เหมือนว่ามีบางอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้ามได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองครึ่งซึ่งนี่ถือเป็นกฎข้อห้ามของดินแดนทะเลดวงดาว
.. สิ่งนั้นคือปีศาจสาวหนิงไป่
มีการเล่ากล่าวกันว่านี่เป็นชื่อที่เธอตั้งขึ้นเอง เพราะชื่อที่แท้จริงของเธอเป็นเหมือนดั่งคำสาปนำมาซึ่งหายนะหากพูดออกเสียง แม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับสูงในเมืองครึ่งเองก็ยังไม่กล้าพูดถึง เมื่อไม่มีใครพูดออกเสียงเรื่องนี่จึงถูกลืมและจางหายไปกลายเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนาน
บางคนเล่าว่าเธอเป็นลูกหลานของปีศาจ บางคนก็บอกว่าซากที่ถูกทำลายของเมืองครึ่งเป็นฝีมือของเธอ แน่นอนว่าเนื่องจากประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเกิดขึ้นโดยฝีมือเธอจริงๆ หรือเปล่า จึงอยู่เธออาจเคยปรากฎตัวขึ้นในเมืองครึ่งแต่นั้นก็เมื่อหลายปีก่อนหลังเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจิตใจคนที่นี่ได้ความจริงก็คือคนที่เมืองครึ่งนั้นกลัวปีศาจ!
เผ่าปีศาจหรือกลุ่มภูตผีนั้นแตกต่างจากปีศาจธรรมดาทั่วไป สมาชิกของเผ่าปีศาจมักจะเป็นปีศาจที่มีการพัฒนาขึ้นในรูปแบบพิเศษสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามต้องการ พวกเขามีสติปัญญาระดับสูงติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากพวกเขามีวิวัฒนาการมาจากสัตว์ป่าดุร้ายที่โง่เขลา
จากความเข้าใจของฟางฉีมันก็คล้ายกับกระบวนการวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่เพิ่มขึ้นมากในระหว่างขบวนการการพัฒนา แต่สติปัญหาของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งนี่ได้กลายเป็นข้อมูลที่ถูกนำไปศึกษาในหมู่นักวิทยาศาสตร์
ตามตำนานที่เล่ากันมาปีศาจและภูตสามารถปลุกพลังอันชั่วร้ายของธรรมชาติให้ตื่นขึ้นได้ ตั้งแต่แรกเกิดพวกเขาสามารถเชื่องโยงกับกฎแห่งธรรมชาติได้แถมยังเป็นตัวแทนของแรงจากสิ่งเร้นลับบางชนิด นอกจากนี้พวกเขายังมีพลังมากจนผู้ฝึกฝนยังต้องยอมสยบ
ทุกครั้งที่มีการกำเนิดของภูตหรือปีศาจ การเกิดของพวกเขาแต่ละครั้งจะก่อให้เกิดพายนุเลือดในโลกแห่งการฝึกฝน!
นี่คือเรื่องเล่าของหนิงไป่ปีศาจสาวอยู่ปรากฎตัวแฝงอยู่ในงาน
…
หนิงไป่คิดว่าการประมูลครั้งนี้เป็นการประมูลที่น่าสนใจที่สุดที่เคยมีมาในศาลาสวรรค์
มันเป็นสิ่งของจากโลกเสมือนจริงที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน นอกจากนี้มันยังสามารถสร้างมูลค่าได้เป็นหมื่นคริสตัล เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ของโลกแห่งการฝึกฝนมาก่อน!
การประมูลครั้งนี้สมบัติทุกชิ้นต่างมีนิยามรูปแบบและความหมายของมันซึ่งมันมีค่าต่อผู้ฝึกฝนทุกคน!
ด้วยรายการก่อนหน้านี้ที่มีราคาสูงเกินคาดเดาเธอจึงเริ่มเข้าใจถึงคุณค่าของรายการแปลกๆ เหล่านี้ ในขณะเดียวกันห้องประมูลนั้นตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย
“สัตว์ร้ายอย่างอีแร้งจะจัดการกับอินทรีผู้สง่างามและสูงส่งได้อย่างไร?”
“เป็นไปได้มั้ยว่าขนเหล็กของอินทรีนั้นอ่อนแอตั้งแต่แรก?”
“เป็นไปไม่ได้! ขนเหล็กของมันคือของจริงแท้ ใยอีแร้งถึงอีแร้งถึงจัดการกับมันได้ง่ายดายแบบนี้!?”
ณ โต๊ะของกลุ่มเฮารัน
“ท่านอาจารย์ ..” สาวกหญิงมองไปที่ผู้ฝึกฝนชุดเทา “เกิดอะไรขึ้น?” เธอถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ที่โต๊ะของวังนักบวชเต๋าพวกเขายืนมองฉากตรงหน้า การแสดงออกของเหล่าสาวกดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดพวกเขาถามด้วยความตกใจ “ท่านอาจารย์ .. ท่านเคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนมั้ย?”
ขณะเดียวกันผู้ฝึกฝนของตระกูลเฟิงและกองกำลังใหญ่ๆ ของเมืองชั้นในพร้อมด้วยผู้ฝึกฝนอิสระต่างตกอยู่ในภวังค์ของความคิด
ดูเหมือนว่าอีแร้งนั้นจะอยู่ในระดับกลางแต่รัศมีของมันนั้นมีพลังมาก มันไม่เพียงแข็งแกร่งแต่มันยังว่องไวรูปแบบการต่อสู้ใกล้เคียงกับสัตว์หายากในยุคก่อนประวัติศาสตร์ สัตว์ร้ายธรรมดานเทียบไม่ติดแน่นอน สงสัยจริงๆ เลยว่ารายการต่อไปนี้จะมีผลยังไงต่อเหล่าสัตว์ร้ายเช่นนี้
“แสงมนตร์เสน่ห์” ภาพของหนังสือเล่มสีเหลืองปรากฎในหัวหนิงไป่
“ฮี่ๆๆๆ” เธอรู้สึกสนใจในหนังสือเล่มนี้ไม่น้อย แสงจ้าส่องประกายในดวงตาสีเขียวของเธอ “ข้าชื่มชมคนที่สร้างคาถาทางจิตวิญญาณนี้ คาถานี้มีผลให้เหล่าภูตหรือปีศาจนั้นต้องการที่จะต่อสู้เพื่อเขาหรือเธอ คาถานี้จะเป็นตัวควบคุมมันช่างน่าสนใจสุดๆ
“อะไรนะ!?”
เมื่อผู้ฝึกฝนในห้องได้ยินคำแนะนำของเธอ หลายคนรู้สึกเหมือนกับว่าโดนค้อนตอกลงที่หัว คำพูดของเธอช่างดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา
ทุกคนรู้ว่าการร่ายมนตร์อาจมีผลต่อเหล่าภูติปีศาจ แต่ไม่คิดว่ามันจะทำได้เช่นนี้ซึ่งมันอาจทำให้มนุษย์ตกสู่ห้วงความมืดอันไร้ขอบเขต ความสามารถของคาถานั้นดูเหมือนเป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้
“แต่ ..” ผู้ฝึกฝนอิสระเสื้อแดงเหมือนค้นพบบางอย่าง “แล้วใครละจะหลงเสน่ห์อีแร้งหรือ? มันแข็งแกร่งยิ่งกว่านกอินทรีได้อย่างไรกัน”
ผู้ฝึกฝนคนนี้คือนักบวชเต๋าของกลุ่มปีกแดง เขาเป็นผู้สืบทอดเทคนิคจากการฝึกฝนในรูปแบบโบราณ การฝึกฝนของเขาอาจแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนบางคนที่นี่ก็เป็นได้ หากเทียบกับายนอกเขาเองเกือบจะถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรมหาสมุทรศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาจึงเป็นที่ยอมรับของเมืองชั้นใน
“พวกท่านเคยได้ยินเรื่องราวของภูติปีศาจที่ส่งพลังของพวกเขาผ่านมนุษย์บ้างมั้ย?” หนิงไป่ยิ้มโปรยเสน่ห์ “บางทีแสงเสน่ห์ก็อาจมีความสามารถอีกรูปแบบก็เป็นได้”
ช่วงเวลาที่เธอพูดนั้นสภาพแวดล้อมในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
“จริงหรือ!?” พวกเขาถามเสียงสั่น
แววตาของเหล่าผู้ฝึกฝนตระกูลเฟิงเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดุร้ายทันที “ครอบครัวเฟิงต้องได้คาถานี้!”
ผู้ฝึกฝนอิสระที่มาจากกลุ่มปีกแดงและคนจากกองทัพอื่นๆ ต่างถอนหายใจ
“คาถานี้มีผลข้างเคียงหรือไม่?” อาจารย์ซีชิถามเสียงเรียบ
“แน่นอน!” หนิงไป่ชี้ให้เห็นข้อเสียโดยไม่ลังเล “ยิ่งผู้ใต้บังคับบัญชามีพลังมากเท่าไรก็ยิ่งควบคุมยากขึ้นเท่านั้น เพื่อป้องกันเหล่าสัตว์ร้ายก่อกบฏกรุณาร่ายเวทย์ให้สมบูรณ์และรีบปล่อยเขาไป หากท่านปล่อยเวลาให้นานเกินไปสัตว์ร้ายที่ถูกท่านบังคับอยู่อาจเกิดการกบฎและตัวท่านเองอาจถูกฆ่าได้ซึ่งนั่นยากต่อการหลบหนี!”
ทุกคนเงียบไป
หลังจากที่ได้เห็นอีแร้งจัดการกับนกอินทรีเพียงครั้งเดียวแล้วพวกเขากับตระหนักว่า หากมันกบฏกับพวกเขาขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น!? แค่คิดก็เสียวแล้ว
แน่นอนวิธีแก้ปัญหาคือการปล่อยมันในที่ที่ห่างไกล สัตว์ร้ายจะได้ไม่กบฏและเกลียดผู้บังคับบัญชาแถมยังป้องกันการตามล่าอดีตผู้บังคับบัญชาในภายหลังอีกด้วย
อาจารย์ซีชิรู้สึกพอใจกับคำตอบนี้เธอรู้ว่าการสะกดจิตที่ทรงพลังเช่นนี้ยังไงก็ต้องมีข้อบกพร่องแน่นอน แต่มันก็ทำให้เห็นได้ชัดถึงข้อดีและข้อเสีย ถึงอย่างนั้นความกระตือรือร้นของพวกเขาก็ไม่ได้ลดน้อยลง
ผู้ฝึกฝนทุกคนถูมือของพวกเขาอย่างมุ่งมั่นที่จะได้รับพลังเวทย์มนตร์
“ราคาเริ่มต้นของมันคือ ห้าหมื่นบิดได้ต่ำสุดครั้งละห้าพัน” หนิงไป่กล่าว “เริ่มบิทได้”