บทที่ 126 เอาช่องทางการติดต่อของนทีบดีให้เธอ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

โซเมนรู้ว่าเทาเท่กำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเมื่อคืนนี้คนที่แทบไม่เคยเป็นคนที่กระตือรือร้นในการส่งข้อความลงกลุ่มที่มีพวกเขาทั้งสี่คนก่อนอย่างเขา จู่ๆก็ส่งมาว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับหลินจือ”

เขาที่ตอนนั้นกำลังดื่มเหล้า เมื่อเห็นข้อความนั้นของเทาเท่ก็แทบจะพ่นเหล้าออกมา

เขารีบกลืนเหล้าลงคอแล้วตอบเทาเท่ในกลุ่มว่า “ขอให้นายสารภาพรักสำเร็จ”

จากนั้นเทาเท่ก็รู้สึกหงุดหงิด “ใครบอกว่าจะสารภาพรักวะ”

หลังจากเทาเท่ส่งข้อความเสร็จ ไวท์ก็ส่งข้อความมาได้ทันเวลาว่า “ขอให้นายสารภาพรักสำเร็จ”

นทีบดีส่งข้อความต่อหลังจากนั้นว่า “ขอให้นายสารภาพรักสำเร็จ”

เทาเท่ตอบกลับพวกเขาด้วยจุดไข่ปลาอย่างไม่มีอะไรจะพูด แล้วไม่ปรากฏในกลุ่มอีก แต่ทว่าถึงแม้ว่าเขาจะใช้คำสวยหรูว่าเขาต้องการคุยกับหลินจือ พวกเขาก็สามารถมองความคิดของเขาออกอย่างรวดเร็ว

คำที่ว่าจะคุย มันก็คือการสารภาพรักนั่นแหละ เพียงแต่เทาเท่ไม่ยอมรับเพราะห่วงว่าจะเสียหน้า

แต่ใครจะไปคิดว่าศักดิ์ศรีที่ท่านประธานเทาเท่หวง มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะยอมลดตัวเองลงเพื่อสารภาพกับหลินจือ กลับถูกน้องสาวของตัวเองทำทุกอย่างพัง

ความรู้สึกประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่หลินจือมีต่อเทาเท่คือความเกลียดชังและรังเกียจ เขาจะยังมีโอกาสไปสารภาพรักได้อย่างไร ต่อให้เขาสารภาพรักไป เธอคงจะไม่เชื่อเลยและไม่สนใจ

อารมณ์ตอนนี้ของเทาเท่ดูหงุดหงิดจนถึงขั้นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขาตระหนักได้ถึงเรื่องนี้

เมื่อคิดได้เท่านี้โซเมนยกมือขึ้นตบไหล่เทาเท่ พูดปลอบเขาว่า “แม้ว่าเส้นทางการตามจีบภรรยานายจะยาวไกลจนไม่เห็นที่สิ้นสุด แต่นายต้องรู้ว่ายิ่งได้มาอย่างยากลำบากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น ในอนาคตก็จะยิ่งทะนุถนอมมันมากขึ้นเรื่อยๆ”

เทาเท่ปัดมือเขาออกด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย

โซเมนเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเฉียบมากจริงๆ เมื่อก่อนหลินจือดีกับเทาเท่มากเกินไป ทำให้เทาเท่ได้มันมาง่ายเกินไป ดังนั้นจึงไม่รู้จักถนอมมัน ดังนั้นจึงต้องสูญเสียมันไป

อืม สมแล้วที่เป็นโซเมน ผู้เชี่ยวชาญด้านอารมณ์

ขณะที่เทาเท่และโซเมนกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยของหลินจือ หลินจือก็ฟื้นแล้ว

เธอสวมเสื้อที่ควีนซื้อให้ กำลังเอนกายบนหัวเตียงคุยกับควีน

แม้ว่าควีนจะย้ำว่าเทาเท่สั่งให้เธอซื้อเสื้อมา แต่หลินจือก็ดึงดันที่จะขอบคุณเธอ ไม่พูดถึงเทาเท่เลย

ควีนอดที่จะถอนหายใจในใจไม่ได้ พินอินก่อเรื่องซะขนาดนี้ แล้วอีกหน่อยเจ้านายและหลินจือจะมองหน้ากันได้อย่างไร?

แต่เธอก็ยังบอกความจริงกับหลินจือว่าเกิดอะไรขึ้นไปตามจริง “ตอนที่งานเซ็นหนังสือเริ่มแล้วเธอยังไม่มาถึง ประธานเทาเท่คิดว่าตามนิสัยของเธอที่เขารู้จักแล้ว เธอไม่มีทางไปสาย หลังจากที่ฉันโทรหาเธอแล้วพบว่าโทรศัพท์เธออยู่ในสถานะปิดเครื่อง ประธานเทาเท่ก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ชอบมาพากลทันที จึงรีบขอให้ประธานโซเมนช่วยตรวจสอบกล้องวงจรปิดทันที”

“หลินจือ ตอนนี้ประธานเทาเท่แคร์เธอมากนะ เรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เธอ…อย่าโทษเขาเลยนะ” ควีนมาคิดๆดูแล้วจึงตัดสินใจพูดเรื่องดีๆแทนเทาเท่

หลินจือขยับริมฝีปากหัวเราะเยาะ “แต่เขาเป็นพี่ชายของพินอินนะ”

แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับเทาเท่ แต่เขาเป็นพี่ชายของพินอิน พอเธอคิดถึงสิ่งที่พินอินทำกับเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะเกลียดครอบครัวของพินอิน

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทาเท่

ควีนเข้าใจความหมายของคำพูดที่ต้องการสื่อของหลินจือ เธอหลับตาไม่พูดอะไรอีก

เทาเท่และโซเมนเข้ามาในตอนนั้นพอดี ควีนลุกขึ้นออกไปอย่างรู้งาน โซเมนก็ไปกับเธอ ปล่อยพื้นที่ว่างไว้สำหรับเทาเท่และหลินจือ

หลินจือที่เห็นเทาเท่เข้ามาก็เบือนสายตาหนี เธอยังคงจำได้ว่าก่อนที่จะหมดสติไปเธอร้องไห้ฟูมฟายในอ้อมแขนเขาอย่างไร

เธอจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์เป็นเพราะถูกเขาบีบบังคับ

ถูกคำพูดที่ว่าเขาตกหลุมรักเธอบีบคั้น เพราะเธอรู้สึกว่ามันน่าเยาะเย้ยมากๆ

ตอนที่เธอพยายามทำหน้าที่อยู่เคียงข้างเขาอย่างเต็มที่ เขาเกลียดเธอ ตอนนี้หลังจากที่พวกเขาหย่ากันมาหนึ่งปีกว่า เขาบอกว่าตกหลุมรักเธอ

ไม่ใช่การเยาะเย้ยแล้วคืออะไร?

เทาเท่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วพูดสีหน้าหนักแน่นว่า “ฉันขอโทษจริงๆสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น”

เทาเท่ไม่รู้ว่าควรจะใช้คำใดเพื่อแสดงความทุกข์ใจและความปวดใจที่มีต่อหลินจือได้ เดิมทีวันนี้เขาอยากจะสารภาพรักกับเธอ แต่เมื่อพินอินทำอย่างนั้นกับเธอ ตอนนี้เขาพูดอะไรไปก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์

“ฉันจะฟ้องพินอิน”

หลินจือไม่มองเทาเท่ เธอเพียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เทาเท่มองหลินจือด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แล้วตอบรับอย่างไม่ลังเลว่า “โอเค”

หลินจือหันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ ราวกับไม่คิดว่าเขาจะตอบเห็นด้วยได้อย่างสบายๆเช่นนี้

ยังไงซะพินอินก็เป็นน้องสาวแท้ๆของเขา หลินจือนึกว่าเขาจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพินอิน

เทาเท่พูดเสริมอีกว่า “เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาช่องทางการติดต่อของนทีบดีให้เธอ”

หลินจือแปลกใจอีกครั้ง เขาหมายความว่าจะให้ทนายชื่อดังอย่างนทีบดีมาเป็นทนายให้เธอ ช่วยเธอฟ้องน้องสาวของเขา?

เมื่อเห็นความประหลาดใจในดวงตาเธอ เทาเท่กล่าวเสริมว่า “เธอทำเรื่องที่ผิดก็ย่อมต้องถูกลงโทษ”

ความหมายก็คือเขาจะไม่มีวันปกป้องคนที่ทำผิดอย่างพินอิน

แต่หลินจือยังคงปฏิเสธความหวังดีของเขา “ไม่จำเป็น เก็บทนายนทีบดีให้พินอินเองเถอะ”

เธอจ้างนทีบดีไม่ไหว หากนทีบดีให้ราคาที่ถูกกับเธอ เธอก็ไม่สามารถที่จะรับมันได้ เพราะนทีบดีจะต้องให้ราคาที่ถูกกับเธอเพราะเห็นแก่เทาเท่ ซึ่งเธอไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณเทาเท่แม้แต่นิดเดียว

เทาเท่มองเธอเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่จ้างทนายให้เธอ”

หลินจือหลับตาไม่ตอบ

ไม่ว่าเขาจะจ้างไม่จ้างก็แล้วแต่เขา ถึงเขาไม่จ้างพ่อแม่เขาก็จ้างให้พินอินอย่างแน่นอน วีนาเอาใจพินอินมากซะขนาดนั้น จะยอมให้พินอินเข้าคุกได้อย่างไร

เทาเท่ยังอยากจะพูดเรื่องอื่น แต่โทรศัพท์ของหลินจือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น

เทาเท่เหลือบมอง ชื่อที่ปรากฏบนนั้นคือเจเทาวน์ อารมณ์เดิมที่เขากำลังหงุดหงิดก็พุ่งขึ้นทันที

สายนี้ทำให้เขาคิดออกว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนของเจเทาวน์

ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในกระทะทองแดง แต่ก็ไม่อยากออกไป เพราะเขาอยากเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจเทาวน์เป็นอย่างไร

เมื่อเห็นว่าเทาเท่ไม่คิดที่จะออกไป หลินจือจึงกดรับสายเจเทาวน์อย่างไม่ลังเลใจ

เจเทาวน์ที่อยู่ไกลถึงบ้านเกิดยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นกับหลินจือ ดังนั้นน้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยน “งานเซ็นหนังสือจบแล้วรึยังครับ? คุณได้ถ่ายภาพกับไอดอลของคุณสำเร็จไหม?”

เจเทาวน์รู้ว่าหลินจือชื่นชอบจอร์แดนมาก ดังนั้นจึงใช้หัวข้อนี้เริ่มเปิดบทสนทนา

น้ำเสียงของเจเทาวน์เต็มไปด้วยรัก แต่สำหรับหลินจือที่เพิ่งประสบกับมรสุมเรื่องแย่ๆมากลับร้ายแรงมาก หลินจือกลั้นไม่อยู่ น้ำตาไหลแผละออกมา

แต่เธอก็คิดได้ว่าเจเทาวน์ยุ่งจนหัวหมุนกับอาการป่วยของแม่เขามากพอแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่พูดเรื่องของตัวเองเจเทาวน์ต้องกังวลอีก ดังนั้นจึงกลั้นน้ำตาเอาไว้

แต่เจเทาวน์ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ จึงถามเธอด้วยความเป็นห่วงทางโทรศัพท์ว่า “เกิดอะไรขึ้น? คุณกำลังร้องไห้อยู่ใช่ไหม?”

หลินจือรีบปาดน้ำตาอย่างแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ก็แค่ซาบซึ้งที่ได้เจอไอดอลเท่านั้น”