“พอคิดอย่างนี้แล้ว…”
ซอมบี้ตัวนั้นทำให้หลิงม่อรับรู้ถึงอารมณ์ของมันแม้ไม่เห็นตัว กระทั่งทำให้หลิงม่อรู้สึกได้อย่างสมจริงในระดับหนึ่ง นั่นแสดงว่าพลังจิตของมันจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ…ซอมบี้แบบนี้ ถ้าหากว่าไม่อยากให้หลิงม่อรับรู้ถึงตัวตนของมัน ก็อาจสามารถทำได้…
“ไม่ ไม่สิ ไม่ใช่อาจทำได้ แต่ต้องทำได้แน่นอน!” หลิงม่อเงยหน้ามองศพของ “ผลงานสำเร็จ” ในใจพลันอึ้งงัน “เจ้านี่หลบเลี่ยงพลังสัมผัสรู้ของเราได้ไม่ใช่หรอ? ถึงจะไม่รู้ว่ามันใช้วิธีไหน แต่จะต้องเกี่ยวข้องกับซอมบี้ตัวนั้นแน่! แย่แล้ว…เมื่อกี้ไม่ทันตระหนักเรื่องนี้ ความจริงแล้วจุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุดของเรื่องทั้งหมด ก็คือเจ้า ‘ผลงานสำเร็จ’ ตัวนี้!”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ซอมบี้ตัวนั้นจงใจให้เราเจอตัวมัน แต่มันทำไปเพื่ออะไร?” ความคิดของหลิงม่อหมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว มันทำเพื่อให้เราตระหนักได้ว่ามันกำลังหมายหัวเรา…มันรู้ว่าพวกเราในฐานะมนุษย์มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร ดังนั้นพวกเราไม่สามารถไปจากโกดังอาหารได้ง่าย และเพื่อกำจัดอันตราย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้ตำแหน่งของมัน ก็ทำได้เพียง…”
เมื่อต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวค่อยๆ เด่นชัดขึ้นในสมองของหลิงม่อ ม่านตาเขาพลันหดตัวทันที เขารีบมองลงไปข้างล่าง และปล่อยตัวเองลงไปโดยไม่รอช้า “ไปดูผู้หญิงคนนั้นเร็ว!”
กลุ่มคนที่รออยู่เบื้องล่างความจริงเห็นสายฝนเลือดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…ขณะที่เลือดเหล่านั้นโปรยปรายลงมาจากข้างบน พวกเขาตกตะลึง ทว่าไม่นาน เหล่าซอมบี้สาวก็ถอนหายใจโล่งอกก่อน
“ไม่ใช่ของพี่หลิง” ซย่าน่าอธิบายสั้นๆ หนึ่งประโยค จากนั้นก็พยายามเขย่งปลายเท้าสังเกตการต่อสู้ข้างบน ทว่าถึงแม้สายตาเธอจะดีแค่ไหน กลับถูกศพและใยแมงมุมจำนวนมหาศาลบดบังการมองเห็น จึงมองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยชัดนัก…
“ข้างบนกำลังทำอะไรกันน่ะ! สาดเลือดลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าวกันเลย!” มู่เฉินพูดขึ้น แต่ความจริงสายฝนเลือดดังกล่าวเพียงสาดลงมาที่มุมเดียว พวกเขาถึงแม้มองเห็นภาพนั้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นมีสภาพเลือดท่วมหัว นอกจากนี้ การตอบสนองต่อเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านี้ พวกเขาถือว่ายังพอมี…
“คงจะหาผลงานสำเร็จเจอแล้วล่ะ การวิจัยของแมงมุมยักษ์กับเจ้าซอมบี้นั่นสำเร็จแล้วจริงๆ ด้วย…หลังจากที่พวกมันสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้ เรื่องที่พวกมันจะทำต่อไปก็คือเพิ่มจำนวน…แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่ พวกมันถึงได้ทำให้เรื่องซับซ้อนขนาดนี้ อีกอย่างฉันว่า ส่วนสำคัญของเรื่องนี้ น่าจะเป็นเพื่อเอาใจซอมบี้ตัวนั้น เจ้าแมงมุมยักษ์สามารถกำราบอำเภอหลีหมิงได้อย่างง่ายดายไร้อุปสรรค คิดว่าคงเป็นเพราะมันถูกใช้เป็นหุ่นเชิด” ซย่าน่าวิเคราะห์
อวี่เหวินซวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ขณะกอดอกเตรียมจะวิเคราะห์ลึกเข้าไปอีกหนึ่งขั้น กลับได้ยินเสียงหลิงม่อตะโกนดังลงมาจากเบื้องบนทันที…
“ผู้หญิง…”
“หญิง…”
อวี่เหวินซวนแหงนหน้า มองเห็นเงาดำกลุ่มใหญ่ลอยลงมาจากฟ้าตามด้วยเสียง “โครม” ก็พลันหลับตาปี๋ตามสัญชาตญาณ…พอเขาลืมตาอีกครั้ง นอกจากเลือดที่กระเซ็นโดนใบหน้า ยังมีศพอีกหนึ่งศพที่นอนแบ็บอยู่ข้างเท้า…ผิวหนังของศพนี้ค่อนข้างโปร่งใส เห็นชัดว่าเป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป นอกจากนี้ สายตาของมันว่างเปล่าไร้จุดหมาย เหมือนหุ่นขี้ผึ้งที่ไร้วิญญาณ…
ทว่าเมื่อมันตายไปแบบนี้ ก็ย่อมไม่มีวิญญาณอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่มองมันครู่หนึ่ง อวี่เหวินซวนจึงเช็ดหน้าแล้วตะโกนลั่น “เชี่ย ใครทิ้งศพลงมามั่วๆ แบบนี้เนี่ย! ถึงจะไม่โดนหัวใคร แต่เลือดมันกระเด็นโดนคนอื่นเขานะโว้ย! เสื้อสูทของฉัน…เอ๊ะ ใช่สิ” อวี่เหวินซวนเพิ่งจะโวยวายสองประโยค อยู่ๆ ก็ถามสีหน้าจริงจัง “เมื่อกี้นายบอกว่า ระวังผู้หญิงคนนั้น?”
เวลานี้ หลิงม่อทิ้งเท้าสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบา ทันทีที่ยืนมั่นคง ก็รีบพูดว่า “ผู้หญิงคนที่ถูกพวกเราตีสลบเมื่อกี้ไง!”
“เธอถูกพวกเราทิ้งไว้ในห้องแล้วไม่ใช่หรอ?” สวี่ซูหานถาม
“ก็ใช่…แต่ว่าเธอมีพิรุธ! ช่างเถอะ ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว” หลิงม่อโบกมือ หลังจากมองไปรอบๆ ก็รีบติดต่อเฮยซือทันที “พวกเธออยู่ไหน?”
“เพิ่งจะเรียกพวกกู่ซวงซวงเข้ามา ตอนนี้ซือหรานกับฉันกำลังเตรียมตัวซุ่มโจมตีซอมบี้ตัวนั้นอยู่…”
เฮยซือยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินหลิงม่อพูดแทรกขึ้นอย่างรีบร้อน “ฟังฉันนะ ไม่ใช่แค่ซอมบี้ตัวนั้น แต่ต้องระวังผู้หญิงคนนั้นด้วย! เดี๋ยวก่อน…” เขาพลันสะท้านวาบ รีบถามขึ้นว่า “เธอบอกว่ากู่ซวงซวง…ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
“ฉันบอกทางให้พวกเขาแล้ว ตอนนี้กำลังไปหาพวกนายล่ะมั้ง” เฮยซือบอก
หลิงม่อรีบเงยหน้า มองหน้าทุกคน “พวกกู่ซวงซวงตกอยู่ในอันตราย…”
ทันทีที่เห็นสีหน้าหลิงม่อ ทุกคนพลันใจเต้น “ตึกตัก” ทันที…
ขณะเดียวกันนั้น ณ ช่องทางเดิน…
ต่อกแต่ก…
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังต่อเนื่อง พร้อมกับแสงไฟฉายที่สาดส่องไปทั่วบริเวณ และค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้ส่วนลึกของช่องทางเดินช้าๆ
กู่ซวงซวงถือไฟฉายเดินนำหน้า ใบหน้าฉาบไปด้วยความหวาดกลัว เธอมองซ้ายมองขวาไปที่ผนังสองด้าน กระทั่งไม่ลืมสังเกตพื้นใต้เท้า และห่างออกไปข้างหลังไม่ไกล ก็คือผนังฝังศพที่ถูกพวกหลิงม่อขุดทิ้งไว้…
“วางใจเถอะ ข้างหน้าไม่น่าจะมีศพเพิ่มขึ้นแล้ว” เจ้าลิงผอมก็กำลังเดินตามหลังมาอย่างเบามือเบาเท้า แม้แต่เสียงพูดก็ยังสั่นไปด้วย
“จะ…จริงด้วย…” กู่ซวงซวงฝืนฉีกยิ้ม “พวกหัวหน้าอยู่แค่ข้างหน้านี้แล้ว ทางเส้นนี้…พวกเขาเคยเดินผ่านหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว…”
“ใช่แล้ว…” เจ้าลิงผอมยิ้มฝืดเฝื่อน พลางตอบรับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเงียบ แต่ยินเสียงสะท้อนของฝีเท้า ในสมองก็นึกถึงผนังฝังศพที่อาจโผล่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ สีหน้าของทั้งสองพลันมีแววหวาดกลัวพาดผ่าน…
“คือว่า…นายเดินเบาๆ หน่อยได้ไหม…” กู่ซวงซวงอดพูดขึ้นไม่ได้
เจ้าลิงผอมชะงัก จากนั้นก็พูดอย่างสงสัย “ฉันเบามากแล้วนะ เธอต่างหากที่เดินเสียงดังกว่า…”
“อะไรกัน…” กู่ซวงซวงเม้มปาก พลันตัดสินใจหยุดเดิน หลังเงี่ยหูฟัง ก็พูดอย่างเอือมระอาว่า “ดูสิ นายต่างหากที่เดินเสียงดัง”
ต่อกแต่ก…ต่อกแต่ก…
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” กู่ซวงซวงรอหนึ่งวินาที แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เธอหันหลังไป แต่กลับเห็นเจ้าลิงผอมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม…
“แค่บอกว่านายเดินเสียงดัง แค่นี้นายก็โกรธแล้วหรอ?” กู่ซวงซวงถอนหายใจ แล้วถาม ขณะเดียวกันก็สาดแสงไฟฉายไปที่เจ้าลิงผอม
ทว่าเมื่อใบหน้าของเจ้าลิงผอมปรากฏภายใต้แสงสว่าง กู่ซวงซวงก็อึ้งงันไป
เขากำลังมองเธอด้วยสายตาที่หวาดกลัวสุดขีด ขณะเดียวกันก็พูดเสียงสั่นๆ ว่า “มะ…เมื่อกี้ตอนที่เธอหยุดเดิน…ฉันก็หยุดเดินเหมือนกัน…”
กู่ซวงซวงครุ่นคิดหนึ่งวินาที ไม่นานไอเย็นพลันแผ่ซ่านจากปลายเท้าพุ่งขึ้นมาถึงหัว “ถ้าหาก…ฉันไม่ได้ส่งเสียง แล้วนายก็ไม่ได้ส่งเสียงเหมือนกัน ถ้างั้น…ถ้างั้นเสียงฝีเท้าที่เกินมา…เป็นของใครล่ะ?”
เพิ่งจะสิ้นประโยคของเธอ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดทันที…
ต่อกแต่ก…ต่อกแต่ก…
เสียงนี้ ดังขึ้นข้างหลังพวกเขา…