เกาจ๋างสื่ออายุมากแล้ว เห็นเหตุการณ์มาก็มาก เข้าใจความหมายของพระชายาทันที หันมองอวิ๋นเสวียนฉั่งกระแอมสองสามทีเอ่ย “เจ้ากรมอวิ๋น ท่านอ๋องของบ่าวว่าราชการเยอะมาก หนึ่งในนั้นคือบันทึกภูมิศาสตร์ทั้งเมืองใหม่ บันทึกประมาณแปดร้อยม้วน นั่นเป็นงานวิศวกรรมใหญ่ ตอนนี้รับคนที่มีความรู้เข้ามาไม่น้อย คุณชายอวิ๋นเองก็เป็นน้องชายของท่านอ๋อง ทั้งยังเป็นนักเรียนของกั๋วจื่อเจี้ยนอีกด้วย ทำงานนี้จะช่วยท่านอ๋องได้มาก เจ้ากรมคงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่? วันนี้กลับจวนไปพร้อมกันเลย” ทั้งยังหันมองอวิ๋นจิ่นจ้ง ยิ้มตาหยี “แต่ว่าเอาตามความสมัครใจของคุณชายอวิ๋น บังคับไม่ได้”
อวิ๋นจิ่นจ้งพยักหน้าตอบ “สามารถแบ่งเบาภาระของฉินอ๋องได้ เป็นความโชคดีของจิ่นจ้ง”
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มพยักหน้า
ถ้าใช้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการมาเชิญ ใครจะกล้าปฏิเสธ? ต่อให้เขาจะกัดฟันปฏิเสธฉินอ๋อง แต่ก็ไม่สามารถ ขัดขวางให้ลูกชายรับราชการได้ โทษครั้งนี้ เขาเป็นขุนนาง รับไม่ไหวแน่
อวิ๋นเสวียนฉั่งอึ้งอยู่นานจนเหลียนเหนียงดึงเสื้อเขาถึงจะได้สติกลับมา
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่อยู่ต่อ ให้เกาจ๋างสื่อดูแลอวิ๋นจิ่นจ้งส่วนตนจับมือชุยอินหลัวเดินออกไปจากห้องโถงหลัก
ก่อนที่อวิ๋นจิ่นจ้งจะออกจากประตูได้กล่าวลาฮุ่ยหลาน “อนุฮุ่ยหลาน ข้าไปก่อนนะ”
ดวงตาฮุ่ยหลานแดงก่ำวิ่งเข้ามากระซิบว่า ”คุณชาย ครั้งนี้ข้าไม่ได้ปกป้องดูแลท่านเป็นอย่างดี ทำให้ท่านต้องทนทุกข์ หากไม่ใช่เพราะพระชายากลับมาเร็ว…” นางหันกลับมา มุ่งหน้าไปหาอวิ๋นหว่านชิ่น ”พระชายาเจ้าคะ อนุผู้ต่ำต้อยคนนี้ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว”
อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่าทั้งสองคนได้พัฒนาความสัมพันธ์ในช่วงเวลานี้ เด็กๆ สามารถมองคนออกมากที่สุด เพียงแค่ดูท่าทางของน้องชายที่มีต่อฮุ่ยหลาน เขารู้ว่าฮุ่ยหลานดูแลน้องชายตนเป็นอย่างดี ดึงนางออกข้าง เอ่ยปลอบ ”มีคนคิดร้ายมากขึ้น ยากที่จะป้องกันได้” นึกขึ้นได้ ”ว่าแต่ เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าถูกเหลียนเหนียงขังไว้ แล้วออกมาได้อย่างไร”
ฮุ่ยหลานกล่าวว่า “ฮูหยิน เป็นฮูหยินที่ปลดกลอนแล้วปล่อยข้าออกมา”
อวิ๋นหว่านชิ่นหรี่ตาลง ไป๋เสวี่ยฮุ่ยนี่เอง นางก็รู้วิธียืมมีดฆ่าคนแล้ว? เห็นเช่นนี้แล้ว เหมือนก่อนที่นางจะกลับมา นางได้ใกล้ชิดท่านพ่อมากกว่าเดิม เดิมทีกำชับให้ฮุ่ยหลานจับตามองเหลียนเหนียงไว้ ตอนนี้ดีมาก มีสายตาอีกคู่ช่วยมอง
นางไม่ถามอะไรอีก พูดกับฮุ่ยหลานสักสองสามคำแล้วจากไป
เมื่ออวิ๋นเสวียนฉั่งเห็นคนสองสามคนพาลูกชายของสกุลอวิ๋นและเดินจากไปไกลในเวลากลางวันแสก ๆ เขาตามอยู่ไม่กี่ก้าว ก็หยุดเท้าและหอบด้วยความโกรธ
ม่อไคไหลทำอะไรไม่ได้ เดินเข้ามาเอ่ยชักชวน ”นายท่าน ต้องไปส่งพระชายาเอกนะขอรับ” ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ไม่ควรจะจืดชืดเกินไป และลูกชายก็ต้องกลับมาอยู่วันยันค่ำ
“ไปส่งอะไรกัน!” อวิ๋นเสวียนฉั่งโกรธแค้นกับภาพด้านหลัง “ไป ให้พวกเขาไป! ข้าจะเศร้าที่ไม่มีลูกชายหรือ อู้เต๋อบอกไว้แล้วว่าเหลียนเนียงจะตั้งครรภ์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เจ้าดูสิ ตั้งครรภ์จริงๆ ด้วย! แต่กลับไม่มีแล้ว โชคดีที่ยังมีครั้งหน้า! อู้เต๋อบอกอีกว่าเหลียนเหนียงจะตั้งครรภ์ลูกชายแน่ ข้าจะเศร้าอะไร อกตัญญู เจ้าดู พอพี่สาวพูดก็ไปกับนาง ปีกกล้าขาแข็ง ไม่หันมองหน้าพ่อเลยสักนิด! ลูกไม่รักดี! ให้เขาไป พอจะกลับข้าค่อยคิดว่าจะให้เข้าจวนดีหรือไม่!”
พอได้ด่าระบายอารมณ์ อวิ๋นเสวียนฉั่งก็สบายใจขึ้น หันหลังกลับเห็นเหลียนเหนียงอยู่ในอ้อมกอดของตงเจี่ย ใจก็อ่อนลง ข่มอารมณ์ไว้ เดินเข้าไป “เจ้าไปหอสกาวจันทร์ก่อนเถอะ ให้ตงเจี่ยไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ บาดเจ็บขนาดนี้ ลูกทรพี! สองวันนี้เจ้าอย่าเพิ่งมายุ่งงานบ้านเลย พักผ่อนให้หายดีก่อน ข้าจะให้ฮุ่ยหลานมาช่วย ไม่เช่นนั้นก็ให้ไป๋เสวี่ยฮุ่ยมาช่วยอีกแรง”
เหลียนเหนียงพอได้ยินว่าจะให้ฮุ่ยหลานและไป๋เสวี่ยฮุ่ยมาทำแทน เกิดร้อนใจ มือจับหน้าน้ำตาคลอ “หน้าไม่ได้เจ็บอะไรมาก ไม่ได้บาดเจ็บมากนักงานบ้านข้ายังจัดการได้เจ้าค่ะ”
“ไม่ได้!” อวิ๋นเสวียนฉั่งเอ่ยรั้งนาง ครั้งนี้ตัดสินใจแน่วแน่ “เจ้าเพิ่งจะแท้งลูก วันนี้ยังโดนตีเยี่ยงนี้อีก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องรักษาตัวให้ดีเสียก่อน”
เหลียนเหนียงเข้าใจเขาดี ในใจกลับดีใจ รักษาตัวให้ดีถึงจะมีบุตรให้สกุลอวิ๋นได้ ใช้เรื่องการแท้งลูกมาเรียกร้องให้นายท่านสนใจตนได้ก็ไม่นับว่าเปล่าประโยชน์
ช่างเถอะ ช่วงนี้ก็ให้ฮุ่ยหลานจัดการไปก่อน
นางไม่ได้ขัดอะไรอีก “วันนี้ท่านเองก็โกรธมามากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ”
อวิ๋นเสวียนฉั่งโกรธจนเจ็บใจ พยักหน้า แล้วเดินออกไป
เหลียนเหนียงเห็นคนในเรือนกำลังเดินออกไป สงบสติอารมณ์ชั่วครู ผ่อนลมหายใจ
อู้เต๋อบอกว่าตนจะตั้งครรภ์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตนยังไม่อยากจะเชื่อ เห็นกับตาว่าสีหน้าของผู้อาวุโสถงนั่น มองตนเหมือนเมื่อก่อน พอเห็นว่าไป๋เสวี่ยฮุ่ยเริ่มอยู่ในสายตานายท่าน ทั้งยังมีฮุ่ยหลานที่พึ่งคุณชาย จนได้รับความสำคัญกับนายท่านและผู้ผู้อาวุโสถง นายท่านไปห้องฮุ่ยหลานบ่อยขึ้น นางจะมีที่ยืนตรงไหนอีก?
หากว่าไม่มีข่าวที่ตนตั้งครรภ์ คงไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสถงเลย นายท่านจะเอ็นดูตนมากกว่านี้หรือ เพื่อทายาทแล้วก็ไม่สามารถเดินเข้าเรือนตนมือเปล่าได้
ถึงตอนนั้น ไม่ว่าฮูหยินจะกลับเข้ามาในเรือนอีกครั้ง หรือฮุ่ยหลานจะพึ่งคุณชายจนพลิกตัวได้รับความรักจากนายท่าน นางก็ตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต่อไปนี้นางจะไม่อยู่เรือนตัวคนเดียวอีกต่อไป
พอนึกถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกมวนท้อง
เรื่องนี้รอช้าไม่ได้แล้ว ต้นฤดูใบไม้ผลิหากยังไม่มีข่าวคราว ความสนใจของนายท่านที่มีต่อตัวนางจะค่อยๆ ลดลง เกรงว่า ‘ท้อง’ ก่อนค่อย ‘แท้ง’ แบบนี้ก็ยังดี อย่างน้อยนายท่านก็จะได้เข้าใจว่าคำพูดของอู้เต๋อนั้นถูกต้อง นางสามารถมีบุตรได้
เห็นว่าคุณหนูใหญ่อยู่ในอารามหลวงห้ามออกมา นางจึงถือโอกาสดีนี้ไว้
ท้อง เป็นวิธีที่ดี ไม่ว่าที่ไหนคำพูดของป้าหมอนั้นเป็นที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะใช้เงินมากหรือน้อย ถึงเวลานั้นอยากให้ป้าหมอพูดอะไรก็ย่อมได้
อย่างน้อยขั้นตอนการทำแท้ง ก็ไม่ต้องเปลืองแรง
คิดไปคิดมา นางคิดว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งสามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้ ทั้งยังทำให้คุณชายเกลียดนายท่าน ทำให้ฮุ่ยหลานได้รับความเอ็นดูน้อยลงไปอีกเล็กน้อย
นอนพักผ่อนเอาแรงอยู่บนเตียงไม่กี่วันไปก่อน เป่าหูนายท่านให้ส่งอวุโสถงไป เผื่อมีเหตุผิดพลาดอะไร
วันนั้นเจอฮุ่ยหลานเตรียมขนมเกาไว้ให้คุณชายในครัว คุณชายจะมาเอาเอง โอกาสมาถึงแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวจากในวังบอกว่าอวิ๋นหว่านชิ่นได้ลดโทษ ได้ออกจากอารามก่อนกำหนด
เหลียนเหนียงตกใจเป็นอย่างมาก เพิ่งจะคุยกับอวิ๋นเสวียนฉั่ง ให้รีบพาอวิ๋นจิ่งจ้งไปรักษาที่โรงหมอ
ตอนที่อวิ๋นเสวียนฉั่งได้ยินก็โมโหมาก แขนขาชา และก็รู้ว่าลูกสาวคนนี้รักน้องชายท้องเดียวกันยิ่งกว่าอะไร หากว่าออกมาแล้วได้พบกัน อาจจะหาเรื่องตนได้ มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย จึงทำตามความเห็นของเหลียนเหนียง
นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นหว่านชิ่นออกจากวังมาตรงมาที่จวนอวิ๋นทันที
วันนี้หากจะบอกว่าโชคร้ายก็ยังนับว่าไม่ แม้ว่าจะถูกตบตีไปแล้ว แต่อวิ๋นหว่านชิ่นยังไม่มีหลักฐานที่นางใส่ร้ายคุณชายได้อยู่ดี