นครเรนทาโต สถานีรถไฟดาวหกแฉก

เช้าตรู่เวลาเจ็ดนาฬิกา ลูเซียนแต่งชุดอย่างเป็นทางการ เดินลงจากรถไฟท่ามกลางสายลมพัดเย็น

หลังจากได้รับคำเชิญ เขารีบตรวจสอบความน่าเชื่อถือของจดหมายกับสำนัก และจับรถไฟขบวนต่อไปเพื่อมายังนครเรนทาโตได้ทันที

ลูเซียนก้าวขึ้นไปยังรถม้าที่จ้างมา มือของเขาอุ่นขึ้นเล็กน้อย หลังจากบอกกับสารถีถึงสถานที่ที่กำลังมุ่งหน้าไป หัวใจของลูเซียนเต้นเป็นจังหวะค่อนข้างเร็ว

สักพักใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงล้อกำลังหมุนไป เขาก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้ น้ำเสียงของคำเชิญค่อนข้างรบกวนจิตใจของเขา ในความคิดของลูเซียน หากมีคนจากกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุและสถาบันชื่นชมคุณค่าในบทความชิ้นที่สองของเขาจริงๆ เขาสมควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม หากทั้งสององค์กรไม่เข้าใจถึงความสำคัญของตารางธาตุ แล้วเหตุอันใดจึงเสียเวลาส่งคำเชิญมาเล่า…?

ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา รถม้าก็หยุดอยู่ตรงหน้าสวนกุหลาบ มองไปด้านซ้าย ทะเลสาบสวอนอันงดงามถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ เกล็ดหิมะยังคงร่วงหล่นมาจากฟ้า

อัศวินหนุ่มผมสีทองสองนายกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงหน้าประตู สีหน้าดูจริงจังขึงขัง

แต่ลูเซียนบอกได้ว่าทั้งสองไม่ใช่อัศวินตัวจริง เนื่องจากทั้งสองใช้ยาวิเศษ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทั้งสองเต็มใจรับใช้กลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ

ในสาขาการปรุงน้ำยาเวทมนตร์ สำนักเวทธาตุ สำนักการเล่นแร่แปรธาตุ และสำนักศาสตร์มืดเชี่ยวชาญเรื่องนี้ที่สุด

“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ขอเราดูบัตรเชิญและเหรียญตราอาร์คานาของท่านด้วยขอรับ?”

ลูเซียนพยักหน้าและแสดงบัตรเชิญกับเหรียญตราอัศวินตรวจสอบ

หลังจากใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีลักษณะลักษณะเหมือนกระจกแก้วตรวจสอบบัตรเชิญกับเหรียญตราโดยละเอียดแล้ว อัสวินโค้งคำนับลูเซียนเล็กน้อย “ยินดีต้อนรับ ท่านลูเซียน อีวานส์ การประชุมจะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้ และแขกทุกท่านอยู่ในห้องโถงหลักแล้ว”

อัศวินอีกนายหันไปเปิดประตู

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย ลูเซียนก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง แล้วเขาก็เดินไปตามเส้นทางในสวนอย่างอดทนและผลักประตูใหญ่เปิดเข้าไปในคฤหาสน์

ณ ห้องโถง ผู้คนต่างสนทนากันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่มีแม้เสียงดนตรีหรือเสียงทะเลาะวิวาท เหล่าจอทเวทกำลังแลกเปลี่ยนการศึกษาวิจัยต่อกันอย่างสุภาพ หลายต่อหลายคนหลงเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความรู้

จอทเวทประมาณสองร้อยสิบคนได้รับเชิญในวันนี้ และในกลุ่มพวกเขา ส่วนใหญ่เป็นจอทเวทชั้นกลาง แต่ก็มีบ้างที่เป็นจอมเวทชั้นต้นแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จ

เก้าอี้และโต๊ะทุกตัวตั้งตั้งอยู่ล้อมรอบเวทีที่ยกสูงขึ้นมา บนเวทีดังกล่าว มีวงเวทสำหรับช่วยขยายเสียงของผู้พูด และมีแท่นสูงประมาณเอวตั้งอยู่ตรงหน้าเวที

มีไม่กี่คนที่สังเกตเห็นว่ามีนักเวทหน้าใหม่เข้ามาในห้องโถง แต่เมื่อหลายๆ คนตระหนักว่าไม่เคยเห็นลูเซียนมาก่อน พวกเขาก็เริ่มจ้องมองลูเซียนเป็นตาเดียวกัน

ลาซาร์ ณ ตอนนั้น กำลังยืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้องโถง รู้สึกโล่งใจที่การประชุมที่ต้องเตรียมตัวมาอย่างยาวนานกำลังจะเริ่มต้นเสียที และเมื่อเขาเห็นลูเซียนปรากฏตัวขึ้นที่นั่น เขาเองก็ประหลาดใจไม่แพ้ไปกว่าใคร

เขารีบเบียดตัวแทรกผ่านฝูงชนและคว้าแขนของลูเซียน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ลาซาร์ถามเขาเสียงเบา การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมประจำปีของสำนักเวทธาตุและสำนักการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งลูเซียนไม่แม้แต่เป็นสมาชิก!

ขณะที่ลูเซียนรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่เห็นคนแปลกหน้าเต็มห้องโถงไปหมด การปรากฏตัวของลาซาร์ช่วยให้เขาเบาใจขึ้นได้มาก

“ข้ามาร่วมประชุม…” ลูเซียนโบกบัตรเชิญในมือเร็วๆ ต่อหน้าลาซาร์ “เจ้าส่งให้ข้าหรือเปล่า?”

“อะไรนะ…เจ้าได้บัตรเชิญอย่างนั้นหรือ?!” ลาซาร์คว้าบัตรเชิญจากมือลูเซียนมาตรวจสอบ ขณะที่เขาขมวดคิ้ว ลาซาร์พึมพำ “เจ้าไปทำอะไรมาระหว่างที่ข้าไม่อยู่? นี่เป็นเพราะจดหมายที่เจ้าขอให้ข้าทดลองวัดน้ำหนักธาตุใหม่ใช่ไหม? ข้าลองดูแล้ว และพบว่าข้อมูลเก่าๆ ไม่ถูกต้องจริงๆ ด้วย!”

เมื่อลูเซียนกำลังจะตอบกลับ เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งก็ดังออกมาจากลำโพงเวทมนตร์ “ขอประทานอภัย ท่านลูเซียน อีวานส์ มาถึงหรือยังคะ? กรุณามาที่หน้าประตูด้วยค่ะ ท่านแลร์รี่กำลังตามหาอยู่”

บรรดาจอทเวททุกคนยุติการสนทนาและหันไปมองรอบๆ อย่างใคร่รู้ และสงสัยว่าใครคือลูเซียน อีวานส์

“รีเบกกา! อีวานส์อยู่ตรงนี้!” เมื่อได้ยินชื่อสหายของเขา ลาซาร์จึงตอบอย่างภาคภูมิใจด้วยเสียงอันดัง เขาดึงแขนลูเซียนและลากเดินไปที่ประตู

เหล่าจอทเวททั้งหลายต่างหลบทางให้ลูเซียน และในความคิดของพวกเขาต่างสงสัยกันว่าเหตุใดจอทเวทหนุ่มน้อยผู้นี้จะได้รับเชิญมางานประชุมครั้งสำคัญเช่นนี้

ชายสามคนและหญิงสาวอีกคนหนึ่งยืนรออยู่ที่ใกล้กับประตู หญิงสาวดวงตาสีเขียวสวมชุดกระโปรงยาวสีแดง ดูน่ารักชวนมองทีเดียว แต่นางก็ท่าทางเหนื่อยล้าจากการเตรียมงานประชุม ชายหนุ่มหน้ากลมอายุราวสามสิบกำลังสนทนาอยู่กับนาง

“ท่านแลร์รี่ อีวานส์อยู่นี่ขอรับ” ลาซาร์โค้งคำนับให้ชายหน้ากลมคนนั้นอย่างสุภาพ

ขณะที่ลูเซียนกำลังจะยิ้มออกไป แลร์รี่กลับมองเขาด้วยท่าทีสับสนและถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”

เสียงของเขาไม่ได้สูงแหลมแต่ลุ่มลึก จอทเวทหลายคนได้ยินคำถามของเขาชัดเจน จนทำให้จอทเวทจำนวนมากหันมามองเป็นตาเดียวกัน

แลร์รี่โบกมือเล็กน้อย “… ข้าขอโทษ ท่าน ข้าหมายถึง… ข้ากำลังตามหาลูกศิษย์ของข้า  ลูเซียน อีวานส์… อืม ลูเซียน อีวานส์ เค”

ลูเซียนเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกเหมือนว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องตลก

“ท่านแลร์รี่ เรามีอีวานส์คนเดียวค่ะ และเขาอยู่ที่นี่แล้ว” หลังจากผ่านไปสองสามวินาที รีเบกกาอธิบายอย่างกระวนกระวาย

“หมายความว่าอย่างไร?” แลร์รี่จ้องหน้ารีเบกกา

หนึ่งในชายสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแลร์รี่พูดกับรีเบกกาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าเป็นคนรับผิดชอบการแจกบัตรเชิญ รีเบกกา ข้าขอให้เจ้าเชิญลูกศิษย์ของท่านแลร์รี่  ลูเซียน อีวานส์ คนที่พัฒนาบทความเรื่องจำนวนอะตอม! แล้วเห็นไหมว่าจะทำอะไรลงไป?!”

ชายผู้นั้นชำเลืองมองเหรียญตราบนอกลูเซียน และยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ชายผู้นั้นเป็นจอทเวทระดับสาม นักเวทระดับ สาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย และดูเหมือนว่าระดับอาร์คานาจะพัฒนาขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เขาโค้งคำนับและขออภัยชายชราผมหงอกขาวจมูกงุ้มเล็กน้อย

รีเบกกาน้ำตาคลอเบ้า แต่นางยังไม่เข้าใจว่านางทำอะไรผิด

“ท่านลีอันโดร เรามีลูเซียน อีวานส์ สองคนที่สำนักดักลาส…” สีหน้าของลาซาร์แดงระเรื่อด้วยความละอายใจ แต่เขาก็ยังพยายามพูดแก้ตัวให้รีเบกกา “อาจเป็นเพราะอย่างนี้…”

อย่างไรก็ตาม ลีอันโดรยังคงมีน้ำโห “แล้วทำไมเจ้าไม่ระบุไปว่าขอเชิญ เค มาร่วมงานล่ะ? ทำไมเจ้าไม่ระบุระดับอาร์คานา? ชายคนนี้เพิ่งมีระดับอาร์คานา อยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น! เหมือนกับเจ้า!”

เขาชี้ไปที่หน้าอกของลูเซียน

“แต่… แต่ท่านลีอันโดร ข้าตรวจสอบแล้ว… มีเพียงลูเซียน อีวานส์ คนเดียวในสำนักดักลาส” รีเบกกาแทบจะร้องไห้โฮ “หรือข้าควรจะระบุให้ชัดเจนมากกว่านี้…”

“ท่านลีอันโดร” ลูเซียนตัดบทด้วยน้ำเสียงสุขุม “เค ออกจากสำนักแล้วก่อนที่บัตรเชิญจะส่งมา”

สิ่งที่ลูเซียนพยายามสื่อความหมายก็คือคนที่ผิดคือคนที่ให้ข้อมูลกับรีเบกกา ไม่ใช่ตัวรีเบกกาเอง

“แต่ก็ยังเป็นความผิดของนางที่ไม่ระบุระดับอาร์คานาในบัตรเชิญ!” ลีอันโดรหันมาทางลูเซียน “และเจ้า หัดใช้สมองเสียบ้าง! ไม่มีทางที่เจ้าจะได้รับเชิญมางานประชุมเช่นนี้”

เมื่อพูดกับจอทเวทที่ระดับต่ำกว่าเขา ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกต่อไป

“ไม่… ไม่… เป็นความผิดของข้าเอง” แลร์รี่ยกมือขึ้นเล็กน้อย “ข้าขอให้เคออกจากสำนัก แต่เมื่อที่ประชุมตัดสินใจจะเชิญเคเข้าร่วมเอาในนาทีสุดท้าย ข้าลืมแจ้งท่านลีอันโดรเรื่องนี้”

“แลร์รี่ ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าไม่เชิญเคมาด้วยตัวเองล่ะ?” ชายชราถาม

“ข้าหาเขาไม่พบ” แลร์รี่ยักไหล่เล็กน้อย “ข้าไม่คิดว่าเคจะออกจากสำนักเร็วขนาดนี้”

ชายชราในชุดสีดำกับสายตาที่ดูเป็นปริศนาแท้จริงแล้วคืออาจารย์ของแลร์รี่ ผู้อำนวยการกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา จอมเวทระดับเจ็ด นักเวทระดับเจ็ด ‘แกสตัน’

บรรดาจอมเวทในห้องโถงเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนถึงกับขบขันออกมา

“ขออภัยสำหรับเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ด้วย ท่านแกสตัน” ลีอันโดรรีบโค้งคำนับให้แกสตันด้วยกริยามารยาทประจบประแจง

“ไม่ใช่ความผิดของนางเสียทีเดียว” แกสตันพยักหน้าเบาๆ “อย่าทำให้นางรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลย”

ลีอันโดรค้อมศีรษะ และพูดกับลูเซียน “ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เจ้ากลับไปได้แล้ว”

ลูเซียนสุขุมอย่างที่เคยเป็น แม้จะได้ฟังดังนั้น และรู้สึกเหมือนถูกหยาม ตอนนั้นเอง แกสตันยกมือขึ้นมาห้ามลีอันโดร “อีวานส์ เจ้าสนใจในอาร์คานาศาสตร์ของสำนักเวทธาตุหรือไม่?”

ลูเซียนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้น ก็อยู่ก่อน ไม่ต้องอาย” แกสตันยิ้ม “นี่เป็นการประชุมใหญ่ประจำปีของเรา แม่ว่าเจ้าอาจจะยังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้มากนัก แต่มันจะเป็นประโยชน์กับเจ้ามาก บางทีสักวันหนึ่งเจ้าจะกลายเป็นจอทเวทที่มีอิทธิพลมากคนหนึ่ง”

ลูเซียนประหลาดใจมาก และค้อมศีรษะตอบรับอีกครั้ง

ณ สำนักงานใหญ่วารสารอาร์คานาสามัญ

หลังจากส่งบทความเกี่ยวกับการวัดน้ำหนักธาตุใหม่เรียบร้อยแล้ว วูดส์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างผ่อนคลาย บทความชิ้นนี้น่าจะได้ตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้

เขารู้สึกค่อนข้างสบายใจ และหยิบบทความของลูเซียนขึ้นมาอ่านส่วนท้ายของบทความเกี่ยวกับสมมติฐานเรื่องธาตุใหม่ที่ยังไม่ถูกค้นพบ

วูดส์ไม่ได้ตระหนักเลยว่าข้อสันนิษฐานของลูเซียนจะระบุรายละเอียดมาถึงเพียงนี้ ซึ่งมีถึงขนาดคาดการณ์ว่าอาจการค้นพบแร่บางชนิดที่ยังไม่ถูกค้นพบก็เป็นได้ หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น

คุณลักษณะของแร่ที่ลูเซียนอธิบายไว้ช่างคุ้นเคยกับเขามากจริงๆ

………………………