เป็นไปตามคาด เจินจูเอ่ยเสียงเบาอยู่ด้านข้าง “แม่นางหลี่ว์ผู้นี้ จะรับใช้อยู่ที่จวนอ๋องชั่วคราว องค์ชายสามแจ้งว่ารอพระชายากลับมาก่อน แล้วค่อยจัดการอีกทีว่าจะให้แต่งเข้าบ้านเศรษฐี หรือให้เงินไปตั้งตัวและพึ่งพาตนเองได้ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพระชายาเจ้าค่ะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นท่าทางเข้าใจ ก้าวเท้าเดินเข้าจวน
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ได้ยินที่เจินจูพูด ก็เริ่มคิดมากขึ้นมา รีบเดินเข้าไปพร้อมคนอื่นๆ
ภายในจวน ชูซย่า ฉิงเสวี่ยและคนอื่นๆ ได้เตรียมน้ำอุ่นและชาร้อนไว้แล้ว
อวิ๋นหว่านชิ่นให้เกาจ๋างสื่อและชูซย่าไปจัดเตรียมห้องให้อวิ๋นจิ่นจ้ง จากนั้นก็เดินเข้ามาในจวนที่จากไปนาน
ตอนที่จากไป เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทุกสิ่งล้วนโรยรา ในวันนี้แม้อากาศจะหนาวเหน็บแต่ท้องฟ้ากลับสดใส แสงแดดรอดผ่านกลุ่มเมฆ ส่องสวนดอกไม้กลางจวนที่เริ่มเบ่งบาน นับว่าเป็นลางที่ดีที่ฤดูใบไม้ผลิได้หวนกลับมาอีกครั้ง
ในที่สุดก็ได้กลับมา อวิ๋นหว่านชิ่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด
ตั้งแต่ที่นางแต่งเข้าจวนอ๋อง นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงการกลับบ้านที่แท้จริง
เมื่อเดินถึงห้อง ฉิงเสวี่ยกับเจินจูสองคนช่วยกันถอดชุดทางการออก น้ำในอ่างเป็นน้ำที่ถูกต้มจนเดือด แล้วสาวรับใช้ก็ดึงม่านลง ส่วนอวิ๋นหว่านชิ่นแช่ตัวลงไปในน้ำเริ่มอาบน้ำ ทั้งสามคนวุ่นจนหน้าแดงระเรื่อ มีความสุขกันมาก
ตั้งแต่ที่อวิ๋นหว่านชิ่นเข้าจวนมานางไม่เคยให้สาวรับใช้มาปรนนิบัติเวลาอาบน้ำมาก่อน ฉิงเสวี่ยและเจินจูเองก็ไม่เคยขัด แต่ทว่าวันนี้กลับดึงดันจะเข้ามาปรนนิบัติให้ได้
ด้านข้างของอ่างอาบน้ำไม้สูง เจินจูยกแขนนวลผ่องของอวิ๋นหว่านชิ่นขึ้นมาด้วยความเบาแล้วรองด้วยผ้าไหมผืนเล็ก ทำการขัดเล็บด้วยความระมัดระวัง เล็บมือของเหนียงเหนียงเรียวยาวสวยงาม ตามแบบฉบับ “ทรงหน่อไม้”[1] ส่วนล่างอวบอั๋นน่ารัก ส่วนบนเรียวแหลม เนื้อเล็บเป็นสีชมพูสุขภาพดี เพียงแต่ว่าอยู่รับโทษในพระราชวังเป็นเวลาสองเดือน ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการทำงาน เมื่อมองเล็บที่ไม่เรียบนี้ ก็พอทราบได้ว่างานที่ทำหาใช่งานที่สบายไม่
เจินจูยู่ปากบ่น ก้มหน้าก้มตาขัดเล็บอย่างตั้งใจ เพียงครู่เดียวเล็บมือก็กลับมาสะอาดเงางามเหมือนเก่า เล็บมือเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ราวกับไข่มุก
นางยกมือของเหนียงเหนียงขึ้นอีกครั้ง ลูบไล้โดนตุ่มใสตามนิ้วมือ สีหน้าพลันตึงเครียดอีกครั้ง จึงแอบสบตากับฉิงเสวี่ย
ฉิงเสวี่ยขมวดคิ้วพลางบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเรื่องการถูกลงโทษ “มือของบ่าวยังไม่หยาบเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ” นางไม่ได้พูดเกินไป บ่าวรับใช้ระดับต่างๆ ในจวนอ๋อง แม้ฉิงเสวี่ยและเจินจูจะเป็นทาสรับใช้ แต่ก็เป็นทาสรับใช้อันดับหนึ่งของจวนอ๋องที่ถูกจัดสรรจากกองกิจการภายในโดยตรง โดยมีสถานะเป็นนางกำนัลที่ถูกต้องตามสำนักพระราชวัง ตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่ในจวนจนถึงตอนนี้ ก็ดูแลแต่เพียงฝ่ายในเท่านั้น ไม่เคยต้องทำงานหนักตากลมตากฝนมาก่อน นับว่าได้รับการเลี้ยงดูที่ดียิ่งกว่าคุณหนูในตระกูลธรรมดาเสียอีก
หลังจากลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า มวยผม แต่งหน้า อวิ๋นหว่านชิ่นเปิดตลับกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งออก หยิบกล่องสี่เหลี่ยมที่หุ้มด้วยผ้าต่วนออกมา พอเปิดออก มันก็ส่งกลิ่นหอมโชยทั่วห้อง
“เหนียงเหนียง นี่คือสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ฉิงเสวี่ยจุดเตาถ่านให้แรงขึ้น จากนั้นวิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ
อวิ๋นหว่านชิ่นควักออกมาเล็กน้อยแปะไว้ที่อุ้งมือ ทูจนร้อนแล้วทาบนมือ ยิ้มพลางเอ่ย “ก็แค่ตุ่มใสไม่กี่อันเท่านั้น ดูพวกเจ้ากระวนกระวายเข้าสิ ข้ายังมีอีกสองกล่อง เจ้ากับเจินจูหยิบไปนะ ปกติพวกเจ้าต้องทำงานเช่นกัน มือของผู้หญิงก็ต้องบำรุงให้ดี”
ฉิงเสวี่ยกระโดดดีใจราวกับได้รับของพระราชทาน นางถูในมือไปมา แล้วรู้สึกว่าผิวมือนุ่มขึ้น เนียนนุ่มน่าสัมผัส พลางทำให้นึกถึงมือเรียวยาวของชูซย่าก็เนียนนุ่มไม่ได้แย่ไปกว่ามือของเหนียงเหนียงเลยสักนิด หรือเป็นเพราะได้รับสิ่งนี้จากเหนียงเหนียงเช่นกัน ตนกับเจินจูจึงรีบรับเอาไว้และขอบพระทัยเหนียงเหนียง
เมื่อชำระล้างร่างกายเสร็จ ฟ้าก็มืดลง ชูซย่ากลับมารายงานว่าจัดการเรื่องคุณชายเรียบร้อยแล้ว พักที่ห้องรับแขกของจวนอ๋องซึ่งเชื่อมกับห้องอ่านหนังสืออันเงียบสงบ ลานกว้างก็สะอาดเรียบร้อย ก้าวเท้าออกไปข้างๆ ก็คือสวนดอกไม้ประจำจวนอ๋อง นับว่าเป็นที่เงียบสงบเหมาะกับการอ่านหนังสือมาก ม่อเซียงเองก็อยู่ห้องข้างๆ คุณชาย ซึ่งง่ายต่อการเข้ารับใช้
นอกจากนี้เกาจ๋างสื่อยังเตรียมบ่าวรับใช้อีกสองคนและมอมออีกสองคนอยู่ให้คุณชายคอยเรียกใช้
เตียงในห้องนอนและของใช้ในชีวิตประจำวัน ชูซย่าให้บ่าวรับใช้เปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด ฟูกหนาผ้านวมนุ่ม และเพิ่มอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นอีกมากมาย ซึ่งกำลังเหมาะกับสภาพอากาศที่ว่าหนาวแต่ก็ไม่หนาวในช่วงนี้ สุดท้ายสั่งให้บ่าวรับใช้พาม่อเซียงไปซื้อหนังสือที่คุณชายมักจะใช้บ่อยๆ ถึงได้มารายงานอวิ๋นหว่านชิ่นเอาป่านนี้
พูดจบ ชูซย่าเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นครุ่นคิดอยู่สักพัก ทราบว่านางกำลังกังวลเรื่องอะไร จึงเอ่ย “เหนียงเหนียงวางใจได้ อาการบาดเจ็บของคุณชาย เกาจ๋างสื่อเรียกหมอประจำจวนอ๋องมาตรวจดูแล้ว หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ขอเพียงแต่ดูแลอย่างเอาใส่ใจ หลังจากนี้ก็จะไม่มีอาการที่อาจตามมาภายหลังเจ้าค่ะ เกาจ๋างสื่อกำชับให้หมอมาเปลี่ยนยาและตรวจดูแผลของคุณชายทุกวันเจ้าค่ะ” แล้วนางก็ถอนหายใจ ตั้งแต่ที่ได้เจอคุณชายความโกรธที่เก็บไว้ไม่กล้าพูดในที่สุดก็อดไม่ได้จนต้องระบายออก “เมื่อก่อนถึงนายท่านจะไม่รักคุณชายแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยลงมือหนักเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นเพราะอนุรองแท้ๆ เลย พอได้ยินสิ่งที่เกาจางสื่อพูด หากไม่ใช่เพราะว่าเหนียงเหนียงได้ออกจากพระราชวังเร็วและได้กลับเข้าจวนรองเจ้ากรมทันทีละก็ ไม่รู้ว่าคุณชายจะทรมานมากขนาดไหน! หรือว่าลูกหลานที่อนุรองให้กำเนิดคือลูกหลานตระกูลอวิ๋น แต่คุณชายไม่ใช่บุตรของพวกเขาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“ก่อนที่ข้าจะไป ท่านพ่อเคยพูดว่าท่านไม่สนใจหรอก อยากไปก็ไปเลย” อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มอ่อน เดาไม่ถูกว่าดูถูกหรือเย็นชา “ก็จริงนะ ท่านกำลังอยู่ในวัยของชายหนุ่มที่ร้อนแรงดุจพระอาทิตย์ ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องการมีบุตร มีสตรีล้อมรอบไม่เคยขาด ทั้งยังสามารถมีบุตรเพิ่มได้ ไม่ต้องกังวลเลยสักนิดว่าจะไม่มีบุตร แล้วท่านจะมาสนใจลูกชายที่ไม่มีแม่อย่างจิ่นจ้งได้อย่างไร”
ชูซย่าได้ยินก็ยิ่งโกรธ
เจินจูและฉิงเสวี่ยไม่เหมือนชูซย่าที่มาจากตระกูลพระชายา จึงไม่กล้าเอ่ยคำใด แต่พอเห็นคุณชายเช่นนั้น ก็รู้สึกเศร้าใจแต่ก็ไม่แปลกใจ เด็กที่ไม่มีแม่ แล้วยังมาเจอท่านพ่อที่ลำเอียงปกป้องอนุภรรยา ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย เพียงแต่ว่า แม้ไม่ถามก็มองออกว่าเหนียงเหนียงรักเอ็นดูคุณชายแค่ไหน ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่เลิกราง่ายๆ เป็นแน่!
ขณะเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงเกาจ๋างสื่อจากด้านนอกประตู
พอได้รับอนุญาต เกาจ๋างสื่อเข้ามายืนอีกฝั่งของม่าน ประสานมือพลางเอ่ย “เรื่องที่เหนียงเหนียงสั่งไว้ ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ เหยาย่วนพั่นตอบกลับทันทีว่า ในเมื่อเป็นคำสั่งเร่งด่วนของเหนียงเหนียง ก็พร้อมจัดการให้ได้ในทันที พรุ่งนี้เขาจะเข้าไปจวนรองเจ้ากรมพร้อมเหนียงเหนียง เพื่อตรวจชีพจรของอนุรองฝั่งตระกูลพระชายาให้ขอรับ”
เอ่ยจบ ได้ยินเพียงเสียงคนข้างในม่านโล่งใจ “ดี ลำบากเกาจ๋างสื่อแล้ว ข้ารู้แล้วล่ะ”
เกาจ๋างสื่อโค้งคำนับแล้วเดินออกไป
ภายในห้อง ชูซย่าเกิดนึกสงสัยขึ้นมา แต่ก็เดาอะไรออกได้บางอย่าง “เหนียงเหนียง ท่านกำลังสงสัยว่า…เหลียนเหนียงไม่ได้ตั้งครรภ์และแท้งปลอมหรือเจ้าคะ”
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรไปเจอก่อนค่อยว่ากันอีกที ถ้าจะต้องตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบให้ชัดแจ้ง จิ่นจ้งจะต้องไม่เจ็บตัวเปล่า
การนำจิ่นจ้งกลับมารักษาเป็นเพียงแผนชั่วคราวเท่านั้น กลัวว่าถ้าจิ่นจ้งอยู่ในจวนต่อคงจะโดนรังแกต่อไปอีกเป็นแน่ ครึ่งปีหลังที่จิ่นจ้งจะต้องเตรียมตัวสอบ นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน
เรื่องความไม่ยุติธรรมนี้จะต้องทำให้กระจ่าง อายุเท่านี้ต้องแบกรับการกล่าวหาที่ว่าจิตใจไม่เที่ยงตรง ทำร้ายแม่เลี้ยงจนแท้ง หรือการไปบอกว่าคนในเรือนเป็นคนชี้แนะก็ตาม หลังจากนี้หากได้เข้ารับเป็นข้าราชการ เรื่องนี้อาจจะติดตัวเป็นจุดด่างไปตลอดชีวิตได้
ส่วนนางเหลียนเหนียงนั่น——เดิมทีคิดว่าให้นางอยู่ที่จวนอวิ๋นเพื่อควบคุมไป๋เสวี่ยฮุ่ย เพราะคร้านจะโต้เถียงกับนางอีก
แต่ตอนนี้ สันดานหมาชอบกลับไปกินขี้[2]
อวิ๋นหว่านชิ่นเวทนาตัวเอง เมื่อชาติก่อนอนุรองคนนี้ไม่เคยปะทะกับนางตรงๆ แต่กลับแอบส่งข่าวให้ชูซย่า บอกไป๋ซื่อเรื่องที่วางยาพิษตนมานาน คนเช่นนี้ จะเป็นคนจิตใจขาวสะอาดดั่งหิมะได้อย่างไร
[1] ทรงหน่อไม้ เปรียบว่า นิ้วเรียวเหมือนลำเทียน
[2] สันดานหมาชอบกลับไปกินขี้ หมายความว่า คนที่นิสัยเสียมักแก้ไม่ได้