บทที่ 1107 สิบวินาทีอันลุ้นระทึก

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“กรี๊ดด!”

ท่ามกลางความมืดมิด เสียงหวีดร้องของหญิงสาวพลันดังมา ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนเป็นทอดๆ ในช่องทางเดิน

“เสียงกู่ซวงซวง…พวกเขาอยู่ข้างหน้า!” มู่เฉินม่านตาหดตัว พลันพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

ทุกคนพลันตึงเครียด…ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่หลิงม่อเป็นห่วง กลับเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้…

“อีกฝ่ายเตรียมตัวมาก่อน พวกเราไม่ทันตั้งตัว สรุปว่า ทุกคนเร่งความเร็วกันเถอะ…” หลิงม่อพูดเสียงเครียด พร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้าทันใด ราวกับถูกเชือกที่มองไม่เห็นกระชากออกไป ถึงแม้ฝีเท้าดูไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตำแหน่งของเขากลับพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว…

พวกซย่าน่าเองหลังจากที่สบตากัน ก็เร่งความเร็วกันอย่างพร้อมเพรียง เดิมเหล่าซอมบี้สาวก็วิ่งนำหน้ากลุ่มคนอยู่แล้ว หลังจากเร่งความเร็วกะทันหัน พวกเธอก็พลันหายลับไปในความมืดอย่างรวดเร็ว มีเพียงหลิงม่อที่เวลานี้มีขอบเขตการมองเห็นเหมือนกับพวกเธอ…เขากำลังสังเกตสถานการณ์เบื้องหน้า ผ่านมุมมองสายตาของเย่เลี่ยนที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว…

ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่เร่งความเร็วอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างนี้ ดวงตาของพวกเย่เลี่ยนจึงต้องเผยสีที่แท้จริงออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่กลิ่นอายซอมบี้ที่ถูกพวกเธอข่มไว้ ก็เริ่มปรากฏออกมาทีละนิดๆ…

สำหรับซอมบี้ตัวนั้น นี่อาจเป็นการท้าทายบางอย่างก็ว่าได้…ขณะเดียวกัน ก็เป็นคำเตือนด้วยเช่นกัน!

“ทั้งสองคนต้องอดทนไว้นะ…สิบวิ ขอเพียงสิบวิเท่านั้น…” หลิงม่อคิดในใจ…

“ชู่ว…เธออย่า…เธออย่าพูด…มันจะมาแล้ว…”

ณ มุมหนึ่งในช่องทางเดิน ดวงตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องข้างนอกผ่านช่องว่างเส้นหนึ่ง หลังจากพูดเสียงเบา เจ้าลิงผอมก็หันใบหูแนบติดกับช่องว่าง เพื่อฟังเสียงรอบๆ อย่างหวาดกลัว…

และสิ่งที่ถูกพวกเขาใช้กำบัง กลับเป็นผนังฝังศพที่ถูกพวกหลิงม่อขุดทิ้งไว้…

ท่ามกลางศพมากมายตรงนั้น กู่ซวงซวงยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อน ยกมือปิดปากปิดจมูกตัวเองแน่น ถึงแม้เวลานี้รอบด้านเงียบสงัด แต่จากสัมผัสทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงกลิ่นเน่าเหม็นที่โชยออกมา กู่ซวงซวงก็พอจะนึกภาพออก ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพไหน…เดิมทีศพเหล่านี้เพียงมองเหลือบมองครู่เดียว เธอก็อดรู้สึกขนลุกไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้เพื่อมีชีวิตรอด พวกเขากลับจำเป็นต้องหลบอยู่ตรงนี้อย่างไม่มีทางเลือก…

ต่อกแต่ก…ต่อกแต่ก…

เวลานี้เอง เสียงฝีเท้านั่นพลันดังขึ้นมาอีกครั้ง

“อื้อ!” กู่ซวงซวงตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เธอรีบกลั้นหายใจ สายตาตื่นตระหนกจดจ้องไปข้างหน้าเขม็ง…ยิ่งมองไม่เห็นสภานการณ์รอบข้าง กู่ซวงซวงก็ยิ่งลนลานหวาดกลัว…และเสียงฝีเท้านั่น ก็เหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว…

“อย่าเข้ามานะ…”

นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ กู่ซวงซวงยิ่งขวัญหนีดีฝ่อ…

“มัน…มันอยู่ข้างหลังฉัน…”

ขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าปรากฏข้างหลัง กู่ซวงซวงพลันตัวแข็งทื่อ เธอไม่กล้าหันหลังไปดู ทำได้เพียงจ้องหน้าเจ้าลิงผอมอยู่อย่างนั้น…ทว่าแค่เห็นสายตาของเจ้าลิงผอม เธอก็ได้คำตอบแล้ว…

เสียงฝีเท้านั้นเดินมาถึงด้านหลังเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พลันเงียบไป…ไม่ต้องเดาก็รู้แล้ว เวลานี้เจ้าของเสียงฝีเท้าจะต้องยืนอยู่ข้างหลังเธอ และกำลังจ้องท้ายทอยเธออย่างเงียบงันอยู่แน่นอน…กู่ซวงซวงกระทั่งรู้สึกได้ว่า ลมหายใจอันแผ่วเบาของอีกฝ่ายกำลังรดอยู่ที่ต้นคอของเธอ…

แต่ถึงแม้ว่าในใจลนลานหวาดกลัวสุดขีด แต่ประสบการณ์การต่อสู้เอาตัวรอดที่ได้จากการฝึกฝนและลงสนามจริงมานับครั้งไม่ถ้วน ก็ยังผุดขึ้นมาในสมองของกู่ซวงซวง เธอปิดไฟฉายแทบจะในทันที ขณะเดียวกันพลันปล่อยพลังคลื่นสะท้านไปด้านหลัง และรีบออกวิ่งโดยไม่หันไปมองทันที “กรี๊ดดด! รีบหนีเร็ว!”

เจ้าลิงผอมตอบสนองทันเวลา เสี้ยววินาทีที่ไฟฉายถูกปิด เขาก็รีบหมุนกายเปลี่ยนทิศ พุ่งตัววิ่งออกไปพร้อมกับกู่ซวงซวงสุดชีวิต

ทว่าทั้งสองรู้ดีว่าพลังต่อสู้ของตัวเองไม่แกร่งพอ ความเร็วก็ด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด หลังจากวิ่งพุ่งมาถึงผนังฝังศพที่อยู่ใกล้ๆ เจ้าลิงผอมก็วิ่งเข้ามาหลบในผนังพร้อมกับกู่ซวงซวงทันที…พวกเขายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกองศพเหล่านั้น ไม่กล้าแม่แต้จะหายใจเต็มปอด…

“ที่เจ้าลิงผอมเห็นเมื่อกี้…ใช่คนหรือเปล่า? แต่ถ้าหากเป็นคน เขาไม่น่าจะทำหน้าแบบนั้นนี่…แต่ไม่ว่ายังไง ศพพวกนี้สามารถบังพวกเราไว้ได้ แล้วยังกลบกลิ่นอายพวกเราได้อีกด้วย…แต่ว่าตอนที่พวกเราเบียดตัวเข้ามา ศพต้องถูกขยับแน่นอน ถ้าหากว่ามันเห็นอะไรอยู่ผิดที่ผิดทางเข้า งั้น…ไม่ ไม่หรอกน่า รายละเอียดเล็กน้อยแค่นี้ มันคงไม่สังเกตเห็นหรอก…”

กู่ซวงซวงครุ่นคิดอย่างสุดความสามารถ…ถึงแม้ในแต่ละวันพวกเขารู้ว่าตัวเองอาจต้องเผชิญหน้ากับอันตรายถึงตายทุกเมื่อ แต่เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึงจริงๆ กู่ซวงซวงถึงเพิ่งค้นพบว่า อันตรายที่เคยประสบมามากมาย และความไม่แน่นอนต่างๆ ในอนาคต ไม่ได้ทำให้เธอเลิกกลัวความตายได้เลยแม้แต่น้อย…ความจริงแล้ว มันกลับยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวกว่าเดิม…

“ฉันยังไม่อยากตาย…ฉันจะตายอยู่ที่นี่อย่างนี้ไม่ได้!” กู่ซวงซวงคิดในใจ ขณะเดียวกันก็ภาวนาในใจอย่างสุดชีวิต “ขออย่าให้หาพวกเราเจอเลย อย่าให้มันหาพวกเราเจอเลย!”

ต่อกแต่ก…ต่อกแต่ก…

เสียงฝีเท้าเข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ แม้แต่เจ้าลิงผอมก็ยังหดตัวเข้าไปข้างในเล็กน้อย เทียบกับกู่ซวงซวง เขาต้องได้ยินเสียงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นั้นชัดเจนกว่าอย่างแน่นอน ถึงแม้เวลานี้เจ้าลิงผอมจะไม่ส่งเสียงซักแอะ แต่กู่ซวงซวงที่อยู่ข้างๆ กลับรรู้สึกได้…อยู่ๆ เขาก็ลนลานหนักกว่าเดิม…

ต่อกแต่ก…

เสียงฝีเท่าพลันหยุด…กู่ซวงซวงหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตอนนี้เธอมั่นใจแล้ว อีกฝ่ายอยู่นอกผนัง! มันกำลังจ้องพิจารณาผนังฝังศพเหล่านั้น…ไม่แน่ว่า มันอาจมองลอดเข้ามา และเห็นพวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในนี้แล้ว…

ฝ่ามือของกู่ซวงซวงที่กำลังกำไฟฉายแน่นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอเลื่อนนิ้วมือไปที่ปุ่มเปิดปิด ขณะเดียวกันก็ตั้งตารออย่างแตกตื่น…

“มันตามมาได้เร็วขนาดนี้ แสดงว่าพลังคลื่นสะท้านเมื่อกี้ใช้ไม่ได้ผลกับมันนัก…แต่ถ้าหากว่าใช้ไฟฉายส่องตามันกะทันหัน หรือขว้างออกไปหลังจากกดเปิด น่าจะทำให้มันละสายตาและไขว้เขวได้ชั่วคราว อย่างนั้น พวกเราก็จะหนีไปได้อีกครั้ง…” ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ กู่ซวงซวงกลับรู้สึกว่ามีสติกว่ายามปกติด้วยซ้ำ… “อีกอย่างเสียงกรีดร้องของเราเมื่อกี้ น่าจะดังพอที่จะดึงดูดความสนใจของพวกหัวหน้าแล้วล่ะ…”

ทว่าพอคิดถึงตรงนี้ กู่ซวงซวงก็อดรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาไม่ได้ เพราะว่า เธอไม่รู้เลยว่าช่องทางเดินเส้นนี้ลึกแค่ไหน และพวกเธอ จะอดทนไปได้อีกนานเท่าไหน่…

ต่อกแต่ก…

ในขณะที่กู่ซวงซวงทนไม่ไหวและกำลังจะลงมือทำตามแผน เสียงฝีเท้านั้นก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ มันกลับไกลออกไปเรื่อยๆ…

หลังผ่านไป 2 – 3 วินาที กู่ซวงซวงจึงค่อยคลายฝ่ามือออกอย่างไม่อยากเชื่อ…

เนื่องจากกำแน่นเกินไป เธอกระทั่งรู้สึกได้ว่าแขนเริ่มสั่น…และสิ่งที่สั่นไปพร้อมกัน ยังมีร่างกายของเธอด้วย…ถ้าหากไม่ใช่ว่ารอบตัวมีแต่ศพ ป่านนี้เธอคงไถลตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงไปแล้ว…

เจ้าลิงผอมเองก็ปล่อยมือที่ปิดปากปิดจมูกแน่นออกด้วย เขาหอบหายใจถี่ระรัว ขณะเดียวกันก็มองไปยังทิศทางที่เสียงฝีเท้าหายลับไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ไม่นาน เขาก็ยื่นมือออกไปแหวกศพที่อยู่ข้างหน้าออก…

“เอาล่ะ ฉวยโอกาสนี้พวกเรารีบวิ่งไปทางตรงข้ามกันเถอะ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดมันย้อนกลับมา พวกเราต้องถูกจับได้แน่” เจ้าลิงผอมพูดเสียงเบา พลางเบี่ยงตัวมุดออกมาจากช่องว่างระหว่างศพสองศพ

“ได้…โชคดีมากเลย…มันไม่เห็นพวกเราจริงๆ ด้วย…” กู่ซวงซวงพึมพำอย่างนึกดีใจหนึ่งประโยค

แต่เพิ่งสิ้นเสียงพูดของเธอ เจ้าลิงผอมที่เพิ่งจะมุดออกไปได้ครึ่งตัวพลันตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วย!”

แต่ว่า…เขาตะโกนช้าไปเสียแล้ว…

กว่ากู่ซวงซวงจะได้สติ และรีบยื่นมือออกไปคว้าตัวเขา เจ้าลิงผอมก็ถูกบางสิ่งลากออกไปก่อนแล้ว…

“กรี๊ดดด! เจ้าลิงผอม!” กู่ซวงซวงกรีดร้องเสียงดังทันใด

เธอเพิ่งตระหนักอย่างแท้จริง ที่แท้เจ้าสิ่งนั้นแค่หลอกพวกเธอ! มันไม่ได้ไปไหน แต่กำลังลอบสังเกตการณ์ในความมืด…ในเมื่อมันไม่ได้เข้ามาโจมตีโดยตรง นั่นก็แสดงว่า ความจริงมันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จึงตัดสินใจแอบสังเกตเงียบๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นวิธีที่รอบคอบปลอดภัย และร้ายกาจเป็นที่สุด…

และเพราะรีบร้อนหนีจากอันตราย พวกกู่ซวงซวงจึงเดินไปชนกับปากกระบอกปืนนี้อย่างไม่นึกแคลงใจซักนิด…

กู่ซวงซวงยืนอยู่ในกองศพ ตัวแข็งทื่อราวกับยืนอยู่ในโรงน้ำแข็ง! โชคดีที่เธอตั้งสติอย่างรวดเร็ว กัดฟันกรอด แล้วมุดออกมาจากช่องว่าง พลันกดปุ่มเปิดไฟฉายทันใด

แต่เมื่อเธอสาดแสงไฟฉายไปทั่วบริเวณ กลับค้นพบเรื่องน่ากลัวเรื่องหนึ่ง…

ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีที่เธอนิ่งอึ้งไปเมื่อกี้ เจ้าลิงผอมหายตัวไปแล้ว! แม้แต่สิ่งที่ลากตัวเขาไปเป็นตัวอะไร กู่ซวงซวงก็มองไม่เห็นแม้แต่น้อย…

“จะ…เจ้าลิงผอม?”

เสียงของกู่ซวงซวงสั่นเทา…ก่อนหน้านี้นักบินจางเส่อก็ตาย ตอนนี้ก็เกิดเรื่องกับเจ้าลิงผอมอีก…พวกเขาล้วนเป็นผู้รอดชีวิตมากประสบการณ์ที่รอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้เชียวนะ! อย่างน้อยทักษะการเอาตัวรอดพื้นฐาน พวกเขาล้วนมี โดยเฉพาะเจ้าลิงผอม เขายังเป็นถึงผู้มีความสามารถพิเศษด้วยซ้ำ…

แต่เห็นชัดว่า ขณะเดียวกับที่มนุษย์กำลังพยายามปรับตัว สัตว์ประหลาดเหล่านี้ก็กำลังวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวด้วยเช่นกัน…มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิตรอดไปได้ตลอด…

“ไม่ได้…เจ้าลิงผอมจะตายไมได้…ถ้าหากเมื่อกี้ฉันรอบคอบกว่านี้ล่ะก็ เจ้าลิงผอมคงไม่ต้องถูกเอาตัวไป…” กู่ซวงซวงถือไฟฉายส่องไปรอบๆ อย่างร้อนใจ ทันใดนั้น บนพื้นที่อยู่ไม่ไกล เธอมองเห็นเศษผ้าชิ้นหนึ่ง…

“นี่มันของเจ้าลิงผอม!”

ปกติเจ้าลิงผอมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแทบจะตลอดเวลา ดังนั้นเรื่องสีและเนื้อผ้าของเสื้อผ้าเขา ล้วนง่ายต่อการแยกแยะ

“โชคดีที่ไม่มีเลือดติดอยู่…หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะฆ่าเขาทันที…ใช่แล้ว ถ้าเมื่อกี้มันคิดจะซุ่มโจมตีฉัน ก็อาจมีโอกาสทำสำเร็จ แสดงว่าจุดประสงค์ของมัน ไม่ใช่ฆ่าพวกเราทันที แต่คิดจะกินพวกเราหลังเสร็จเรื่องทั้งหมดสินะ…”

กู่ซวงซวงส่องไฟฉายไปที่เศษผ้าชิ้นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมั่นใจว่าไม่มีร่องรอยเลือดใดๆ อยู่จริงๆ…