ตอนที่ 12 นี่มันยัยแก่ที่ชอบขูดเลือดขูดเนื้อลูกชัดๆ!

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

ในขณะที่กู้จิ้งกำลังแอบมองอย่างไร้ยางอายอยู่นั้นเอง ที่หน้าประตูก็มีเสียง “@$%&*@$%” ดังขึ้น ตาล่ำบึ้กใจดีรีบส่งเสียงตอบรับพลางหยิบเสื้อมาสวม

คนที่เดินเข้ามาเป็นหญิงสูงวัย อายุประมาณห้าสิบกว่าปี ผมสีขาวของนางเกล้าเป็นมวยแล้วใช้ปิ่นไม้ตรึงเอาไว้ที่ด้านหลัง ใบหน้าซูบผอม ดวงตาทั้งคู่เปล่งแววฉลาดเฉลียว พอก้าวเข้ามานางก็เริ่มกวาดตามองไปรอบๆ

“$@&*&%$%$@$%” หญิงชราชี้มาที่กู้จิ้งพลางหันไปพูดกับตาล่ำบึ้กใจดีด้วยน้ำเสียงไม่เกรงอกเกรงใจสักนิด

ตาล่ำบึ้กใจดีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงชราร่างซูบผอมด้วยท่าทางนอบน้อม จากนั้นก็เริ่มพูด “&^%$@$^” กับนาง

หญิงชราร่างซูบผอมชี้มาที่เธออีก ปากก็พูด “%$@$%” เหมือนกำลังตินั่นตินี่

ตาล่ำบึ้กใจดีหันมามองกู้จิ้งแล้วหันไปพูด “&^%$^@” กับหญิงชราร่างซูบผอมอีก

กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า อีกฝ่ายคงเป็นญาติผู้ใหญ่ของตาล่ำบึ้ก บางทีอาจจะเป็นแม่ของเขา แม่ของเขารู้ว่าลูกชายจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อเมียมา รู้สึกว่าแพงเกินไป ไม่คุ้มค่า ก็เลยทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์เธอ จากนั้นก็หันไปอบรมสั่งสอนตาล่ำบึ้กเสียรอบหนึ่ง

เธอเข้าใจดี ตอนนั้นเธอจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อข้าวของเตรียมไปเที่ยว แม่ของเธอก็บ่นเธออยู่ถึงสองชั่วโมงเต็มๆ

แน่นอน อีกฝ่ายอาจจะไม่ใช่แม่ของเขา แต่เป็นแค่ญาติผู้ใหญ่ก็ได้

ระหว่างที่พูด “@$%^&$” หญิงชราร่างซูบผอมก็เดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างแล้วก้มลงมองอะไรบางอย่าง จากนั้นนางก็หันไปพูด “&^@$” กับตาล่ำบึ้กแล้วก้มลงเก็บไข่ใส่กระเป๋าของตัวเอง

กู้จิ้งยืดคอออกไปดูก็พบว่า ที่แท้ในกระด้งใบนั้นมีไข่เปลือกลายๆ อยู่สิบกว่าใบ หญิงชราร่างซูบผอมหยิบมันไปหลายใบแต่คงยังไม่หนำใจ นางจึงยกชายเสื้อขึ้นทำเป็นถุงแล้วหยิบไข่ใส่ลงไปจนหมด

กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที ใจคิดว่าต่อให้เป็นแม่แท้ๆ ก็ทำเกินไปแล้ว ผู้อื่นมีไข่ไก่อยู่แค่นี้ยังเอาไปจนหมด ช่างละโมบโลภมากเหลือเกิน แบบนี้ตาล่ำบึ้กใจดีจะกินอะไร ฉันจะกินอะไร?

นี่มันยัยแก่ที่ชอบขูดเลือดขูดเนื้อลูกชัดๆ!

กำลังคิดอยู่ ยัยแก่ร่างผอมก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วมาหยุดอยู่ตรงข้างเตียง นางมองสำรวจกู้จิ้งอย่างละเอียด แถมยังยื่นมือมาแหวกผมดูหูของเธออีกด้วย

กู้จิ้งโมโหขึ้นมาทันที คิดว่าฉันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือยังไง?

แต่อยู่ใต้ชายคาผู้อื่นจำต้องก้มหัว เธอพยายามสะกดความไม่พอใจเอาไว้แล้วปรายตามองตาล่ำบึ้กด้วยสายตาเย็นชา ทว่าตาล่ำบึ้กก็เอาแต่เม้มปากยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักคำ

กู้จิ้งผิดหวังไม่น้อย แต่จากนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองทำตัวแปลกๆ

ตาล่ำบึ้กใจดีซื้อเธอมา เป็นศัตรูของเธอ แต่พอเธอถูกรังแกกลับแอบหวังว่าตาล่ำบึ้กใจดีจะช่วยออกหน้าให้? เธอเป็นอะไรกันแน่? อาการสตอกโฮล์มซินโดรม[1]งั้นหรือ?

พอคิดเช่นนี้ สมองของเธอก็แจ่มใสขึ้น เธอรีบสำรวจดูสภาพจิตใจของตัวเองทันที

เธอถูกขายมาที่หมู่บ้านเล็กๆ ล้าหลังในภูเขา ตกอับถึงเพียงนี้ เธอมีแต่ต้องพึ่งตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องพึ่งตัวเอง ผู้ชายพึ่งพาไม่ได้ ต่อให้เขามีไอ้นั่นเป็นรูปตัวอักษร 卜 ก็เถอะ!

เพิ่งตัดสินใจได้ เธอก็เห็นยัยแก่ร่างผอมหันไปมองขนมเปี๊ยะไข่สีเหลืองทองที่ตาล่ำบึ้กทำให้เธอ จากนั้นนางก็ถูมือเข้าด้วยกันแล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าเอาไปยัดใส่ชายเสื้อของตัวเอง

นี่…

ทำเกินไปแล้ว!

แม้ตอนนี้เธอจะเข็ดฟันมาก แต่เก็บไว้กินตอนบ่ายก็ได้นี่นา ยัยแก่นี่จะไม่กอบโกยมากไปหน่อยหรือ?

กู้จิ้งเบิกตามองยัยแก่ร่างผอม พอเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะคว้าขนมเปี๊ยะไข่ชิ้นสุดท้ายไป ทันใดนั้นเธอก็ทนไม่ได้อีก เธอรีบเอื้อมมือไปคว้ากระจาดมาถือไว้ทันที

ยัยแก่ร่างผอมหันขวับมามองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ นางถลึงตาใส่กู้จิ้งพลางพูด “@$%$@” แล้วก็หันไปพูด “%$$^*@” กับตาล่ำบึ้กใจดี

กู้จิ้งคิดว่าตัวเองจะต้องถูกตาล่ำบึ้กใจดีตำหนิ แต่ไม่… ตาล่ำบึ้กใจดีแค่หันมามองเธอแวบหนึ่งแล้วก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับยัยแก่ร่างผอม

กู้จิ้งกอดกระจาดใส่ขนมเปี๊ยะไข่เอาไว้พลางฟังอีกฝ่ายพูดด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน สุดท้ายเธอก็ได้ข้อสรุปว่า เสียงของยัยแก่นี่เหมือนไก่ตัวผู้ที่กำลังขันไม่มีผิด

เสียงไก่ตัวผู้ที่กำลังขันดึงดูดผู้คนมาได้อย่างรวดเร็ว คนเหล่านี้น่าจะเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง มีทั้งคนแก่ที่อุ้มเด็กทารกก้นเปลือยน้ำมูกไหลย้อย หญิงสาวหน้าตาสะสวย แล้วก็หญิงวัยกลางคนท่าทางเหมือนพวกป้าๆ ในสมาคมแม่บ้าน

พอทุกคนมาอยู่รวมกันก็เริ่มแย่งกันพูดเสียงดังจ้อกแจ้ก

ยัยแก่ร่างผอมร้องห่มร้องไห้พลางคร่ำครวญให้ทุกคนฟัง จากนั้นก็ส่งเสียงกุ๊กๆๆๆๆๆ เหมือนไก่ขันต่อ

กู้จิ้งยังคงกอดกระจาดแน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอสักนิด

คิดว่าเธอโง่งั้นหรือ ไข่โดนฉกไปแล้ว เหลือแค่ขนมเปี๊ยะไข่ ต่อให้ตายก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้!

ยัยแก่ร่างผอมยิ่งพูดก็ยิ่งมีอารมณ์ นางเดินมาชี้หน้ากู้จิ้งแล้วพูด “&%$%@” จากนั้นก็หันไปชี้หน้าตาล่ำบึ้กใจดีแล้วส่งเสียงกุ๊กๆๆๆๆๆ ไม่หยุด

กู้จิ้งแค่นยิ้มเย็น “ในเมื่อลูกชายป้าจ่ายเงินซื้อฉันมา ก็คงไม่คิดจะให้ฉันอดตายหรอกนะ? ถ้าฉันอดตาย ใครจะมีลูกมีหลาน มีทายาทสืบสกุลให้พวกป้า? ป้าโลภมากแบบนี้ เอาไข่ไก่ไปยังไม่พอ แค่ของกินเล็กๆ น้อยๆ นี่ก็ยังจะเอาไป แล้วลูกชายป้าจะเอาอะไรมาเลี้ยงฉัน? ทำไมไม่เบิกตาดูบ้างล่ะว่า เขาจนจนเหลือแต่ผนังสี่ด้าน ถึงขั้นนี้แล้วป้ายังจะใจดำอีกหรือ? จิตสำนึกถูกหมาคาบไปกินแล้วรึไง!”

คำพูดของเธอทำให้ยัยแก่ร่างผอมนิ่งอึ้งไปทันที ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาจ้องเธอด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่รวมทั้งป้าๆ สมาคมแม่บ้านต่างพากันหันมามองเธอเป็นตาเดียว

กู้จิ้งทำให้ทุกคนตะลึงงันได้แล้วก็อาละวาดต่อ “จะบอกให้นะ ฉันกู้จิ้งไม่ยอมให้ใครรังแกง่ายๆ! ในเมื่อเขาซื้อฉันมาเป็นเมียก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมเป็นทาสเป็นคนใช้ของพวกเธอ ยิ่งอย่าหวังจะปล่อยให้ฉันอดตาย! ถ้าพวกเธอรังแกฉันแบบนี้ ฉันจะเอาหัวโขกกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด! ฮ่าๆ ฉันตายพวกเธอก็เสียเงินเปล่า! ดูซิว่าจะมีปัญญาหาเงินมาซื้อเมียให้เขาอีกไหม?”

ทุกคนได้แต่เบิกตามองเธอด้วยสีหน้าตกตะลึง

กู้จิ้งยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ นึกถึงตัวเองถูกจับมาขาย ถูกบังคับให้ต้องทนหิว ถูกข่มเหงไม่ต่างจากสัตว์ ตอนนี้แม้กระทั่งขนมเปี๊ยะไข่ชิ้นสุดท้ายก็ยังจะถูกคนอื่นแย่งไป บีบคั้นกันมากเกินไปแล้ว! คิดได้เช่นนี้ เธอก็ตัดสินใจกะโผลกกะเผลกลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้วยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางร้องก่นด่า “ฉันไม่กลัวตาย ใครจะเข้ามาก็มาได้เลย! อย่างมากฉันก็จะกัดลิ้นตาย แต่ต่อให้ฉันตายไปก็จะอวยพรให้พวกเธอถูกประทัดยัดรูจมูก เหล็กหลอมเหลวลวกก้น กระดาษทรายถูสมอง แม่ตายไม่รู้สาเหตุ อวยพรให้พวกเธอรถระเบิดต้องกินข้าวคลุกกระดูก เป็นตกขาวไม่มีวันหาย มีคนมาเต้นดิสโก้หน้าหลุมศพ!”

ด่ารวดเดียวจบ เธอก็พบว่าบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่กับลุงๆ ป้าๆ ทั้งหลายต่างก็หันไปมองหน้ากันแล้วหันมามองเธอด้วยความงุนงง

กู้จิ้งแค่นยิ้มเย็น หึ! ไม่เข้าใจสินะ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดชายชราซึ่งอุ้มเด็กทารกก้นเปลือยไว้ในอ้อมแขนก็พูด “%$@$%&” ขึ้นเบาๆ

ตาล่ำบึ้กใจดีเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วก็พูด “@$%^$&” บ้าง

ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพูดอะไร สรุปแล้วพอเขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที แม้กระทั่งยัยแก่ร่างผอมจอมวางอำนาจก็ยังเปลี่ยนสีหน้า

ไม่นานนัก ทุกคนก็พูด “&%$$@” กันคนละประโยคสองประโยค จากนั้นก็ยิ้มแห้งๆ แล้วทยอยแยกย้ายกันไป พอก้าวพ้นประตูใหญ่ไปได้ พวกเขาก็รีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็งุนงงมาก “ฉันแค่ด่าไม่กี่คำ ถึงกับต้องทำแบบนี้เลยหรือ หรือคนที่นี่จะงมงายมาก? แต่ตามหลักแล้วพวกเขาไม่น่าจะเข้าใจคำพูดของฉันนี่นา…”

กำลังพึมพำกับตัวเอง ตาล่ำบึ้กใจดีก็กลับมา

เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากู้จิ้ง

กู้จิ้งนึกถึงตัวเองอาละวาดใส่แม่ของเขา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาคงไม่ตีฉันหรอกนะ?

คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้น กลับเห็นดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า ซ้ำในแววตายังแฝงด้วยรอยยิ้ม

เอ๋… ยิ้มอะไรกัน?

กู้จิ้งงง

ตาล่ำบึ้กใจดียื่นมือมาลูบศีรษะของเธอ

มือใหญ่แข็งแรงหยาบกร้านของเขาลูบศีรษะของเธอเบาๆ ปากก็พูด “%$@&^$%” ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดอะไร

กู้จิ้งประหลาดใจ

ต่อให้เขาไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร แต่ดูจากท่าทางวางอำนาจของเธอก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าเธอไม่ได้พูดเรื่องดี ทำไมถึงยังยิ้มออกอีกเล่า?!

ตอนที่เซียวเถี่ยเฟิงยืนอยู่ในลานบ้านพลางตักน้ำเย็นเฉียบในบ่อขึ้นมารดหัว ไฟที่ลุกโชนอยู่ในร่างกำลังจะทำให้ร่างของเขาระเบิดอยู่แล้ว แต่ในที่สุดมันก็ถูกดับลง

ชายหนุ่มยืนหลับตาอยู่ท่ามกลางแสงแดดพลางถอนใจยาว

จริงๆ เขาไม่ใช่คนมักมากที่เห็นผู้หญิงสวยก็อยากจะโผเข้าไปหา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อยู่เป็นโสดมาจนอายุยี่สิบหกปีหรอก นับแต่เขาขี่ม้าผาดโผนไปทั่วจนกระทั่งกลับมาที่บ้านเกิด ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะยากจนข้นแค้นมากแค่ไหน เขาก็มักจะมีสาวๆ มาชายตาให้อยู่เสมอ

ขอเพียงเขาต้องการ จะแต่งภรรยาทั้งที่มือเปล่าก็ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด

แต่เขาไม่เคยสนใจ

 

———————————————

[1] อาการสตอกโฮล์มซินโดรม (Stockholm syndrome) คืออาการที่เกิดขึ้นกับตัวประกันที่ถูกคนร้ายจับตัวไปในระยะเวลาหนึ่ง จนทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกผูกพันในช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เกิดความเห็นอกเห็นใจ มองคนร้ายในแง่ดีขึ้น หรือบางครั้งเกิดเป็นความรักใคร่ ในบางกรณีตัวประกันก็สามารถกลายเป็นพวกเดียวกับคนร้ายได้เลยด้วย

ที่มา https//thematter.co/life/stockholm_syndrome_movies/28961