ตระกูลจ้าวนับเป็นตระกูลเศรษฐีในเขาเว่ยอวิ๋น เขาเองก็ไม่อยากแย่งชิงตำแหน่งอะไรกับอีกฝ่าย ดังนั้นจึงจงใจกล่าวเช่นนี้เพื่อให้พวกเขาสบายใจ
ไม่ผิดจากที่คาด จ้าวฝูชางได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มพลางยกชามขึ้นถือใหม่ “เถี่ยเฟิงเอ๊ย เจ้าน่ะไม่เหมือนพ่อของเจ้าสักนิด พ่อของเจ้าเป็นวีรบุรุษของเขาเว่ยอวิ๋นเรา! หากเขายังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังแน่!”
เซียวเถี่ยเฟิงพูดคุยกับแม่สื่อ พูดคุยกับจ้าวฝูชาง แล้วก็หันไปรับมือกับความอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านคนอื่นๆ ในที่สุดก็ได้อุ้มปีศาจสาวกลับบ้าน
กลับไปถึงบ้าน เขาวางปีศาจสาวลงบนเตียงแล้วรีบไปต้มน้ำทำอาหาร ทั้งยังเอาไข่ไก่ป่าที่เพิ่งเก็บมาเมื่อวานมาทำขนมเปี๊ยะไข่แสนอร่อยให้ปีศาจสาวด้วย ทำขนมเปี๊ยะเสร็จ เขาก็ตักน้ำไปให้ปีศาจสาวล้างมือ
คิดไม่ถึงว่าปีศาจสาวจะมองน้ำล้างมือด้วยสีหน้าหวาดระแวง ดวงตาสุกใสคู่นั้นดูเหมือนจะฉายแววโมโหโกรธา
จริงๆ นับแต่เดินเข้ามาในหมู่บ้าน เขาก็รู้สึกว่าปีศาจสาวไม่ค่อยชอบหมู่บ้านแห่งนี้ ทั้งยังไม่ค่อยชอบบ้านของเขาสักเท่าไหร่ นางถึงกับมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
แต่ตอนนี้ ท่าทีเหนือกว่าถูกทำลายไปจนหมดสิ้น แววตาของนางบอกชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี
หรือปีศาจสาวเคยชินกับการบำเพ็ญตบะอยู่ในป่า ก็เลยทนรับไอหยางรุนแรงในหมู่บ้านไม่ได้?
เขามองท่าทางเซื่องซึมของนางแล้วก็ปวดใจนัก ดังนั้นจึงเอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าล้างมือก่อนเถิด ข้าทำขนมเปี๊ยะไข่ให้ เจ้าเคยกินขนมเปี๊ยะไข่ไหม? อร่อยมากเลยนะ”
คิดไม่ถึงว่าเสียงอ่อนโยนของเขาไม่สามารถปลอบใจนาง กลับทำให้นางโมโหมากขึ้นไปอีก
ปีศาจสาวเบิกตากว้างพลางพูด “%$@$%” กับเขาเสียงเย็น
เซียวเถี่ยเฟิงมองปีศาจสาวด้วยความงุนงง ใจคิดว่าหรือนางจะล้างมือไม่เป็น หรือนางกลัวการล้างมือ?
แต่ว่างูกลัวน้ำงั้นรึ?
ไม่นะ งูว่ายน้ำเป็นนี่นา
หรือว่าตั้งแต่บำเพ็ญตบะจนได้เป็นคน นางไม่เคยล้างมือมาก่อนก็เลยล้างมือไม่เป็น?
“มนุษย์เราก่อนกินข้าวต้องล้างมือก่อน เจ้าอาจจะล้างไม่เป็น แต่ไม่เป็นไร อีกหน่อยก็ชินไปเอง” เซียวเถี่ยเฟิงลืมเสียสนิทว่าตัวเองสัญญาว่าหากอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายหายดีเขาจะปล่อยนางไป คำพูดของเขาจึงกล่าวล่วงหน้าไปถึงอนาคต
เขาเห็นปีศาจสาวไม่ได้ต่อต้านรุนแรง ดังนั้นจึงกุมมือนางไว้แล้วช่วยล้างมือให้อย่างเบามือที่สุด
อุ้งมือปีศาจของนางนุ่มมาก แถมยังขาวสะอาด น่าดูเหลือเกิน หากไม่ใช่เมื่อคืนพบเจอกับตัวเอง เขาคงไม่กล้าเชื่อเลยว่ามือคู่นี้จะสามารถแทงมีดใส่แขนของเขาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเช่นนั้น
ปีศาจย่อมแตกต่างจากมนุษย์อยู่วันยังค่ำ
เซียวเถี่ยเฟิงช่วยล้างมือน้อยๆ ให้นางอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจะเช็ดให้แห้ง เขาเห็นนางค่อนข้างเซื่องซึมราวกับไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น นางถึงกับก้มลงมองมือของตัวเองแล้วพยายามดึงกลับเบาๆ
บางทีนี่คงเป็นประสบการณ์ที่นางไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน
“อีกหน่อยเจ้าก็เข้าใจไปเอง เป็นคนก็มีข้อดีของการเป็นคนเหมือนกัน” เซียวเถี่ยเฟิงกล่าวพลางหยิบกระจาดกลมๆ ใส่ขนมเปี๊ยะที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ มาวางลงตรงหน้านาง
นางคงจะหิวมาก เพราะนางใช้มือน้อยๆ หยิบขนมเปี๊ยะไปใส่ปากทันที
เซียวเถี่ยเฟิงยิ้ม ดูท่าปีศาจสาวจะเป็นปีศาจจอมตะกละด้วย
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งกัดขนมเปี๊ยะไข่ไปคำเดียว ร่างของนางก็แข็งค้างอยู่กับที่ จากนั้นนางก็จ้องขนมเปี๊ยะไข่นิ่ง ไม่พูดไม่จา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาสุกใสของนางก็คลอด้วยน้ำตา
เซียวเถี่ยเฟิงตกใจมาก เขารีบขยับเข้าไปหา “ทำไม ไม่อร่อยหรือ?”
เขาหยิบมาชิมดูคำหนึ่ง ทั้งหอมทั้งนุ่ม อร่อยดีนี่นา!
“เจ้าไม่ชอบกินหรือ?” แล้วนางชอบกินอะไรเล่า?
“หรือเจ้าจะกินไข่ไก่ดิบ?” เขานึกขึ้นได้ว่างูชอบกินไข่ไก่ดิบ
“ให้ข้าไปจับไก่เป็นๆ มาให้สักตัวดีไหม?” เซียวเถี่ยเฟิงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เดินวนไปรอบๆ ตัวปีศาจสาวเท่านั้น
ปีศาจสาววางขนมเปี๊ยะไข่ลงด้วยท่าทางโศกเศร้า นางอ้าปาก ชี้นิ้วไปที่ฟัน จากนั้นก็ใช้มือกุมคางน้ำตาร่วง
“เจ้า…” เซียวเถี่ยเฟิงตรวจดูฟันของปีศาจสาวด้วยความประหลาดใจ แต่ฟันของนางก็ขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ ไม่มีปัญหาอะไรสักนิด
หรือว่าฟันของนางก็ดูดีไปอย่างนั้น จริงๆ แล้วกินอะไรไม่ได้?
เซียวเถี่ยเฟิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เมื่อก่อนเขาเองก็เคยฆ่างู ไม่เพียงแค่ฆ่า แต่ยังเคยเอามาต้มน้ำแกงด้วย ดังนั้นจึงรู้ดีว่างูมีฟัน แถมยังแหลมคมมากอีกด้วย
ไม่น่าเป็นไปได้เลยว่าหลังจากเปลี่ยนเป็นคนแล้ว จะกินไม่ได้แม้แต่ขนมเปี๊ยะไข่นุ่มๆ!
หลังจากงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยกมือขึ้นตบศีรษะของปีศาจสาวเบาๆ “เจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะไปต้มบะหมี่มาให้”
ปีศาจสาวเบิกตาจ้องเขา จากนั้นนางก็ร้องคร่ำครวญแล้วทิ้งร่างลงบนเตียง
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นท่าทางน่าสงสารของนางแล้วก็อยากหัวเราะนัก แต่สุดท้ายก็อดกลั้นเอาไว้ได้ เขารีบออกไปทำอาหารใหม่ทันที
คราวนี้เขาต้มบะหมี่ให้นางโดยใส่ไข่กับผลอวี๋เฉียนนุ่มๆ ลงไป พอคิดถึงท่าทางน่าสงสารของปีศาจสาว เขาก็เพิ่มเนื้อลงไปอีกหน่อย
ฟืนส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ จากนั้นเปลวไฟในเตาก็ลุกโชน เซียวเถี่ยเฟิงวุ่นวายกับการทำอาหารจนเหงื่อชุ่มทั่วแผ่นหลัง ไม่นานนักบะหมี่ใส่ไข่ก็เสร็จเรียบร้อย
เขารีบตักใส่ชามแล้วยกไปวางตรงหน้าปีศาจสาว
ปีศาจสาวมองบะหมี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ปากส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
“ใจเย็นๆ มันร้อนนะ” ปกติปีศาจสาวน่าจะกินแต่อาหารดิบ นางคงไม่รู้ว่าน้ำแกงของมนุษย์อาจจะลวกปากได้
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ปีศาจสาวก็ร้องโอ๊ยเบาๆ เห็นได้ชัดว่าคงถูกลวกเข้าแล้ว นางแลบลิ้นออกมาพลางเป่าลมเบาๆ พอบะหมี่เย็นลงนางก็กินมันลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก บะหมี่ชามนั้นก็ลงไปอยู่ในท้อง
ปีศาจสาวเลียริมฝีปากพลางเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความคาดหวัง
เซียวเถี่ยเฟิงมองลิ้นน้อยๆ ซึ่งกำลังเลียริมฝีปากอวบอิ่ม ทันใดนั้น ร่างทั้งร่างก็เหมือนถูกฟ้าผ่า เขารู้สึกชาไปทั้งตัว มีเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่แข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ปีศาจสาวเอียงคอมองเขาด้วยความงุนงงก่อนจะยกชามขึ้นพลางส่งเสียง “&^%$*@”
เขาพยายามห้ามตัวเองไม่ให้โผเข้าไปหานางด้วยความยากลำบาก จากนั้นจึงกระแอมเบาๆ เพื่อขจัดความรู้สึกคันยิบๆ ในลำคอ
“เจ้าสวยจริงๆ…”
เขารู้ว่าปีศาจสาวไม่เข้าใจคำพูดของเขา ดังนั้นจึงอดพูดความในใจออกมาไม่ได้
แต่ปีศาจสาวกลับไม่สนใจสักนิด นางเลิกคิ้วขึ้นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เชิดหน้าแล้วยกชามขึ้นอีก
เขาสูดหายใจลึกก่อนจะยื่นมือรับชามในมือของนางมาตักบะหมี่เพิ่มให้
ทันทีที่ได้ชามคืนไป สีหน้าเย็นชาของปีศาจสาวก็เลือนหายไปทันที นางรีบยกชามขึ้นซดด้วยความปลาบปลื้ม กินไปพลางเลียริมฝีปากไปพลางอย่างมีความสุข
เขานั่งมองนางอยู่เงียบๆ มองเส้นผมยาวเรียบลื่นราวกับผ้าต่วนที่แผ่สยายอยู่บนเตียงของเขา มองขาขาวเนียนที่นั่งอยู่บนเสื่อเก่าขาดของเขา มองอย่างไรก็ไม่พอเสียที
มองไปๆ เขารู้สึกว่าสิ่งที่ปากเล็กๆ สีแดงเรื่อของนางกำลังเลียอยู่ไม่ใช่เส้นบะหมี่นุ่มๆ แต่เป็นอะไรบางอย่างที่แข็ง แข็งมาก แข็งมากๆ…
เสียงระเบิดตูมดังขึ้นในสมอง
เขากัดฟันพลางกำหมัดแน่นจนกระดูกนิ้วลั่นกร๊อบๆ
สุดท้ายเขาก็ต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีบังคับตัวเองให้เดินออกไปจากห้อง ร่างแข็งเกร็งของเขาไปหยุดอยู่ตรงข้างบ่อน้ำ จากนั้นก็ตักน้ำถังหนึ่งขึ้นมารดศีรษะของตัวเองอย่างแรง
กู้จิ้งกินบะหมี่ที่ตาล่ำบึ้กใจดีต้มให้ชามแล้วชามเล่า
เธอย่อมมองออกว่าตอนที่เธอกินชามสุดท้าย เขาเริ่มขี้เหนียวไม่อยากให้เธอกินอีก เชอะ! เธอย่อมไม่ยอมเลิกราง่ายๆ หรอก ดังนั้นจึงตะคอกเขาเสียงดังว่า “ไม่ให้ฉันกินอิ่ม ฉันจะคลอดลูกให้นายได้ยังไง?!”
บางทีเขาอาจจะคาดเดาความหมายของเธอได้ หรือไม่ก็อาจจะตกใจในความน่าเกรงขามของเธอ เขาถึงได้รีบไปตักมาให้เธออีก
เธอกินต่อด้วยความพึงพอใจ แต่พอกินอิ่ม เธอกลับพบว่าตาล่ำบึ้กใจดีกำลังอาบน้ำอยู่ตรงบ่อน้ำด้านนอก น้ำเย็นๆ รินรดลงบนผมยาวยุ่งเหยิงของเขา แสงแดดกระทบกับหยดน้ำซึ่งเกาะอยู่บนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเห็นเป็นประกายระยิบระยับ ยามนี้เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้ชายบ้านนอกหยาบกร้าน แต่ดูหล่อเหลาเซ็กซี่แถมยังมีสุขภาพดี
กู้จิ้งเช็ดปากก่อนจะเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง มองดูชายหนุ่มแสนเซ็กซี่ที่ด้านนอก
จริงๆ แล้ว…หากเขายืนกราน เธอเองก็เต็มใจ
ไม่ๆๆ ไม่ได้ นักสู้ฆ่าได้หยามไม่ได้ เธอจะละทิ้งศักดิ์ศรีของสาวเมืองกรุงผู้มีการศึกษาสูงแล้วยอมพ่ายแพ้ต่อความเซ็กซี่ของเขาง่ายๆ ได้อย่างไร?
แค่มองดูก็พอแล้ว
ตาล่ำบึ้กใจดีอาบน้ำเสร็จก็จัดการกระชากกางเกงผ้าเนื้อหยาบที่เปียกแนบร่างทิ้งแล้วเปลี่ยนไปสวมตัวใหม่ต่อหน้าต่อตาเธอ
แม้เขาจะหันหลังให้เธอ ทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากบั้นท้ายครัดเคร่งเปี่ยมด้วยพละกำลัง แต่แสงแดดที่ส่องลงมากระทบตัวเขาทำให้เงาร่างของเขาทอดยาวอยู่บนลานบ้าน
กู้จิ้งจ้องเงานั้นเขม็ง เธอพบว่าบนเงาร่างสูงใหญ่นั้นมีรอยแยกเล็กๆ เหมือนตัวอักษรคำว่า ‘卜’
หญิงสาวคำนวณอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ได้คำตอบว่ามันน่าจะยาวถึงสิบแปดเซนติเมตรเลยทีเดียว!
ช่าง… จุ๊ๆๆ