ภาคที่ 2 บทที่ 173 ค้น (1)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 173 ค้น (1)

จี้ลั่วอวี่กอดร่างผีเยวี๋ยนหงไว้แน่นแล้วกลิ้งไปกับพื้น

เขากลิ้งไปราวเจ็ดถึงแปดตลบก่อนจะเงยหน้าขึ้น พบว่าเขาถูกหุ่นเชิดเหล็กลอบโจมตีเข้า

เจ้าหุ่นเชิดโจมตีครั้งแรกพลาดไป แต่หมัดต่อมามันหันไปโจมตีซูเฉิน ทำให้ชายหนุ่มรีบหลบไปด้านข้าง ก่อนหมัดเหล็กกระแทกเข้ากับผนังเหล็ก เกิดเสียงเหล็กปะทะกันดังสนั่น

ซูเฉินวาดมืออกมา ระเบิดเหยี่ยวเพลิงฉบับปรับปรุงพุ่งเข้าปะทะหุ่นเชิดเหล็ก ส่งร่างมันกระเด็นไป

ระเบิดเหยี่ยวเพลิงฝูงหนึ่งถูกซัดออกไปติด ๆ กัน ปะทะร่างหุ่นเชิดเหล็ก ก่อนจะระเบิดออกมาเป็นแสงคล้ายดอกไม้ไฟ

หุ่นเชิดเหล็กเองก็ไม่ใช่ว่าอ่อนแอ มันมีกำลังเทียบขั้นได้กับผู้เชี่ยวชาญด่านกลั่นโลหิต หากแต่ซูเฉินฉวยจังหวะที่ปล่อยการโจมตีแรกออกไปพลิกสถานการณ์ มันไม่อาจโต้การโจมตีของเขาได้เลย ทำได้เพียงถูกเหยี่ยวเพลิงกระหน่ำระเบิดเข้าร่าง เมื่อเหยี่ยวไฟหมดลงมันก็ล้มลงกับพื้น

ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่อาจถูกตัวซูเฉินเพียงครั้ง

จี้ลั่วอวี่เห็นแล้วก็อึ้งไป หันไปชูนิ้วโป้งให้ซูเฉิน “ศิษย์พี่ซูเก่งมาก !”

กายหุ่นเชิดเหล็กนั้นอาจมีพลังเทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญด่านกลั่นโลหิตระดับสูง แต่ความสามารถในการปรับตัวของมัน แค่เทียบกับมนุษย์ปกติยังนับว่าเทียบไม่ได้ ดังนั้นซูเฉินจึงเอาชนะมันได้อย่างไม่ตึงมือ

“ผ่านไป 3 หมื่นปี เจ้าพวกนี้ยังจะเคลื่อนไหวได้อยู่อีก แปลกนัก” ซูเฉินเดินเข้าไปพร้อมเอ่ยขึ้น ลองตรวจดูเครื่องกลภายในร่างของหุ่นเชิดนั้น

“เห็นสิ่งใดหรือไม่ ?” จี้ลั่วอวี่ถามขึ้นแล้วเดินไปข้าง ๆ ซูเฉิน

ซูเฉินล้วงมือเข้าร่างเจ้าหุ่นเชิดไปแล้วดึงผลึกแก้วออกมาพินิจพิเคราะห์ดู “ด้านในมีเพียงแกนพลังต้นดำเนิดแบบดั้งเดิมเท่านั้น ไม่มีอื่นใดพิเศษอีก อยู่ได้ไม่ถึง 3 ปี ดังนั้น 3 หมื่นปีไม่ต้องกล่าวว่าจะได้หรือไม่”

“เช่นนั้นเหตุใดมันจึงยังขยับได้เล่า ?” จี้ลั่วอวี่สับสนนัก

ซูเฉินโยนแกนพลังงานทิ้งไป

มันไม่นับว่ามีมูลค่าอันใดด้วยซ้ำ

“เพราะมันยังใหม่อยู่” ซูเฉินลุกขึ้น

“ใหม่ ?”

“ถูกต้อง ใหม่” ซูเฉินว่าแล้วเดินเข้าห้องไป

ปกติแล้วกระทั่งสมบัติล้ำค่าทั้งหลายยังสิ้นสลายไปหลังจากเวลาผ่านไป 3 หมื่นปี คงจะมีก็แต่ของระดับเซียนเท่านั้นกระมังที่จะสามารถเอาชนะกาลเวลายาวนานเช่นนั้นได้

หากแต่สถานที่นี้กลับไม่ถูกกาลเวลาทำร้ายแม้เพียงนิด ราวกับเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงวันหนึ่ง วัตถุดิบทั้งหลายที่ยังไม่ถูกใช้ทดลองยังคงตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะทดลอง ทั้งยังมีของมากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ซูเฉินรู้ดีว่าเช่นนี้ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องที่กาลเวลาผ่านไปนานเพียงไหน แต่มีค่ายกลพลังต้นกำเนิดที่มีกำลังสูงส่งได้ผิดผนึกที่นี่ไว้ต่างหาก ช่วยรักษษของทุกอย่างภายในห้องนี้ให้มีสภาพดังเดิมไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา

เช่นนี้คือวิธีที่เผ่าอาร์คาน่าใช้รักษาสภาพวัตถุ ทำให้มั่นใจได้ว่าสมบัติต่าง ๆ ของพวกเขาจะไม่เสื่อมสลายไป

ด้วยเหตุนี้ผู้เหลือรอดของเผ่าจึงสามารถค้นหาสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ภายในซกโบราณของอาณาจักรอาร์คาน่าได้

หากแต่ค่ายกลพลังต้นกำเนิดประเภทปิดผนึกส่วนมากก็มีระยะเวลาเช่นเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าประสิทธิภาพก็จะลดลงช้า ๆ ในที่สุดก็จะถูกกาลเวลากลืนหายไปเช่นกัน และด้วยเหตุนี้ สมบัติทั้งหลายที่ค้นพบมาจึงมีสภาพทรุดโทรม ไม่อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมายนัก มีแต่สมบัติที่มีพลังสูงส่งเท่านั้นที่จะสามารถคงอยู่ในระยะเวลายาวนานเช่นนี้ได้

แต่กับที่นี่มันไม่ใช่เช่นนั้น

เวลา 3 หมื่นปีผ่านพ้นไป หากแต่ค่ายกลพลังต้นกำเนิดนี้ยังคงทำงานได้ดี รักษาสภาพของวัตถุภายในไว้ได้อย่างสมบูรณ์

แต่ด้วยอย่างไรก็ผ่านมานานหลายหมื่นปีแล้ว สิ่งที่มีพลังงานชีวิตบรรจุอยู่ภายในจึงไม่อาจกักเก็บพลังชีวิตไว้ได้แม้จะมีค่ายกลปกป้องอยู่ก็ตาม แม้วัตถุดิบบนโต๊ะทดลองจะยังอยู่ในสภาพดี แต่พลังงานที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ภายในก็ได้สลายหายไปนานแล้ว ทำให้มันคล้ายกับหินไร้ชีวิตก้อนหนึ่งเท่านั้น

โชคดีที่ซูเฉินไม่ได้หวังว่าตนจะเจอสมบัติอย่างบัวสีเลือดพันปี สิ่งที่เขาต้องการคือความรู้ต่างหาก

เขาหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นจากโต๊ะแล้วเริ่มเปิดอ่านดูคร่าว ๆ ตำราเล่มนี้เป็นตำราบันทึกผลการทดลอง

เขาใช้ความรู้จากที่ร่ำเรียนอักษรโบราณอาร์คาน่ามาระยะหนึ่ง สามารถอ่านเข้าใจเนื้อหาด้านในได้บ้าง ตำราส่วนมาเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการทดลองทั้งสิ้น

ดังนั้นชายหนุ่มจึงเก็บตำราเล่มนั้นไว้แล้วออกค้นหาต่อ

ด้วยเวลาผ่านไปนานพอสมควรแล้ว ของทั้งหลายในนี้จึงสูญเสียพลังงานไปจนเกือบหมด ไม่หลงเหลือมูลค่าอันใดอยู่อีก

จี้ลั่วอวี่ลองค้นหาดูคร่าว ๆ แต่ก็ไม่พบสิ่งมีมูลค่าใด ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ “น่าเสียดายที่ของพวกนี้ไม่มีสิ่งใดมีประโยชน์สักอย่าง”

“การหาสมบัติในซากโบราณอาร์คาน่านั้นขึ้นอยู่กับดวงล้วน ๆ อย่าได้รีบร้อนไป” ซูเฉินหัวเราะ

สำหรับเขาแล้ว ไม่มีสมบัติใดล้ำค่าไปมากกว่าความรู้

สมบัติทั้งหลาย เมื่อกาลเวลาผ่านไปมันก็สลายไป หากแต่กาลเวลาไม่อาจทำให้ความรู้สลายหายไปได้

ดังนั้นซูเฉินจึงได้สมบัติติดมือมาบ้าง

ด้วยที่นี่เป็นห้องทดลอง ดังนั้นจึงมีตำราอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ยังมีบันทึกการทดลองกระจัดกระจาอยู่ทั่วทุกที่

หากเป็นตำราที่มีสิ่งใดเขียนอยู่ ซูเฉินก็จะเก็บเอาไว้ทั้งหมด

หลังจากวนหาของดูรอบห้องคราหนึ่งแล้ว ซูเฉินก็กำลังจะเดินจากไป แต่ทว่าสายตาของเขาพลันตวัดไปเห็นสมุดเล่มเล็กที่ตกอยู่บนพื้นเข้าเสียก่อน

เขาลองเปิดมันอ่าน พบว่าเป็นสมุดบันทึกเก่า ๆ เล่มหนึ่ง

บันทึกเล่มนี้มีสภาพย่ำแย่มาก ข้อมูลที่สามารถถอดออกมาได้มีเพียงตรงนั้นตรงนี้บางส่วนเท่านั้น

“…… ในที่สุดก็มาถึงห้องทดลองของผ้าเท่อลั่วเค่อ ข้าตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก ! ข้าเชื่อว่าที่นี่จะต้องเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางอันรุ่งโรจน์ของข้าเป็นแน่”

“…… คือแผนของอาจารย์หรือ ? ลึกล้ำเกินไปแล้ว มหัศจรรย์มากจริง ๆ! อาจารย์ช่างมากความสามารถ ข้าจะเดินตามรอยเท้าไปแล้วจะทำความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขาให้เป็นจริงเอง !”

“…… การทดลองล้มเหลว แต่นั่นไม่สำคัญ อีกไม่นานเราต้องทำสำเร็จแน่”

“…… ดูท่าช่วงนี้โชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเราสักเท่าไร”

“…… ช่วงนี้ข้านอนไม่ค่อยหลับ มีเสียงประหลาดดังอยู่ในหัวข้าตลอด เป็นเสียงคล้ายกับเสียงคนร่ำไห้และอ้อนวอนบางอย่าง”

“…… ทาสของข้าตายอีกแล้ว เจ้าโง่พวกนี้ซุ่มซ่ามนัก ครั้งนี้ข้าให้มันทำงานจนตาย หวังว่าทาสของข้าคนใหม่จะมีสมองมากกว่านี้สักหน่อย”

“…… โชคร้ายจริง ๆ! ข้าได้ทาสที่เป็นสตรีมา……”

“…… นางมีนามว่าอี นางมีดวงตาที่งดงามนัก”

“…… ช่วงนี้การทดลองออกมาไม่ดีเท่าไรนัก ปัญหาค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เบื้องบนรู้สึกว่าพวกเราใช้ทรัพยากรไปอย่างเปล่าประโยชน์ ดังนั้นจึงมีแผนจะหยุดการทดลองไว้เท่านี้ อาจารย์โกรธมาก”

“…… อีไม่สบาย ข้าเป็นห่วงนางมากจึงนอนไม่หลับ เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน ? นางเป็นเพียงมนุษย์ชั้นต่ำน่ารังเกียจเท่านั้น ข้าไม่ควรกังวลเรื่องนางสิ”

“…… แย่แล้ว”

“…… ข้ารู้สึกราวกับโลกกำลังจะถึงจุดจบ”

“…… สุดท้ายสิ่งมีชีวิตก็ต้องตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกเรากำลังใฝ่หาอาจไม่ผลิดอกออกผลก็เป็นได้”

“…… ข้าได้ยินเสียงอีกรีดร้องในหัวอีกแล้ว สิ่งนี้ทำให้ข้าเกรงกลัวนัก สถานที่นี้ถูกปีศาจครอบครองไปแล้ว…… ปีศาจที่พวกเราสร้างขึ้น”

“…… การทดลองล้มเหลวอีกครั้ง อาจารย์เดือดดาลมาก สังหารทาสคราเดียว 12 คน พวกเราเกรงกลัวเขามาก ไม่รู้ต้องทำอย่างไร”

“…… อาจารย์ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นทุกที เหมยอิงคิดว่าอาจารย์คงจะแอบใช้มันกับตนเองเป็นแน่ แค่คิดดูข้าก็กลัวมากแล้ว”

“…… ครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ ใจข้าเต็มไปด้วยความหวัง ข้าคิดว่าจะสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกราวกับตกอยู่ในขุมนรก ใช่แล้ว ที่นี่มันนรกชัด ๆ”

“…… เหมยอิงตายแล้ว เป็นอาจารย์ที่สังหารเขา”

ซูเฉินพลิกอ่านบันทึกจนถึงหน้าสุดท้าย

“ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงในวันนี้!”