ตอนที่ 1458

War sovereign Soaring The Heavens

คำเตือนของโจวฉี

 

“ข้าเอง”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกประตู และเสียงนี้ก็ไม่ใช่เสียงที่ไม่คุ้นเคยกับต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร…

 

“โจวฉี?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่จดจำได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง แฝงไปด้วยความขุ่นขึ้งเป็นที่สุด

 

สองเท้าก้าวย่ำออกไปเปิดประตูหน้าบ้านทันที และพอเห็นว่าโจวฉียืนรออยู่ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายชืดชากล่าวถามออกไปเสียงเย็น “เข้าเขตบ้านผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ…หรืออาจารย์เจ้าหลิวฮ่วนไม่เคยสอนสั่งมารยาทให้เจ้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กังวลเรื่องที่โจวฉีจะกล้าลงมือกับเขาที่นี่แม้แต่น้อย

 

สำนักจันทร์จรัสแสงนั้นมีกฏเกณฑ์เข้มงวดนัก ยิ่งห้ามมิให้ศิษย์ฝ่ายในมารังแกศิษย์ฝ่ายนอกโดยเด็ดขาดเว้นแต่จะมีเหตุอันควร! หาไม่แล้วเพียงแค่การรบกวนเช่นนี้ก็มีบทลงโทษอันรุนแรงนัก!!

 

หากเป็นก่อนหน้านี้ โจวฉีย่อมมีโทสะกับวาจาเสียดสีของต้วนหลิงเทียนไปแล้วแน่

 

แต่ตอนนี้มันสงบนัก คล้ายวาจาของต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีผลอะไรกับมันเลย

 

ความสงบเฉยเมยของโจวฉี ถึงกับทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย

 

เขารู้ดีว่าสันดารโจวฉีเป็นอย่างไร อีกฝ่ายไม่ใจกว้างถึงขั้นปล่อยวางวาจาเสียดสีได้แน่นอน!

 

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายสมควรกระเหี้ยนกระหือรือหมายฆ่าเขาให้ตาย เพราะคำสั่งของหลิวฮ่วนหรือไร?

 

อันที่จริงที่ลานฝึกซ้อมวันนี้ เขายังเห็นชัดถึงเจตนาฆ่าฟันของโจวฉีด้วยซ้ำ อีกฝ่ายคงแทบอดรอฆ่าเขาให้ตายไม่ไหวแล้ว!!

 

ทว่าไฉนอยู่ดีๆ ทีท่าของมันถึงได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ?

 

เรื่องราวไม่เข้าทีย่อมมีสิ่งใดผิดแปลก!

 

สายตาต้วนหลิงเทียนเพิ่มความระมัดระวังขึ้นหลายส่วน

 

“เข้าไปในบ้านแล้วค่อยกล่าว”

 

โจวฉีพลันกล่าวออกมา และไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอะไร มันก็เดินอาดๆเข้ามาในห้องทันที

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ทว่าสีหน้าเขาก็ผ่อนคลายลงแทบจะในทันที มองถามโจวฉีด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร?”

 

“ต้วนหลิงเทียน…อาจารย์ของข้า หลิวฮ่วน ต้องการให้ข้าฆ่าเจ้าให้ตายภายใน 3 วัน!”

 

โจวฉีมองสบตาต้วนหลิงเทียน กล่าวตอบออกไปตามตรง

 

พอได้ยินความประโยคนี้ของโจวฉี ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่เล็ก ยิงคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หากเจ้าลงมือฆ่าข้า กฏสำนักก็ทำให้เจ้ายากจะมีชีวิตรอดไปได้”

 

“อาจารย์ของข้า…ให้ข้าสละชีวิตของข้า เพื่อเอาชีวิตเจ้า!”

 

โจวฉีกล่าวเสียงแข็ง

 

“หืม? ให้เจ้าแลกชีวิตกับข้างั้นเหรอ?”

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะผงะ

 

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าอาวุโสฝ่ายในหลิวฮ่วนนี่มิใช่ตัวดีอันใด แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะต่ำช้าถึงขั้นสั่งให้ลูกศิษย์สละชีวิตเพื่อฆ่าเขาแบบนี้!

 

คำว่าลูกศิษย์ในสายตาของมันคืออะไรกันแน่?

 

เครื่องมือ?

 

“เจ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ…ในเมื่อเจ้าถ่อมาบอกข้าเรื่องนี้ถึงที่นี่ ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงไม่คิดทำตามคำสั่งอาจารย์ของเจ้าสินะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเรียบ

 

“เจตนาข้าง่ายดายนัก ข้ามาเตือนเจ้า! หลิวฮ่วนนั่นมันบ้า! ข้าติดตามรับใช้มันมากว่า 10 ปี แต่ตอนมันทอดทิ้งข้าตายังไม่แม้แต่จะกระพริบด้วยซ้ำ!!”

 

โจวฉีเปิดปากกล่าวออกอย่างช้าๆ หลังจากกล่าวจบคำ ในแววตาก็เผยให้เห็นถึงความคับข้องใจ

 

“มันบ้า แล้วเจ้าไม่บ้ารึไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยไปคำหนึ่ง

 

8 เดือนที่แล้ว ตอนโจวฉีบุกมาจวนเจ้าเมืองชงซัน ไม่พูดไม่จาก็ลงมือฆ่าคนบริสุทธิ์ไปแล้ว 2 คน คนสติดีๆที่ไหนเขากระทำกันเช่นนี้?

 

“ต้วนหลิงเทียน ที่ข้ามาหาเจ้าไม่ได้คิดจะมาตีฝีปากอะไรกับเจ้า…ข้าแค่จะมากล่าวเตือนให้เจ้ารู้ไว้ ว่าหลิวฮ่วนนั่นเป็นคนดื้อรั้น หากเป้าหมายไม่บรรลุมันย่อมไม่คิดเลิกรา…และที่ข้ากล่าวเตือนเจ้า เพราะข้าไม่อยากให้หลิวฮ่วนมันอยู่ดีมีสุข!”

 

กล่าวถึงจุดนี้ในแววตาโจวฉีก็เผยประกายคับแค้นมากโทสะ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

“แต่หากครบกำหนด 3 วันเจ้ายังไม่ฆ่าข้า แล้วคราวนี้เจ้าจะไปสู้หน้ามันอย่างไร?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

 

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง…ที่หากข้าทำเรื่องที่คิดทำเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องจากไปเสียที! ตอนนี้บุญคุณความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า ข้าล้วนไม่สนใจ..! ก็ใช่ที่หากหลิวฮ่วนไม่ให้ข้าสละชีวิตเพื่อฆ่าเจ้า ป่านนี้ข้าก็ยังคงอยากจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”

 

โจวฉีกล่าวเสียงเรียบ “ทว่าตอนนี้เรื่องราวเปลี่ยนไปแล้ว…ข้าไม่สนใจอะไรเจ้าสืบไป ทั้งไม่มีเรื่องใดที่ทำให้ข้าต้องเคียดแค้นเจ้าอีก ตอนนี้ข้าได้แต่หวังเพียงว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ดี เพื่อคอยสร้างปัญหาให้หลิวฮ่วนนั่น!”

 

ต้วนหลิงเทียนหยีตาเล็กน้อย ตอนนี้เขาก็ตระหนักได้แล้ว ว่าในใจโจวฉี ไม่ยึดถือหลิวฮ่วนเป็นอาจารย์อีกต่อไป

 

แต่เรื่องนี้คิดไปก็สมควรแล้ว

 

อาจารย์ที่สละได้กระทั่งชีวิตลูกศิษย์เพื่อบรรลุเป้าหมาย ยังคู่ควรเป็นอาจารย์หรือไร?

 

“อ่อจริงสิ อีกเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องกล่าวเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน…เฝิงฟ่านนั้นเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสฝ่ายในที่เรียกว่าจ้าวเฟิง…อาวุโสจ้าวเฟิงนั้นเป็นอาวุโสฝ่ายในระดับสูงคนหนึ่งของสำนักจันทร์จรัสแสง พลังฝีมือติด 1 ใน 3 อันดับแรกของบรรดาผู้อาวุโสฝ่ายใน”

 

โจวฉียังคงกล่าวเตือนเรื่องราวสืบต่อ

 

อาจารย์ของเฝิงฟ่านเรียกว่า จ้าวเฟิง เป็นอาวุโสฝ่ายในระดับสูง?

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว

 

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะพอเดาได้ว่าปูมหลังของเฝิงฟ่านสมควรไม่ใช่ชั่ว จากวรยุทธ์และสมบัติที่มันมี แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นศิษย์ของอาวุโสฝ่ายใน

 

ยิ่งไปกว่านั้นอาวุโสฝ่ายในคนดังกล่าวยังเป็นชนชั้นยอดฝีมือ ติด 1 ใน 3 ผู้เข้มแข็งท่ามกลางผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง

 

“เฝิงฟ่านนั่น มันไม่ใช่คนของพวกเจ้าที่ส่งมาฆ่าข้ารึไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวถาม ตอนแรกเขาคิดว่าเฝิงฟ่านเป็นคนของหลิวฮ่วน…ทว่าดูเหมือนจะไม่ใช่เสียแล้ว!

 

ล้อกันเล่นหรือไร?!

 

ในเมื่ออาจารย์ของมันคือจ้าวเฟิง ผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ฐานะของมันในสำนักจันทร์จรัสแสงย่อมสูงล้ำมิใช่ชั่วเป็นแน่

 

ตัวตนเช่นนั้นจะยังเป็นพวกเดียวกับหลิวฮ่วนอีกหรือ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะเป็นพวกเดียวกับหลิวฮ่วนจริง แต่ต้องไม่ใช้ผู้รับคำสั่งหรือฟังคำของหลิวฮ่วนแน่! แล้วไฉนจะยอมให้ศิษย์ของตัวมาเป็นลูกไล่ ฆ่าคนตามใบสั่งของหลิวฮ่วนได้?

 

“ย่อมไม่ใช่”

 

โจวฉีส่ายหัว “หลิวฮ่วนยามพบเจอจ้าวเฟิง ยังต้องก้มหัวคารวะด้วยเคารพ…มาตอนนี้ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้า ที่เฝิงฟ่านส่งสารท้าประลองเป็นตายให้เจ้านั้น ล้วนเป็นเพราะข้าจัดการทั้งสิ้น…”

 

“อย่างไรก็ตามตอนนี้เรื่องนั้นหาได้สำคัญไม่…ที่สำคัญคือเจ้าเป็นคนฆ่าเฝิงฟ่าน! และอาวุโสจ้าวเฟิงต้องบังเกิดความเคียดแค้นหมายจัดการเจ้าแน่!!”

 

โจวฉีกล่าว

 

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขายังอดไม่ได้ที่จะอึ้งกับความหน้าด้านของโจวฉี “แล้วนี่เจ้าไม่กลัวข้าเอาเรื่องนี้ไปบอกอาวุโสจ้าวเฟิงอะไรนั่นหรือไง?”

 

“เจ้าบอกไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคนฆ่าเฝิงฟ่านกับมือ”

 

โจวฉีกล่าวเสียงเรียบ

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกลมหายใจติดขัด และพูดไม่ออกอยู่บ้าง เพราะวาจานี้ของโจวฉีมันยากปฏิเสธนัก

 

เพราะถึงแม้จ้าวเฟิงอาจจะโกรธแค้นโจวฉี แต่อย่างไรเสียเขาที่เป็นคนลงมือก็ยากจะรอดพ้นคราวเคราะห์

 

“แต่จะว่าไปหากอาวุโสจ้าวเฟิงออกจากการกักตัวฝึกฝน ก็ไม่แน่ว่าจะฆ่าเจ้า..”

 

โจวฉีกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“อาจจะไม่ฆ่าข้างั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “เรื่องนี้เจ้าหมายความว่ายังไง ในเมื่อข้าฆ่าศิษย์ส่วนตัวของมัน ไหนเลยมันยังจะละเว้นข้า?”

 

“จริงอยู่ว่าที่เจ้าฆ่าเฝิงฟ่านศิษย์ส่วนตัวที่อาวุโสจ้าวเฟิงประคบประหงมเป็นที่สุด…แต่สาเหตุที่อาวุโสจ้าวเฟิงรับเฝิงฟ่านเป็นศิษย์นั้น ล้วนเป็นเพราะศักยภาพและพรสวรรค์ที่สูงล้ำของมัน หากเฝิงฟ่านเป็นคนธรรมดาไหนเลยอาวุโสจ้าวเฟิงจะสนใจใยดี?”

 

โจวฉีกล่าวสืบต่อ “ในเมื่อเจ้าฆ่าเฝิงฟ่านได้ นั่นหมายความว่าศักยภาพพรสวรรค์ของเจ้าสูงกว่า เพราะเรื่องนี้อาวุโสจ้าวเฟิงอาจไม่ฆ่าเจ้า…กลับกัน ท่านยังอาจคิดรับเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัวแทน”

 

“รับข้าเป็นศิษย์ส่วนตัว?”

 

สีหน้าแววตาต้วนหลิงเทียนแปลกไปทันที แต่หลังจากขบคิดแล้วหากจ้าวเฟิงเป็นคนที่ไม่สนใจความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์ บางทีมันก็อาจกระทำเช่นนั้นจริงๆ

 

และถ้าจ้าวเฟิงกระทำอย่างนั้น เขาก็ได้แต่ดูถูกมันแล้ว

 

และคนที่เขาดูถูกแน่นอนว่าย่อมไม่มีทางที่จะยินยอมไปเป็นศิษย์มันเด็ดขาด!

 

“เรื่องที่ข้าคิดบอกเจ้าก็คือ..หากอาวุโสจ้าวเฟิงคิดฆ่าเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ไร้หนทางเดิน…แต่ถ้าอาวุโสจ้าวคิดรับเจ้าเป็นศิษย์เจ้าก็ต้องรีบตอบรับเสีย เพราะหากเจ้าเป็นศิษย์ของอาวุโสจ้าวเฟิงแล้ว หลิวฮ่วนมันก็ไม่มีวันกล้าแตะต้องเจ้าอีกเด็ดขาด”

 

โจวฉีกล่าวออกด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่หลิวฮ่วนเร่งให้ข้าสละชีวิตฆ่าเจ้าภายใน 3 วัน เพราะมันหวาดกลัวอาวุโสจ้าวออกจากการปิดด่านฝึกฝน…”

 

“หากเจ้าตายก่อนที่อาวุโสจ้าวจะออกจากการกักตัวฝึกตน…เช่นนั้นอาวุโสจ้าวก็เหมือนติดค้างหลิวฮ่วนเรื่องหนึ่ง กล่าวได้ว่าหากเจ้าตายผู้ที่ได้รับประโยชน์ที่สุดก็คือหลิวฮ่วน”

 

โจวฉีกล่าวกำชับ

 

“อ้อ? เช่นนั้นข้าเลยต้องรับจ้าวเฟิงเป็นอาจาย์?”

 

ต้วนหลิงเทียนเย้ยหยัน “โจวฉี ไม่ทราบเจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจแทนข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

“เจ้าจักตัดสินใจอย่างไรแน่นอนว่าล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า…ข้าเพียงแค่กล่าวแนะนำต่อเจ้าเท่านั้น และหลังจากวันนี้ไปก็นับได้ว่าพวกเรามีศัตรูร่วมกันอย่างหลิวฮ่วน! ข้าหวังเพียงว่าเจ้าจะสามารถรอดชีวิตและเติบโตได้อย่างดี เพราะหากเจ้าเติบโตเก่งกล้ามากขึ้นเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งกลายเป็นฝันร้ายของหลิวฮ่วนมากขึ้นเท่านั้น!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค แววตาของโจวฉีพลันลุกโชนขึ้นมาด้วยไฟแค้น “ถึงตอนนั้นแม้ตัวข้าจะไม่ได้อยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสง แต่หากข้าได้ยินเรื่องนี้ข้าคงมีความสุขนัก!”

 

“ไม่ได้อยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสง? เจ้าหมายความว่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว

 

“เจ้าคิดว่าหากข้าไม่ฆ่าเจ้าภายใน 3 วัน ข้ายังคงเหลือที่ยืนอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสงแห่งนี้อีกหรือไง? ต่อให้หลิวฮ่วนนั่นไม่กล้าฆ่าข้าตรงๆ แต่มันก็ต้องสร้างความลำบากให้ข้าแน่นอน…หากผู้ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ข้าทำร้ายข้าจนพิการ ยังจะมีใครว่าอะไรได้..”

 

โจวฉีกล่าวถึงจุดนี้ร่างมันก็สั่นเทิ้มขึ้นมา ในแววตายังเผยความหวั่นหวาดคล้ายคิดถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัว

 

“ที่ข้าต้องพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว เรื่องที่ข้าคิดเตือนเจ้าก็มีเท่านี้…ข้ารู้ดีว่าระหว่างเจ้ากับข้าก็คงยากที่จะลบเลือนเรื่องราวบาดหมางในอดีตได้ แต่เจ้าสามารถล้างแค้นข้าได้หากพวกเราเจอกันวันหน้า…และหากถึงวันนั้นจริง ก็มาสู้กันเพื่อหาผู้รอดเถอะ หากเป็นข้าที่ต้องตกตายด้วยน้ำมือของเจ้า ข้าก็ได้แต่น้อมรับชะตากรรมของข้า…”

 

ก่อนที่จะจากไป โจวฉีก็กล่าวบอกทุกสิ่งกับต้วนหลิงเทียน จากวาจาของมันผู้ใดได้ฟังก็รู้ว่ามันเห็นแก่ตัวเพียงใด

 

“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเรียบ ในแววตาเผยประกายเย็นเยือก

 

สุดท้ายโจวฉีก็จากไป นับว่ามันมาเร็วไปเร็วนัก

 

ไม่นานร่างโจวฉีก็หายไปจากสายตาต้วนหลิงเทียน จมหายไปในความมืดราวภูตผี

 

“โอย ดูเหมือนพลังวิญญาณของข้ายังฟื้นคืนมาไม่เต็มที่ดีสินะ ไม่ทันไรก็รู้สึกง่วงอีกแล้ว….ท่าทางไม่กี่วันหลังจากนี้ข้าคงยังทำอะไรมากไม่ได้”

 

ปิดประตูบ้านแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เพียงห้วงคิดร่างก็วูบหายเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอีกครั้ง

 

ทางด้านโจวฉี หลังออกจากบ้านต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ย่ำเท้าเดินไปตามทางเดินฝ่ายนอกอันมืดมิด มีเพียงแสงดาวสลัวๆส่องสาดพอให้เห็นเส้นทาง

 

ไม่เพียงแต่มันจะไม่กลับไปฝ่ายในเท่านั้น มันยังมุ่งหน้าออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง

 

จุดประสงค์ของมันง่ายดายนัก มันคิดจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปเสียคืนนี้เลย หมายเป็นดั่งวิหกโผบินสู่ฟ้ากว้าง มัจฉาคืนสมุทรสุดไพศาล…

 

“ด้วยด่านพลังฝึกปรือของข้า ข้าโจวฉีไม่เชื่อว่าข้าจะไม่มีที่ยืนใน 9 พันธมิตร! จากนี้ไปตัวข้าเป็นอิสระเสรีไร้พันธะผูกพันใดๆ ไม่ยึดติดสำนักไม่ฝักใฝ่พรรคนิกาย ไม่ต้องก้มหัวให้ผู้ใด!!”

 

โจวฉีทอดตามองดาราจรัสฟ้าระยับยามราตรีกาล เริ่มโหยหา ‘อนาคต’ ที่สวยงาม