แต่ถึงอย่างไรมู่เฉียนซีก็ได้มาถึงโบราณสถานแห่งนี้อย่างปลอดภัย มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้าปลาหมึก ประตูทางเข้านี้เปิดอย่างไรหรือ ?”
เจ้าปลาหมึกกล่าวตอบ “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน หน้าที่ข้าเพียงแค่เฝ้าตรงนี้เอาไว้ไม่ให้มีใครเข้ามาใกล้ได้ ส่วนจะเปิดเข้าไปอย่างไรนั้นข้าไม่รู้”
“เรียกหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา มันกับหม้อเทพนิรันดร์มีความรู้สึกสื่อถึงกันได้ มันอาจจะมีวิธีในการเปิดประตูโบราณสถานแห่งนี้ได้ก็ได้” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเชื่องช้า
แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้น มู่เฉียนซีเรียกหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา จิตวิญญาณของหม้อเทพปาฮวางชิงมู่กำลังหลับใหลอยู่ แต่เมื่อเข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้ พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็แผ่ซ่านออกมาทันที
“แค่ก ๆ”
“นายท่าน วิธีการเปิดโบราณสถานนี้ง่ายมาก เพียงแค่นายท่านตะโกนรหัสคำกล่าวออกมาก็จะสามารถเปิดได้”
“แล้วรหัสคำกล่าวคืออะไรรึ ?”
“ข้ารักเจ้าชั่วนิจนิรันดร์…” หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ผู้น่าสงสาร ได้ต่อสู้กับอันธพาลมานานหลายปี ผู้ใดจะคิดว่าจะต้องกล่าวคำที่ชวนขนลุกออกมาเช่นนี้
“หืม ? ชิงมู่ เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้กล่าวอะไรผิดไป ?” มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย รหัสคำกล่าวนี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง
มู่เฉียนซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ขะ ข้า……”
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ “นายท่าน อดทนกล่าวออกมาเพียงเล็กน้อยก็ผ่านมันไปได้แล้ว นายท่านคิดเสียว่ากล่าววาจาลอย ๆ ไปกับอากาศก็ได้”
“ข้ารักเจ้าชั่วนิจนิรันดร์” มู่เฉียนซียอมกล่าวออกมาในที่สุด
ในขณะเดียวกันนั้น นางไม่รู้ว่าจิ่วเยี่ยปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่ “ซี… เจ้ากำลังบอกรักข้าหรือ ? เพียงแต่… ข้าคิดว่าชั่วนิจนิรันดร์คงไม่พอ”
มู่เฉียนซี “เอ่อ… จิ่วเยี่ย เอ่อ… คือเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
“แต่ข้าคิดจริง ๆ”
“อ๊ะ! อืม…”
จิ่วเยี่ยรับคำสารภาพรักของมู่เฉียนซี เขาโน้มใบหน้างามลงจุมพิตรับรักนาง แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกโกรธนั่นก็คือ แท้จริงแล้วคำที่นางกล่าวออกไปเมื่อครู่นี้เป็นเพียงรหัสคำกล่าวเพื่อให้ประตูโบราณสถานนี้เปิด
ทว่าเหตุใดประตูจึงยังไม่เปิด ? นี่มันเรื่องประหลาดอันใดกัน ?!
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ “หรือว่านายท่านอาจจะใช้เสียงเบาไป นายท่านลองตะโกนเสียงดัง ๆ อีกครั้งดูอาจจะได้ผล”
มู่เฉียนซีผลักจิ่วเยี่ยออก ใบหน้านางร้อนผ่าวเล็กน้อย จากนั้นนางก็ตะโกนบอกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางเสียงดังว่า “ข้ารักเจ้าชั่วนิจนิรันดร์!”
เสียงดังก้องไปทั่วทั้งใต้ทะเล จิ่วเยี่ยคว้าร่างมู่เฉียนซีมากอดแน่น “ในเมื่อซีบอกรักข้าชั่วนิจนิรันดร์ เช่นนั้นชีวิตทั้งชีวิตของเจ้าก็เป็นของข้าตลอดไป”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้แทบอยากร้องไห้ “จิ่วเยี่ย แท้ที่จริงมัน… เอ่อ… มันเป็นเพียงรหัสคำกล่าวสำหรับเปิดประตู ขะ… ข้า…”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะอธิบายทุกอย่างให้กระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นเสียงที่เยาะเย้ยถากถางเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “แม่นางคนงามบอกรักข้า ข้านั้นได้ยินชัดเจนแล้ว เช่นนั้นเรามาทำเรื่องที่แสดงถึงความรักของบุรุษสตรีกันเถอะ”
ทันใดนั้นน้ำทะเลใต้เท้าของมู่เฉียนซีก็ได้ก่อตัวเป็นวังวน ฉับพลันทันใดพลังที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ “นายท่าน ประตูโบราณสถานนี้เปิดแล้ว อยู่ตรงกลางวังวนนั่น”
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้คนทั่วทั้งเซี่ยโจวตกอกตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ นี่… นี่จะต้องเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมไม่ธรรมดาเป็นแน่
และเวลานี้ คนของหุบเขาหมอเทวดาที่กำลังตามหามู่เฉียนซีอยู่ก็ตะลึงกับเหตุการณ์ที่วิปริตเช่นกัน “พลังนั่น… พลังนั่นต้องเป็นหม้อเทพนิรันดร์เป็นแน่ ในที่สุดก็จะหาหม้อเทพนิรันดร์เจอแล้ว รีบเดินทางไปที่นั่นกันเถอะพวกเรา”
สำนักนิกายระดับหนึ่งอย่างสำนักอวิ๋นเยียน รวมไปถึงผู้แข็งแกร่งกลุ่มอื่น ๆ ก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุกแล้ว คนเหล่านั้นพากันเดินทางมุ่งหน้าไปที่เขตทะเลน้ำลึกในทันที
ก่อนที่จะเข้าประตูนั้นไป มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ชิงมู่ ประตูนี้ปิดได้หรือไม่ ? หม้อเทพนิรันดร์เคลื่อนไหวรุนแรงทั่วทั้งเซี่ยโจวเช่นนี้ เป็นการล่อหมาป่ามารวมตัวกันชัด ๆ ถึงตอนนั้นข้าไม่ลำบากเอารึ ?”
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ “หม้อเทพนิรันดร์ชอบเล่นใหญ่ หากประตูนี้เปิดออกแล้ว ผู้แข็งแกร่งจากทั่วทุกสารทิศต้องแห่กันมาที่นี่ เช่นนี้ถึงจะสนุกและครึกครื้น เขาชอบเช่นนี้แหละขอรับ”
สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ “เขาชอบความครึกครื้น แต่ข้าไม่ได้ชอบ บัดซบ!”
เดิมทีเป็นนางที่เป็นคนที่สมควรได้เข้าไปในโบราณสถานแห่งนี้และได้หม้อเทพนิรันดร์มาครอง จากนั้นจะได้เอาไปรักษาท่านอาเล็ก ทว่าเวลานี้นางมั่นใจมากว่าหลังจากที่นางเข้าไปในโบราณสถานนี้แล้ว ผู้แข็งแกร่งทั่วทั้งเซี่ยโจวคงจะพากันบุกตามเข้ามาที่นี่เป็นแน่ ถึงแม้นางจะได้หม้อเทพนิรันดร์มา ก็คงไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่
จิ่วเยี่ยกอดมูเฉียนซีแน่น “ซี เจ้าไม่ต้องกลัว”
“ในเมื่อซีบอกรักข้าแล้ว ซีเป็นสตรีของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเจ้าเป็นอันขาด”
เมื่อก่อนจิ่วเยี่ยเคยกล่าวเอาไว้ว่ามู่เฉียนซีเป็นสตรีที่เขาจะปกป้อง เวลานี้เขารับรักนางแล้ว ในเมื่อนางบอกรักเขาเช่นนี้ หลังจากนี้ไปมู่เฉียนซีจะได้เป็นสตรีของเขาตลอดไป
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ “นายท่าน เวลานี้มีคนใกล้เข้ามาทางนี้แล้ว นายท่านรีบเข้าไปหาหม้อเทพนิรันดร์เร็วเข้าเถอะ”
มู่เฉียนซีกระโดดลงไปในประตูทางเข้านั้นและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หม้อเทพนิรันดร์บัดซบ! รอให้ข้าได้เจ้ามาแล้วรักษาท่านอาเล็กให้หายก่อนเถอะ ข้าจะเอาเจ้าไปแช่ในห้องส้วมสักร้อยวัน โทษฐานที่ทำให้เรื่องยุ่งเหยิงเกินควร”
เทพปาฮวางชิงมู่กระตุกเล็กน้อย นายท่านจะเอาหม้อเทพนิรันดร์ผู้ที่รักความสะอาดไปแช่ในห้องส้วมร้อยวัน หม้อเทพนิรันดร์คงจะโกรธจนทำลายโลกนี้เป็นแน่แท้
มู่เฉียนซีกระโดดลงไปในวังวนนั้น แสงสาดส่องสว่างจ้ากระทบกับร่างของนางและพาเอาตัวนางไป หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับคืนสู่สภาพเดิม นางรู้สึกว่าใต้เท้าของนางที่นางเหยียบอยู่เย็นยะเยือก และเมื่อนางก้มมองลงไป ก็เห็นว่าตนเองกำลังยืนเหยียบบนแผ่นหยกเย็น ๆ
พื้นที่ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นหยกที่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็งก็มิปาน อุณหภูมิเช่นนี้แทบจะทำให้โลหิตในกายมนุษย์แข็งตัวได้เลย
มู่เฉียนซีพึมพำกับตนเอง “ข้าน่าจะเข้ามาถึงด้านในของโบราณสถานหม้อเทพนิรันดร์แล้ว ต่อจากนี้ต้องหาทางทำลายที่ตรงนี้”
“มังกรเพลิงพิฆาต!” กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกจากฝัก เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกไปชนกับกำแพงหยกขาวนั้นอย่างรุนแรง
— ตูม! —
— ปัง! ปัง! —
แต่ไม่ว่าเปลวไฟสีแดงเข้มจะรุนแรงเพียงใด มันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับกำแพงหยกขาวนั้นได้แม้แต่น้อย
“เสี่ยวหง!” หากเปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงทำอะไรไม่ได้ นางก็ยังมีเสี่ยวหงอยู่
ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง เมื่อนางไม่เห็นเสี่ยวหงออกมา นางก็ได้รู้ว่าการติดต่อสื่อสารกับสัตว์พันธสัญญาของนางนั้นถูกตัดขาด แม้กระทั่งหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ก็ติดต่อไม่ได้แล้วในเวลานี้
มู่เฉียนซีอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ นางจำเป็นต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเองเพียงลำพัง
ฝ่ามือข้างหนึ่งตบลงบนพื้นหยกเย็นอย่างรุนแรง “ทักษะตี้ซวน!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
กระบวนท่าฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัวอย่างทักษะตี้ซวนก็ยังใช้ไม่ได้ผล การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดสองกระบวนท่าไม่สามารถทำลายที่นี่ได้ มู่เฉียนซีกลัดกลุ้มใจมากขึ้น นางพึมพำกับตนเองว่า “เจ้าหม้อเทพนิรันดร์บ้า! พาข้ามาถึงที่นี่แล้วคิดจะขังข้าไว้ที่นี่ตลอดชีวิตเลยรึ!”
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสที่สามแห่งหุบเขาหมอเทวดาก็มาถึงประตูทางเข้าโบราณสถาน พวกเขากล่าวขึ้นด้วยความดีอกดีใจ “เป็นที่นี่! ใช่ที่นี่แน่นอน เราหาเจอแล้ว”
“พวกเรารีบเข้าไปเถอะ ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว”
ในขณะเดียวกันนั้น เจ้าสำนักของสำนักอวิ๋นเยียนก็พาอวิ๋นฮุ่ย บุตรสาวคนรอง พร้อมกับผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งมาถึงแล้วเช่นกัน
“โอ้! สามารถทำให้ผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดายั้งสติไม่อยู่เช่นนี้ได้ บางทีสิ่งนั้นอาจจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในตำนานก็เป็นได้ หากสำนักอวิ๋นเยียนของพวกเราสามารถนำเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นมาครอบครอง สำนักนิกายระดับสองอย่างหุบเขาหมอเทวดาก็จะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของสำนักเรา พวกมันคิดว่าเป็นสำนักนิกายระดับสองแล้วจะแข่งแกร่งที่สุดเช่นนั้นรึ ? หึ!”
.