“ข้างล่างเป็นทะเลโลหิต ฮองเฮาฉู่ตายที่นี่ แม้แต่ศพก็ไม่มีใครพบเจอ แม้ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่จะสงสัย ก็ไม่มีทางสาวมาถึงพวกเราได้”

“ที่นี่กว้างใหญ่ มีทิวทัศน์ด้านลบที่ดีเยี่ยม เป็นจุดฝังศพชั้นเลิศ ข้าว่าดีมาก”

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับหัวหน้ากองธงโบตั๋นต่างก็พูดเสริมกันและกัน จะฆ่าคนแท้ๆ พวกเขากลับพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติทั่วไป ราวกับว่าในสายตาพวกเขา การฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำทุกวัน

ในถังเหล็ก แม้เย่เฟิงจะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เขาดิ้นรนอยากจะออกไป แต่ถูกเหล็กแหลมยึดเอาไว้อย่างแน่นหนา ขยับเพียงเล็กน้อย ก็เจ็บปวดจนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีเลือดไหลออกมามากขึ้น

“ถ้าท่านกล้าฆ่านาง แม้ข้าจะตายไปแล้ว วิญญาณของข้าจะตามจองเวรท่าน สาปแช่งท่าน”เย่เฟิงด่าอย่างโมโห

แววตาของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้โหดเหี้ยมขึ้นมา

เย่เฟิงติดตามเขาตั้งแต่อายุห้าขวบ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยต่อต้านเขา เกลียดเขา แต่เขาไม่เคยใช้น้ำเสียงที่เย็นชาถึงเพียงนี้พูดกับเขามาก่อน

น้ำเสียงที่เย็นชาเช่นนี้ ราวกับทะลักออกมาจากทะเลสาบน้ำแข็งพันปี และเหมือนจะเผยออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

เดิมทียังอยากจะเก็บฮองเฮาฉู่เอาไว้ ทรมานเย่เฟิงให้สมใจ ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว ฮองเฮาฉู่ต้องตาย

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้หัวเราะเสียงเย็น “ตัดแขนขาของผู้หญิงคนนี้ซะ แล้วโยนลงไปในทะเลโลหิต ข้าอยากให้นางตายโดยมีชิ้นส่วนร่างกายไม่ครบ”

“ขอรับ”

“หยุดนะ บอกให้หยุด……”

เย่เฟิงไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง พยายามผลักถังเหล็ก แต่เขามีบาดแผลเต็มไปหมด ใช้พลังภายในจนหมดแล้ว บวกกับถังเหล็กที่แน่นหนาราวกับกำแพงเหล็กกล้า เขาใช้แรงกายทั้งหมดที่มี ก็เคลื่อนไหวเลยสักนิด

นอกถังเหล็ก ฉีโสว่หลายคนเอามีดขึ้นมาเอาไว้ ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮาฉู่

ฮองเฮาฉู่ด่าด้วยความอ่อนแรง “คนทำชั่วย่อมได้รับกรรม ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวัน พวกเจ้าทุกคนต้องได้รับกรรมสนอง”

ยกมีดขึ้นสูง ฉีโสว่กำลังจะตัดแขนขาของนาง กู้ชูหน่วนกำมือไว้แน่น ถ้าหากคนของเผ่าเทียนเฟิ่นยังไม่ปรากฏออกมาอีก นางต้องลงมือช่วยฮองเฮาฉู่ด้วยตนเองแล้ว

ที่โชคดีคือ ในชั่วพริบตาที่มีดจะฟันลงไป มีพลังภายในอันแข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งมาอย่างกะทันหัน ไม่เพียงแต่ทำให้มีดสะเทือนจนปลิวออกไป แม้แต่ฉีโสว่ทั้งหลายก็ยังได้รับบาดเจ็บ แต่ละคนหายใจรวยรินล้มไปอยู่บนพื้น

เงยหน้ามองไป เห็นเพียงผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าเทียนเฟิ่นและลูกศิษย์กำลังเร่งฝีเท้าเข้ามา เผยท่าทีเป็นศัตรูต่อเผ่าปีศาจอย่างชัดเจน

กู้ชูหน่วนผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง

เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น

เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น ฮองเฮาฉู่เกือบจะตายอยู่ที่นี่แล้ว

ฝูกวงสวมชุดของฉีโสว่แห่งเผ่าปีศาจ สวมหน้ากากโครงกระดูกอันหนึ่ง เดินย่องด้วยปลายเท้าเบาๆ กลับไปอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วน

“ทำไมจึงไปนานนัก”กู้ชูหน่วนถาม

“เรียนนายหญิง คนของเผ่าเทียนเฟิ่นระวังตัวกันมาก ข้าน้อยเสียเวลาไม่น้อยกว่าจะหลอกพวกมันได้”

หัวใจของฝูกวงยังคงเต้นระส่ำไม่หาย

นายหญิงถึงกับใช้กระดิ่งทลายวิญญาณไปหลอกล่อเผ่าเทียนเฟิ่น หลอกให้คนของเผ่าเทียนเฟิ่นกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ให้เข่นฆ่ากันเอง

ถ้าหากเรื่องโกหกถูกเปิดเผยออกมา นายหญิงไม่เพียงแต่จะสูญเสียกระดิ่งทลายวิญญาณ เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องสละชีวิตของตัวเองไปด้วย

กู้ชูหน่วนรับคำเบาๆหนึ่งเสียง รับเอาเสื้อผ้าของฉีโสว่แห่งเผ่าปีศาจที่ฝูกวงยื่นมาให้ สวมลงไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วสวมหน้ากากโครงกระดูกของเผ่าปีศาจ หวังเพียงแค่ว่าฮองเฮาฉู่กับเย่เฟิงจะสามารถอดทนต่อไปได้อีกหน่อย

ใต้ภูเขา

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กวาดตามองคนของเผ่าเทียนเฟิ่นนับสิบที่ดูขุ่นเคืองมาก อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็น”เผ่าปีศาจกับเผ่าเทียนเฟิ่นไม่เคยก้าวก่ายกันมาก่อน ทำไม ตอนนี้พวกเจ้าอยากจะเปิดศึกแย่งของล้ำค่ากันแล้วหรือ”

แม้จะเป็นการแย่งสมบัติล้ำค่า คงเร็วไปหน่อยกระมัง ตอนนี้ยังไม่เข้าสู่ปากปล่องภูเขาน้ำเต้าด้วยซ้ำ

เผ่าเทียนเฟิ่นมีผู้อาวุโสสองคน คนหนึ่งคือผู้อาวุโสจุนเหยียน อีกคนคือผู้อาวุโสหยุนเฟยเย่ ได้ยินคำพูดของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ความแค้นในใจก็ยิ่งทวีมากขึ้น