“ฉันรู้” เทาเท่กอดเธอแน่นแล้วกระซิบ
เขารู้ว่าเธอรังเกียจและเกลียดชังเขา
ก่อนหน้านี้เขามักจะคิดมาตลอดว่าเธอยังไม่สามารถลืมเขาได้ คิดมาตลอดว่าเธอนั้นกำลังเล่นตัว แต่ต่อมาเขาเพิ่งจะเข้าใจว่าเธอลืมเขาได้แล้วจริงๆ และไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับเขาอีกต่อไป
รอบตัวเขาห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่คอยจะทำร้ายเธอ แล้วเธอจะยังอยากจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาอีกได้อย่างไร?
คนแรกคือซูซี แล้วก็มีแม่ของเขา ตอนนี้ยังพินอินอีก เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธเขา จนถึงเมื่อกี้เขาก็ตระหนักได้ว่าตอนที่ต้องโชคร้ายเผชิญกับสิ่งเหล่านี้โดยที่ตัวเองไม่ได้ผิดอะไร ในใจเธออับจนหนทางและกลัวมากแค่ไหน
“ฉันเกลียดนาย ฉันเกลียดนาย ฉันเกลียดนายจนเข้าไส้!” หลินจือร้องไห้ออกมาในอ้อมแขนของเทาเท่อย่างเสียการควบคุม
เธอโตมากขนาดนี้ ยังไม่เคยร้องไห้แบบปล่อยโฮและใจสลายแบบนี้มาก่อน
เธอร้องไห้ไปๆทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัว ภาพตรงหน้ามืดลงจึงเป็นลมในอ้อมแขนของเทาเท่ทั้งอย่างงั้น
เทาเท่ตื่นตระหนกในทันใด เขากอดเธอตะโกนด้วยเสียงทุ้มว่า “หลินจือ!”
ที่ประตูโกดังตำรวจสองสามนายที่บังเอิญคุมตัวพินอินและพวกทั้งสามออกมา เห็นเช่นนั้นตำรวจนายหนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้า “ส่งเธอไปที่โรงพยาบาลก่อนเถอะครับ เราคุ้นเคยกับถนนที่นี่ ผมจะไปส่งพวกคุณ”
เทาเท่รีบอุ้มหลินจือวิ่งพุ่งไปที่รถของตัวเอง ตำรวจคนนั้นขึ้นไปนั่งในรถกับเขา ขบวนรถก็ขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล
พินอินซึ่งถูกตำรวจควบคุมตัวโดยบิดข้อมือทั้งสอง มองดูพี่ชายที่สุขุมสง่างามของเธออุ้มหลินจือวิ่งไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก็กระทืบเท้าอย่างโกรธจัด
พี่ชายเธอไม่รักศักดิ์ศรีแล้วเหรอ?
เมื่อก่อนเขาดูถูกหลินจือขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับยอมลดตัวกับหลินจือ ตัวเขาเองไม่รู้สึกว่ายากที่จะยอมรับบ้างเหรอ?
แต่ไม่มีใครสนใจพินอิน เธอ ไอ้หัวเหลืองและเพื่อนถูกควบคุมตัวไปที่รถตำรวจ
ขาไอ้หัวเหลืองอ่อนตะโกนใส่พินอิน “คุณพินอิน คุณต้องช่วยพวกเราด้วยนะ”
แม้ว่าปกติพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ดั่งใจ แต่พวกเขาก็ทำเรื่องเล็กๆน้อยๆ พวกเขาก็เคยเข้าคุกเพราะทะเลาะวิวาท แต่ไม่นานก็ถูกปล่อยตัวแล้ว
ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะพินอินให้เงินเป็นจำนวนมาก งานยังไม่ได้เริ่มทำก็ให้เงินจำนวนมากแล้ว พวกเขาคงไม่ถึงขั้นทำเรื่องลักพาตัว
และพินอินยังรับรองกับพวกเขาอีกว่าตระกูลฟอเรนาจะคุ้มครองพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่เห็นทัศนคติของเทาเท่เมื่อกี้ ที่ดูไม่มีแววที่จะปกป้องพวกเขาเลย จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะตื่นตระหนก
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งที่จับกุมพวกเขาประณามว่า “คร่ำครวญอะไรกัน? เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ใครก็ช่วยพวกแกไม่ได้”
เมื่อกี้เทาเท่ไม่ปกป้องแม้แต่พินอินที่เป็นน้องสาวของตัวเองด้วยซ้ำ แล้วจะยังปกป้องพวกเขาได้อย่างไร?
ไอ้หัวเหลืองและเพื่อนร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจในทีหลัง พวกเขาไร้เดียงสาเกินไป ใครจะคิดว่าพินอินจะแข็งข้อกับพี่ชายตัวเอง
ตำรวจพาเทาเท่และหลินจือไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หลังจากคุณหมอตรวจหลินจือแล้วก็กล่าวว่า “คุณผู้หญิงคนนี้ไม่เป็นอะไรมาก อาจเป็นเพราะว่าเธอตกใจมากเกินไปและระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่พอชั่วขณะจึงเป็นลม”
เทาเท่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คุณหมอกล่าวเสริมว่า “ในเมื่อเพิ่งพบเจอกับเหตุการณ์ถูกลักพาตัว การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาของผู้ป่วยหลังเจอเหตุการณ์นั้นสำคัญมาก ในฐานะสมาชิกในครอบครัวคุณต้องปลอบโยนเธอให้ดี อย่าปล่อยให้คนไข้เหลือรอยบากแผลค้างในใจ”
หัวใจของเทาเท่เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
หลินจือทำให้เขารู้สึกว่าเธอเป็นคนนุ่มนวลมาโดยตลอด เมื่อกี้ตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้าไปก็เห็นว่าใบหน้าของเธอขาวซีดไม่มีเลือด เขาจึงกังวลเล็กว่าเธอจะรับไม่ไหวจริงๆ…
คิดได้เท่านี้เทาเท่ก็อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอพินอินให้ตายอีกครั้ง
ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เขาจะก้าวไปต่อยหน้าเธอตั้งนานแล้ว
เขาตบเธอไปแค่สองครั้ง ยังไม่ทันคลายอารมณ์โกรธได้เลย
หลังจากตำรวจนายนั้นเห็นว่าหลินจือสบายดีก็กลับไป ควีนและโซเมนก็รีบมาถึงในตอนนี้
ตามคำสั่งก่อนหน้าของเทาเท่ ระหว่างทางควีนแวะซื้อเสื้อผู้หญิงมาให้หลินจือด้วย
ระหว่างที่หลินจือยังไม่ฟื้น ควีนเข้าอยู่ข้างๆในห้องพักผู้ป่วย
โซเมนและเทาเท่ไปที่สนามนอกอาคาร เทาเท่ไม่พูดอะไร เขาสูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า มองออกได้ว่าอารมณ์ของเขาใกล้จะปะทุแล้ว
โซเมนทนมองไม่ไหวอีกต่อไปจึงพูดทำลายความเงียบ “เรื่องนี้นายวางแผนจะทำยังไงต่อ?”
เทาเท่พูดอย่างไม่ลังเล “ทำตามขั้นตอนกฎหมาย”
“ถ้าทำตามขั้นตอนกฎหมาย น้องสาวนายจะต้องอยู่ข้างในสักพัก” โซเมนก็ไม่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพินอินจะถูกตามใจจนเสียคนจนถึงขั้นไม่สนใจกฎหมายแล้ว
เทาเท่กล่าวอย่างเย็นชา “เธอต้องโทษตัวเอง”
โซเมนถอนหายใจและเห็นอกเห็นใจเขา “พ่อแม่นายจะเห็นด้วยไหม? มั่นใจเลยว่าจะต้องทะเลาะกับนายอีกครั้ง”
เทาเท่ขยี้ก้นบุหรี่บนฝาถังขยะข้างๆเขา “พวกเขาโวยวายก็ช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่เคยสั่งสอนเธอ และอีกคนก็กำเริบเสิบสานเกินไป สรุปแล้วล้วนเป็นเพราะสอนลูกสาวได้ไม่ดีพอ แล้วจะมีสิทธิ์อะไรมาโวยวายได้?”
ตอนนั้นไกอาไปต่างประเทศหลังจากที่เขาก่อเรื่องนอกใจจนใหญ่โต ไม่เคยสนใจพวกเขาสองคนพี่น้องเลย
แม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ก็ไม่เคยสนใจพวกเขาสองพี่น้องเลยอยู่ดี
พ่ออย่างไกอาทั้งไร้ความปรานีและเห็นแก่ตัว ไม่เคยมอบความรักของพ่อให้พวกเขา
สำหรับการสั่งสอนของวีนาที่มีต่อพินอินนั้นก็คือการให้ท้ายลูกตลอด
เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าไปแทรกแซง และรู้สึกว่าการที่เด็กผู้หญิงถูกตามใจจนเหลิงบ้างนิดหน่อยเป็นเรื่องดี แต่เขาไม่คิดว่าจะถูกตามใจจนเหลิงจนเดินมาถึงขั้นก่ออาชญากรรม
โซเมนพูดขึ้นอีกครั้ง “จะว่าไปนายคิดว่าพินอินเป็นคนโหดเหี้ยมจริงๆเหรอ?”
ตามที่โซเมนรู้จักพินอินมา เธอเป็นคนไม่มีสมอง
ความเย่อหยิ่งจองหองเป็นเรื่องจริง ความโง่ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
ลูกไม้ลักพาตัวหลินจือแล้วให้ผู้ชายสองคนข่มขืนหลินจือ ไม่ใช่สิ่งที่ไอคิวของพินอินจะสามารถคิดออกได้
หากพินอินต้องการจัดการกับหลินจือด้วยตัวเอง พินอินคงจะตบหน้าหรือขว้างปาข้างของใส่หลินจือแบบหยาบๆ ไม่คิดเลยว่ายังคิดจะถ่ายวิดีโอเพื่อเก็บไว้เพื่อจัดการกับหลินจือในภายหลังต่อ
“ไม่ใช่แล้วยังไง?” เทาเท่ย่อมรู้ว่าโซเมนหมายถึงอะไร “ต่อให้ซูซีจะยุยงให้เธอลงมือกับหลินจือ เธอก็จะไม่มีทางเผยพิรุธใดๆ เราสืบสวนไปก็สาวไม่ถึงตัวเธอ”
“เธอโง่เองที่ไม่ระวังการคบเพื่อน ดังนั้นเธอต้องรับผลที่ตามมา” ครั้งนี้เทาเท่ไม่ใจอ่อนกับพินอิน
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงสิ่งที่เขาคิดออกสิ่งแรกคือพินอินจะต้องถูกเสี้ยมสอนให้ทำแน่ๆ เธอสนิทกับซูซีขนาดนั้น จะต้องไปบ่นกับซูซีเรื่องที่ไม่อยากไปต่างประเทศอย่างแน่นอน ส่วนซูซีก็แค่พูดนิดพูดหน่อยก็สามารถทำให้พินอินไม่พอใจหลินจือถึงขีดสุดได้แล้ว
ตามแผนการของซูซี เธอเพียงต้องการบอกใบ้ให้พินอินลอยๆ พินอินก็โง่มากพอที่จะเสี่ยงแล้ว
เฮ้อ แผนการ
เมื่อไรกันนะที่ภาพความทรงจำเขาที่มีต่อซูซีค่อยๆเปลี่ยนจากผู้หญิงที่มีเหตุผลและใจกว้างของตระกูลโดโนแวนมาเป็นผู้หญิงเจ้าแผนการ
เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างว่าประโยคนี้คือความจริง
เวลาได้พิสูจน์แล้วว่าซูซีไม่สามารถทนได้ ขณะเดียวกันก็ยังพิสูจน์ความดีที่ไม่สามารถแทนได้ของหลินจือ