หลินจือไม่คิดว่าเทาเท่จะกลับไปแล้วย้อนกลับมา ยิ่งไม่คิดว่าเขาจะกลับไปแล้วย้อนกลับมาเพื่อนำอาหารมาให้เธอ
หลังจากได้สติเธอก็ตระหนักได้ว่าเธอเพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก ตาเธอจะต้องบวมแดงแน่นอน จึงคิดที่จะรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอและความจนตรอกของตนต่อหน้าเทาเท่ เธอรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเขาจะหัวเราะเยาะความเวทนาของเธอโดยใช้ท่าทีที่ดูสูงส่งของเขา
ก่อนที่เธอจะปิดประตูเทาเท่เหยียดขายาวออกมากันไว้ “หลินจือ!”
แค่มองเทาเท่รู้ทันทีว่าเธอร้องไห้มาและยังร้องไห้มาอย่างหนักด้วย
ท่าทางที่แอบไปร้องไห้คนเดียว แบกรับมันไว้ตัวคนเดียวของเธอ ทำให้เขาปวดใจมากจนพูดไม่ออก
“ขอโทษ”
“เธอตบฉันเถอะ หรือจะด่าก็ได้”
“ฉันไม่รู้ว่าจะชดเชยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเธอได้อย่างไร?”
เทาเท่พูดอย่างรู้สึกผิดในขณะเท้าก็กั้นประตูไปด้วย
หลินจือกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่จำเป็นต้องชดเชย เพียงแค่จากนี้ไปพวกเรารักษาความสัมพันธ์ที่เป็นแปลกหน้าต่อกันแบบที่ไม่สามารถแปลกหน้าได้มากกว่านี้ได้อีกก็พอ”
ความทุกข์ทั้งหมดที่เธอพบเจอนั้นล้วนเกิดจากเขานำมันมาให้เธอ
หลังจากเธอพูดจบ เทาเท่ก็จ้องที่เธอด้วยสายตาที่หม่นลง
เขาเป็นคนที่มีออร่ามาแต่ไหนแต่ไร หลินจือจะสามารถทนสายตาของเขาได้อย่างไร เธอไม่คิดที่จะปิดประตูแล้ว จากนั้นก็หันหลังกลับเพื่อจะหนี
เทาเท่ดึงเธอกลับมาและประกาศออกมาอีกครั้งทีละคำๆว่า “หลินจือ สิ่งที่ฉันพูดในโกดังก่อนหน้านี้ ฉันจริงจังนะ”
เขายอมรับว่าเขาตกหลุมรักเธอต่อหน้าพินอินและคนเหล่านั้น
ตอนนี้เธอบอกว่าให้พวกเขารักษาความสัมพันธ์ที่เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เขาจะทำมันได้อย่างไร
หลินจือตอบอย่างไม่เกรงใจ “ฉันก็พูดไปแล้วว่าฉันไม่ต้องการ”
เทาเท่ถูกเธอตอกหน้าจนหน้าเสีย หลินจือนึกว่าเขาจะโมโหตามนิสัยของเขา ยังไงซะเขาก็สูงส่ง เมื่อโดนเธอปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงจะรู้สึกเสียหน้าแน่นอน
หลินจือคิดว่าเทาเท่จะสลัดเธอทิ้ง จากนั้นก็จากไปด้วยความโกรธ
ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่มาหาเธออีก
ผลคือเทาเท่จ้องเธออยู่นาน ทำเพียงแค่หลับตาแล้วส่งอาหารให้เธอ “กินข้าวด้วยนะ”
ขณะที่หลินจือกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ก็ได้ยินเขาพูดอีกครั้งว่า “เธอจะกินเองดีๆอย่างว่าง่าย หรือจะให้ฉันจะเข้าไปดูเธอกิน”
หลินจือเลือกทางเลือกแรกโดยไม่ต้องคิด เธอรับอาหารจากมือเขาแล้วปิดประตูใส่อย่างเย็นชา
ประธานของฟอเรนากรุ๊ปผู้สง่างามอย่างเขาถูกทิ้งให้อยู่ข้างนอกประตู เทาเท่ทำได้เพียงสะกดอารมณ์แล้วหันหลังกลับไป
ตอนนี้อารมณ์หลินจือไม่คงที่และรู้สึกแย่กับเขามากๆ ถ้าเขายังลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อหน้าเธอ มันจะยิ่งทำให้เธอรำคาญมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับเรื่องการวางแผนแล้ว ในฐานะนักธุรกิจอย่างเขา เขารู้วิธีใช้มันที่สุด
หลังจากที่เทาเท่ลงไปข้างล่างแล้วขึ้นรถตัวเอง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหานทีบดี “เดี๋ยวฉันจะส่งหมายเลขโทรศัพท์ของหลินจือให้ แล้วนายโทรหาเธอ เธอต้องการฟ้องร้องเรื่องพินอิน นายมาเป็นทนายให้เธอ”
นทีบดีและไวท์รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จากปากของโซเมนแล้ว ดังนั้นนทีบดีจึงถอนหายใจพูดว่า “เมื่อก่อนมีเพียงคนอื่นๆที่มาขอร้องให้ฉันช่วยพวกเขาฟ้อง ไม่ได้คิดว่าฉันจะมีวันที่ส่งตัวเองไปหาลูกค้าถึงที่เอง”
และนทีบดียังมั่นใจว่า ต่อให้เป็นฝ่ายไปหาเธอถึงประตูเอง หลินจือก็ไม่ใช้เขา
เทาเท่พูดอย่างไม่แยแส “มาขอนายช่วย ทำไมนายถึงพูดมากจริง?”
นทีบดี “…”
นี่ท่าทางที่มาขอให้คนอื่นเป็นธุระให้เหรอ?
นทีบดีหยอกล้อเทาเท่อีก “นายนี่ผดุงซึ่งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ สามารถลงโทษได้หมดแม้จะเป็นญาติตัวเอง แต่น้องสาวของนายก็ควรได้รับบทเรียนจริงๆ”
นทีบดีและโซเมนมักจะไม่เข้าใจบ่อยๆ เทาเท่และพินอินเกิดมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน แล้วทำไมนิสัยของทั้งคู่ถึงต่างกันขนาดนี้
เทาเท่เป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ ส่วนพินอินเป็นแค่กากเดน เรียนก็เรียนไม่ดี คุณธรรมก็ไม่มี
นทีบดีพูดจบก็ถอนหายใจอีกครั้ง “หลินจือไม่ใช้ฉันแน่นอน อีกอย่างเธอมีแฟนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง เจเทาวน์จะต้องหาทนายความดีๆให้เธออย่างแน่นอน”
ไม่ต้องพูดถึงว่าในใจเทาเท่จุกแค่ไหน นทีบดีพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ
เขาเป็นเพื่อนบ้าอะไรกัน เอาแต่ดูเรื่องน่าอายของเขา
“ไม่ว่าเธอจะต้องการมันหรือไม่ นายโทรหาเธอก่อน” อย่างน้อยน้ำใจของเขาก็ส่งถึง
นทีบดีตอบว่า “ได้ๆๆ เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองกำลังจะวางสาย เทาเท่ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธจากฝั่งนทีบดีว่า “นทีบดี นายแอบสูบบุหรี่ในบ้านอีกแล้วใช่ไหม?”
หญิงสาวบ่นอีกครั้ง “น่ารำคาญจริงๆ จากนี้อีกอาทิตย์หนึ่งไปนอนห้องแขกเลยนะ ไปนอนจนกว่ากลิ่นบุหรี่บนตัวจะหายไป!”
ทนายความอย่างนทีบดีที่ถนัดในการใช้ฝีปากต่อสู้กลับเงียบกริบ ไม่มีการโต้แย้งใดๆ
เทาเท่ได้ฟังก็อดหัวเราะไม่ได้ ตอนนี้ก็ถึงคราวที่เขาจะหัวเราะเยาะนทีบดีอย่างไม่เกรงใจบ้างแล้ว “ทนายนทีบดีไม่กล้าแม้แต่จะสูบบุหรี่ในบ้าน นายยังมีหน้ามาบอกพวกเราอีกเหรอว่าทุกวันนี้มีความสุขมากแค่ไหน?”
ปกติเวลาที่พวกเขาชวนนทีบดีออกมาปาร์ตี้ดื่มเหล้าอะไรพวกนี้ นทีบดีออกมาเที่ยวน้อยมาก
พอชวนก็บอกว่าอยากกลับบ้านอยู่กับภรรยาแสนสวย ต่อให้ออกมาปากก็บอกว่าไม่อยากห่างภรรยาของเขา โชว์ความรักให้คนอิจฉา
ทำให้โซเมนแขวะเขาทุกครั้งว่าอวดความรักจะตายเร็ว
หลังจากที่นทีบดีถูกเทาเท่ล้อ เขาก็ไม่ได้หงุดหงิด “เธอไม่ให้ฉันสูบบุหรี่เพราะห่วงสุขภาพของฉัน”
เทาเท่เปิดโปงเขา “นายแน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะเธอเกลียดกลิ่นบุหรี่?”
นทีบดีพยายามจะโต้แย้งอย่างเต็มที่ “เธอจะเกลียดกลิ่นควันบุหรี่ได้อย่างไร? กลิ่นควันบุหรี่เป็นสิ่งที่ดูเป็นผู้ชายที่สุดสำหรับผู้ชาย”
เทาเท่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขา “นายเป็นทนาย ฉันสู้นายไม่ได้ ขอให้นายมีความสุขละกัน วางล่ะ”
หลังจากเทาเท่วางสาย เขาถึงขับรถออกจากชั้นล่างตึกของหลินจือ ขณะขับไปได้ครึ่งทางเขาก็โทรหาจอนห์ราวกับเพิ่งนึกอะไรออก “ช่วยตรวจสอบให้หน่อยว่า จอร์แดนจะออกจากเมืองเจสเวิร์ดวันไหน ถ้าเป็นไปได้ช่วยขอให้เขาอยู่ต่ออีกสักวัน”
ในใจหลินจือต้องเสียดายมากแน่ๆที่วันนี้ไม่ได้เจอจอร์แดน
ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะใช้ความสามารถของตัวเองช่วยชดเชยความเสียดายในครั้งนี้ของเธอ
“ได้ครับ” จอนห์รับคำสั่งเสร็จก็ไปจัดการติดต่อ
เทาเท่เพิ่งจะคุยกับจอนห์เสร็จ สายของคุณท่านก็โทรเข้ามาอีกครั้ง
“แม่แกกำลังโวยวายกับฉันอยู่ แกมีเวลาก็มาหาฉันหน่อย” คุณท่านพูดเช่นนั้นทางโทรศัพท์
เทาเท่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ครับ”
แม่เขาไปโวยวายที่นั่นทำไมเขารู้ดี เมื่อกี้ระหว่างทางที่เขาไปสั่งอาหารให้หลินจือ ก็ได้รับสายจากแม่ของเขา ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของพินอิน
วีนาด่าเขาไปยกหนึ่งเต็มๆ ส่วนใหญ่แล้วจะพูดว่าเขาไร้คุณธรรม คิดไม่ถึงว่าจะส่งน้องสาวตัวเองเข้าคุก แถมยังไม่ให้ประกันตัวเธออีก
เทาเท่เดาปฏิกิริยาตอบกลับของวีนาออกนานแล้ว แต่เขาไม่ได้ประนีประนอม “เธอทำเรื่องที่ผิด ย่อมต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย หากครั้งนี้ไม่ให้เธอลำบากบ้างเพื่อเป็นบทเรียน ต่อไปเธอจะยิ่งเรื่องที่ใหญ่ยิ่งขึ้น”