก็ไม่รู้ว่าได้เหยียบย่ำศพของอัจฉริยะตัวจริงไปตั้งเท่าไร ถึงได้คำว่า ‘อัจฉริยะ’ มา

เมี่ยอวิ๋นถามขึ้น “แล้วเจ้าล่ะ เจ้ามีความสามารถไม่เลว มีทักษะทางด้านหมอยาที่ดี อีกทั้งยังไม่ใช่บุคคลของสำนักอวิ๋นเยียน สรุปแล้วเจ้าไปมีความแค้นอะไรกับพวกสำนักอวิ๋นเยียนหรือ ?”

.