ส่วนหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ผลประโยชน์นั้นใครจะเป็นคนได้ไป มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนคนนั้นแล้วล่ะ
แต่เหยียนหลิงจวินเป็นคนนอก ทำเรื่องอะไรมันก็ไม่ได้ไม่เหมาะสม การยืนมองอยู่รอบนอก เห็นคนตายแต่ไม่ช่วยเหลือนั่นไม่นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
หากเปลี่ยนเป็นฉู่อี้อันกับฉู่ฉีเฟิง งั้นพวกเขาก็ต้องคำนึงถึงคำพูดของคนอื่น
เวลาเขาทำเรื่องอะไรก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ จัดการทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยอย่างเงียบๆ
ต่อหน้าเขาฉู่สวินหยางเองก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ และก็ไม่ได้กล่าวขอบคุณด้วย นางเพียงแต่ซุกเข้าในอ้อมกอดของเขา แล้วพูดทอดถอนหายใจ “แต่จะว่าไปสำหรับเรื่องนี้แล้ว ท่านอาเขาทำลงไปถึงขั้นนี้…เขาเองก็เป็นห่วงคิดถึงอนาคตของฉู่ซินรุ่ยมากเช่นกัน”
“หึ…” เหยียนหลิงจวินหัวเราะ ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับเห็นด้วยอะไร
“งั้น…” ฉู่สวินหยางเบ้ปาก พลางแอบกลอกตา แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นยิ้มตาหยีจิ้มนิ้วลงบนริมฝีปากของเขาเบาๆ พูดเล่นทีจริงว่า “วันหลังข้าคงแตะต้องฉู่ซินรุ่ยไม่ได้อีกแล้วสินะ?”
เหยียนหลิงจวินก้มมองนาง ยิ้มแล้วพูดว่า “ตามใจเจ้าเถอะ ทำแบบไหนมีความสุขก็ทำไปดีไหม?”
“เอ๋?” ฉู่สวินหยางแปลกใจ จึงอดไม่ได้ที่จะชะงักขึ้น แล้วพูดว่า “แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง ทำให้เจ้าขาดความน่าเชื่อถือไปแบบนี้ ถึงปากจะไม่พูดแต่ในใจอย่างไรก็ต้องถือโทษข้าเป็นแน่”
“หึ…” เหยียนหลิงจวินหัวเราะ ทำท่าจะกัดนิ้วนาง
ฉู่สวินหยางรีบชักมือกลับแอบเอาไว้ใต้แขนเสื้อ
เหยียนหลิงจวินจึงกัดได้เพียงแต่ลม จึงซุกหน้าลงไปในซอกคอของอีกฝ่าย สูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมที่เหมือนจะมีแต่ก็ไม่มีนั้นของนาง แล้วถึงค่อยพูดขึ้นมาอย่างว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตน “สัญญาของข้ากับฉู่อี้เจี่ยนนั้นมันมีผลกับข้าและเขาเท่านั้น ข้าแค่ตอบตกลงช่วยเขาแสดงละครหนึ่งฉากก็เท่านั้น ส่วนระหว่างพวกเจ้า หรือว่าเจ้ากับฉู่ซินรุ่ย…มันไม่เกี่ยวกันเลย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ในอนาคตหน้าควรต้องทำอย่างไรก็ทำแบบนั้นไปเถอะ!”
สัญญาระหว่างเหยียนหลิงจวินกับฉู่อี้เจี่ยน…มันมีแค่ว่าเขาร่วมแสดงละครตบตาให้ฉู่อี้เจี่ยนแค่นั้นหรือ?
เหยียนหลิงจวินกลายเป็นผู้ร้ายหนึ่งครั้ง ก็ล่อให้เฉินซื่อมาติดกับได้ จากนั้นก็ใช้เขาให้เป็นคนไปบอกข่าวคราวเรื่องที่ฉู่อี้เจี่ยนจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นานให้ฉู่ซินรุ่ยรับรู้อีก ทำให้ฉู่ซินรุ่ยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสถานการณ์ของตนตอนนี้นั้นได้วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว? เพราะถ้าหากฉู่อี้เจี่ยนเป็นคนไปบอกเรื่องทั้งหมดให้ฉู่ซินรุ่ยรับรู้ด้วยตนเอง ฉู่ซินรุ่ยอาจจะไม่เชื่อก็เป็นได้
วางแผนกันยิ่งใหญ่แบบนี้ ดูท่าฉู่อี้เจี่ยนคงเป็นห่วงฉู่ซินรุ่ยมากเหลือเกิน
แต่น่าเสียดาย…
ฉู่ซินรุ่ยเป็นคนจิตใจอำมหิตเกินไป หวังผลประโยชน์เท่านั้นโดยไม่สนใจสิ่งที่เขาเพียรพยายามมอบให้ จนทำให้ตัวเองเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย
“ฉู่อี้เจี่ยน หึ…” ฉู่สวินหยางเรียกชื่อนั้นขึ้นมา แล้วหัวเราะอย่างไร้เสียง
ระหว่างนางกับฉู่อี้เจี่ยน ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องว่าใครผิดใครถูก ใครชนะหรือแพ้หรอก มันเป็นแค่เรื่องจุดยืนที่ต่างกันเท่านั้น แต่วินาทีนั้นเมื่อคิดถึงเขาขึ้นมาอีกครา จู่ๆ ในใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก…
การกระทำที่เขาทำให้ฉู่ซินรุ่ยนั้น มันเหมือนกับ…
การกระทำที่ฉู่ฉีเฟิงเคยทำให้นางเลย!
สำหรับนางกับจวนอ๋องรุ่ยชิน และระยะห่างที่มีระหว่างฉู่อี้เจี่ยนนั้น ในที่สุดตอนนี้นางก็ปล่อยวางมันลงได้อย่างหมดสิ้นเสียที
ถึงแม้ฉู่อี้เจี่ยนจะเคยเป็นศัตรูของนาง แต่ในฐานะที่เป็นพี่ชายคนหนึ่งแล้ว…
เขาก็ถือได้ว่าไม่มีที่ติ
คนแบบนี้ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ควรค่าแห่งการนับถือ
ฉู่สวินหยางหัวเราะขมขื่น รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์เปราะบางมากเกินไป จึงรีบสลัดอารมณ์ความรู้สึกนั้นทิ้ง
“สำหรับเขาแบบนี้มันเป็นจุดจบที่สวยงามที่สุดแล้ว” เหยียนหลิงจวินสังเกตเห็นว่าอารมณ์นางเปลี่ยนไป จึงขยับออกจากซอกคอของนาง แล้วยืดตัวตรง
นิ้วมือของเขาลูบไล้ผ่านแก้มของนางขึ้นไปจับผมที่ถูกลมค่ำคืนโชยพัดจนปลิวไสวทัดหูให้นาง
“เขาตกอยู่ในความแค้นและเรื่องราวในอดีตมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ส่วนฉู่ซิ่นแห่งจวนอ๋องรุ่ยชินผู้ซึ่งเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา ก็ยังกระทำในสิ่งที่ไม่เข้าใกล้กับเป้าหมายที่หวังเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เคยเข้าใจหรือพยายามไปช่วยแบ่งเบาแรงอาฆาตแค้นของเขาเลย เขาต้องอดทนทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไรมาตลอดหลายปีนั้น เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้เขาได้คลุ้มคลั่งไปเพราะเรื่องนั้นจนไม่สามารถถอนตัวออกได้ตั้งนานแล้ว” เหยียนหลิงจวินพูดขึ้ยอย่างอ่อนโยน ไม่ปรากฏความรู้สึกอื่นใดออกมาสักนิด เป็นคำบอกเล่าของคนที่มีจุดยืนนอกเหตุการณ์มาเล่าให้ฟังจริงๆ “ก่อนตายเขาได้สมหวังในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาตลอดไปแล้ว ส่วนเรื่องผลลัพธ์ว่ามันสำเร็จไหมนั่น ที่จริงมันไม่สำคัญหรอก อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่มีทางคิดว่าตัวเองไร้ค่าไม่มีความใฝ่ฝันโหยหา อย่างน้อยๆ เขาก็ยังได้กลับไปเป็นตัวเองอีกครั้ง คนส่วนใหญ่มักจะกลัวความตายกันทั้งนั้น แต่สำหรับใครบางคนแล้ว การตายต่างหากที่ถือว่าเป็นจุดจบอันสมบูรณ์แบบ เขาได้รับการปลดปล่อยแล้ว!”
ฉู่สวินหยางเพียงแค่ฟัง ไม่ได้พูดอะไร จุดจบแบบนี้…
นางไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันดีหรือไม่ดี นางแค่รู้สึกหนักอึ้ง
ฉู่อี้เจี่ยนมีจุดจบแบบนี้ คือได้รับการปลดปล่อยแล้ว แต่สำหรับนางล่ะ? เดิมทีในร่างกายของนางก็ต้องแบกรับความลับอันหนักอึ้งเอาไว้มากกว่าเสียด้วยซ้ำ การที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง มันยิ่งมีความรับผิดชอบมีมากมายมหาศาลที่ไม่สามารถทอดทิ้งไปได้
ใต้หล้านี้ไม่มีความลับไปตลอดชั่วนิรันดร์หรอก ต้องมีสักวันที่มันจะถูกเปิดโปงเช่นกัน? มันจะเป็น…
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีวันนั้น เมื่อรอให้วันนั้นมาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ระเบิดออกมา…
ถึงเวลานั้นหากเทียบกับจุดจบของฉู่อี้เจี่ยนแล้ว จุดจบของนางมันจะดีกว่ากันสักเท่าไรเชียว?
——————————————-