บทที่ 246 ระหว่างทางกลับบ้านกับสาวน้อยโลลิล่ะ!
บทสนทนาของคันซากิกับสึจิมิคาโดะแน่นอนว่าวู่หยานที่อยู่ระหว่างบินกลับเมือง
แห่งการศึกษาย่อมไม่ได้ยิน และย่อมไม่รู้ว่าตอนนี้ทางฝั่งเวทมนตร์ได้เพิ่มชื่อเขา
เข้าไปในหมวดรายชื่อบุคคลอันตรายเรียบร้อยแล้ว!
ถ้าวู่หยานรู้เขาคงได้ตะลึงแน่ ไม่นึกเลยว่าการที่ตัวเองทำตัวลึกลับจะทำให้อีกฝ่าย
มโนไปไกลได้ขนาดนี้ ไม่แปลกแล้วว่าทำไมพวกตัวเอกในนิยายที่ไปต่างโลกถึงได้
ชอบปกปิดตัวตนกัน……..
แต่ว่า ถึงวู่หยานจะไม่ได้มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่อะไรอย่างที่อีกฝ่ายมโน แต่เอาจริงๆ
แล้วขุมกำลังของเขามันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของคนอื่นเลย!
ถึงแม้จะมีกันเพียงห้าคน แต่ทั้งห้านี้คนที่เลเวลน้อยที่สุดอย่างฮินางิคุที่เป็นแรงค์7
ก็มีพลังเทียบเท่ากับเลเวล5ของเมืองแห่งการศึกษาได้เลย! นอกจากนี้ยังมีตัววู่
หยานที่หลังจากผ่านการสู้รบกับอัครทูตสวรรค์ทำให้ตอนนี้เขาเลเวลอัพเป็น67
แล้ว!
ถึงแม้กาเบรียลจะหายไปเพราะสถานที่ทำพิธีถูกทำลาย แต่อีกฝ่ายก็มีความมุ่ง
ร้ายต่อเขาจริงๆ ดังนั้นถึงจะไม่ชนะแต่เขาก็ยังได้ค่าประสบการณ์อยู่ดี ด้วยเหตุ
นี้วู่หยานจึงเวลอัพหนึ่งเลเวล!
แม้แต่ท่านประธานยังได้ผลบุญอนิสงจากการต่อสู้นี้ด้วยเลย เธอเองก็เลเวลอัพ
หนึ่งเวลเช่นกัน เป็นเลเวล64!
ถึงวู่หยานจะเป็นแรงค์7แต่ด้วย สายเลือดแท้ และ Night of Meteor ต่อให้คู่
ต่อสู้เป็นแรงค์8เขาก็สู้ได้! และถ้าอีกฝ่ายมันประมาทก็มีโอกาศที่จะโดนธนูของเขา
สอยรวงเอาได้ด้วย!
ส่วนสามสาวที่เหลือเองก็ได้ค่าประสบการณ์จากกาเบรียลเช่นกัน มิโคโตะเลเวล
เพิ่มเป็น71 แอสเทรยกับอิคารอสเองก็เวลเพิ่มเป็น76และ78!
โดยสรุปแล้วได้สู้กับอัครทูตสวรรค์ทำให้ วู่หยาน ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และ
แอสเทรีย เลเวลอัพหนึ่งเลเวล!
นี่ก็ไม่แปลกอะไร แอสเทรียที่สั่งสมค่าประสบการณ์มาจากทั้งตอนสู้กับแอค
เซราเรเตอร์ และกับ อัครทูตสวรรค์ ทั้งหมดทั้งวลนี่จึงไม่แปลกอะไรที่เธอ
จะเลเวลอัพ
ส่วนอิคารอสรายนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ตั้งแต่โดนอัญเชิญมาก็ได้ค่าประสบการณ์
มาจากทั้งตอนไปปล้….เอ่อ ล่าสมบัติ ยังมีค่าประสบการณ์จากแรงค์8ทั้งสามคนที่
เธอได้สู้ในถ้ำหินนั่น นอกจากนี้ยังได้รับมาจากอีกหลากลายเหตุกาณณ์ที่เกิดขึ้นใน
เมืองแห่งการศึกษา ผ่านศึกมากมายนี่ทำให้เธอเลเวลอัพ!
ถึงแม้แรงค์มันจะไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกพลังที่มีเสมอไป อย่างเช่นวู่หยานที่เลเวลแค่
67แต่ด้วยNight of Meteorทำให้เขาสู้ข้ามแรงค์ได้ และอิคารอสกับแอสเทรียที่มี
อุปกรณ์ทรงพลังหลายอันทำให้พลังของเธอนับได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของแรงค์8!
ด้วยแรงค์7ทั้สอง และแรงค์8อีกสาม เอาแค่นี้ก็ทำให้คนทางฝั่งเวทมนตร์มองข้าม
พวกเขาไม่ได้แล้ว ต้องรู้ก่อนว่าเมืองแห่งการศึกษาที่มีแค่แอคเซราเรเตอร์กับอเล
สเตอร์ที่เป็นแรงค์8ยังทำให้ฝั่งเวทมนตร์ให้ความสำคัญมาก!
นี่ยังไม่ได้คำนวณอีกตัวตนนึงที่เคยปรากฏตัวมาให้วู่หยานเห็นลางๆ เอวัส อีก!
เพียงแค่นี้ก็ทำให้เมืองแห่งการศึกษานับเป็นขุมกำลังใหญ่ขุมนึงแล้ว……
ต่อจากนี้เรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหนวู่หยานก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือตอนนี้เขา
กำลังอารมณ์ดีจากการที่เห็นทุกคนเลเวลอัพ!
วู่หยานบินมาถึงเมืองแห่งการศึกษาแล้วซึ่งเทียบกับตอนขาไปเรียกได้ว่าขากลับ
เร็วกว่าเยอะ นี่ทำให้วู่หยานจำต้องถอนหายใจให้กับร่างกายอันบอบบางของควีน
ซามะ ถ้าไม่ใช้เพราะเขาโดนสลับร่างล่ะก็บางทีเขาคงบินไปถึงชายหาดก่อนกาเบรี
ยลมันจะได้ร่ายเวทย์อีก…….
ด้วยบาเรียแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้วู่หยานไม่กลัวโดนกล้องวงจรปิดของเมืองแห่ง
การศึกษาจับภาพที่เขาบินฝ่าฝืนกฎฟิสิกส์ได้ ระหว่างที่เขากำลังบินตรงกลับไปที่
บ้าน เขาก็บังเอิญเหลืองไปเห็นเงาคนเข้า วู่หยานจึงหยุดกึก
ผลสีน้ำตาลทรงบ๊อบยาวถึงหัวไหล่ มีใบหน้าร่างกายเล็กๆกับขาอ่อนขาวเนียนที่ดู
เตะตา เป็นโลลิที่ชอบพูดลงท้ายประโยคด้วยคำว่า ‘โครต’(ultra)……..
ในเวลานี้ เธอกำลังเดินไปตามตรอกซอยพรอ้มกับสวมฮู้ดไปด้วย เขาไม่สามารถ
เห็นสีหน้าเธอจากมุมนี้ได้แต่ดูเหมือนปสกเธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่
ความสนอกสนใจของเขาถูกจุดขึ้นมาโดยลิตเติ้ลเกิร์ลคนนี้ที่ไม่เห็นหน้าเห็นตากัน
มาเสียนาน วู่หยานจับคางจากนั้นกลับตัวบินลงไปที่จอดที่ด้านหลังเธอ
ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนนึงขององค์กรใต้ดินแห่งเมืองการศึกษา แล้วคิดเหรอว่า
เธอจะไม่ตื่นตัวไว้ตอนเดินในซอยแบบนี้? สัมผัสได้ถึงคนที่เข้าใกล้จากด้านหลัง
เธอก็รีบหันกลับไปดู สิ่งที่เห็นคือใบหน้าเปื้อนยิ้มของวู่หยาน
“เป็นคุณ!” คินุฮาตะสะดุ้งด้วยความตกใจสุดๆ จากเดิมที่ที่มีสีหน้าใจเย็น ทว่า
ทันใดนั้นสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวดราวกับเห็นสัตว์ร้ายยังไงยังงั้น โดยที่ไม่
ต้องเสียเวลาคิดเธอกลับหันหลังและ…..วิ่ง!
วู่หยานที่คาดเดาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไว้ก่อนแล้วก็ได้ยื่นมือออกไปจับเธอได้
อย่างทันท่วงที จากนั้นดึงร่างเล็กๆนี่เข้าสู้อกตัวเอง เสร็จแล้วพูดเยาะเย้ย “โย่ว คิ
นุฮาตะจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ ทำไมพอเห็นฉันถึงต้องวิ่งหนีด้วยล่ะหือ?”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะคะ! ไอ้คุณโครตโรคจิต!!!” คินุฮาตะพยายามดิ้นให้หลุด
อย่างสุดกำลัง แต่กับวู่หยานที่อีโวลกลายเป็นแวมไพร์สายเลือดแท้มีหรือจะมา
ด้านพลังกำลังกับเด็กสาวตัวน้อยๆแบบนี้ได้น่ะ? ดังนั้นความพยายามของเธอจึง
สูญเปล่าสนิท
ดูเหมือนคินุฮาตะจะลืมใช้พลังของตัวเอง ไม่สิไม่รูว่าเพราะลืมหรือเป็นเพราะเธอ
เผลอเลือกที่จะไม่ใช่มันตามจิตใต้สำนึก อาจจะเป็นเพราะเธอกำลังหวาดกลัว
เกินไปก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงการที่มีผู้หญิงเนื้อตัวนุ่มๆมาดิ้นในอ้อมกอดของเขาก็ทำ
ให้วู่หยานมีความสุข……
“โห? นี่เป็นวิธีที่ใช้ทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่เจอกันตั้งนานงั้นเหรอ? หือ? ว่าไงล่ะ
เด็กน้อย……”
“คุณสิเด็กน้อย! โครตเด็กน้อย! แล้วก็ใครเป็นเพื่อนสนิทของคุณกันห๊ะ! ไอ้โครต
โรตจิตนี่!!!”
เห็นได้ชัดว่าคินุฮาตะไม่ถูกกับคำว่าเด็กน้อยมาก เธอที่หวังว่าตัวเองจะตัวโตและ
ถูกคนอื่นเรียกว่าสาวสวยเข้าสักวัน ดังนั้นการมาเรียกเธอว่าเด็กน้อยจึงไม่ต่างจา
การดูถูกเธอ…….
ได้ยินคำว่า ‘โครต’หลายครั้ง วู่หยานก็ยกคิ้วขึ้น “โฮะโฮะ ดูเหมือนคินุฮาตะจังจะ
กลับมาก้าวร้าวอีกแล้วนะเนี่ย ดูท่าคงจะลืมบทเรียนคราวที่แล้วไปแล้วสินะเนี่ย
อยากให้ฉันทวนบทเรียนให้มั้ยเอ่ย?”
พูดเสร็จ วู่หยานก็เอามือไปจับขาอ่อนสวยๆของเธอ การกระทำของเขามันทำให้
ผู้คนอดคิดไม่ได้จริงๆว่านี่เป็นเป้าหมายจริงๆของเอ็งที่บินลงมาใช่มั้ย?……..
ขาอ่อนของเธอถูกมือร้อนๆจับ คินุฮาตะที่กำลังดิ้นอยู่ก็หยุดกึกทันที สัมผัสได้ถึง
ฝ่ามือที่คุ้นเคย คินุฮาตะก็เลิกที่จะดิ้น แล้วเปลี่ยนมาเป็นสะอึกสะอื้นแทน
“คุณมันโครตโรคจิตจริงๆด้วยคะ…..อื้อออ”
เมื่อคำว่า ‘โครตโรคจิต’ ดังออกมา มือที่จับต้นขาเธอจู่ๆก็เพิ่มแรงขึ้นทำให้คินุฮา
ตะตกใจรีบหุบปากทันที
บีบขาอ่อนเนียนนุ่มของคินุฮาตะ วู่หยานก็พูดว่า “เด็กน้อย ถ้าเธอเปลี่ยนจากคำ
ว่า โครตโรคจิต เป็นอย่างอื่น ฉันก็ใจดีพอที่จะปล่อยตัวเธอไปน่ะ ว่าไงล่ะ?”
เดิมทีเมื่อได้ยินคินุฮาตะก็รู้สึกดีใจสุดๆ แต่ดูเหมือนวู่หยานจะลืมไปว่าคำว่า เด็ก
น้อย มันเหมือนเป็นคำต้องห้ามที่ทำให้คินุฮาตะโกรธจัดได้…….
“ฉันไม่ใช่โครตเด็กน้อยนะ!!!” คินุฮาตะหัวร้อน ข่มกลั้นความรู้สึกที่ส่งมาจากต้น
ขา เธออ้าปากตะโกนใส่วู่หยาน “บอกว่าให้เรียกอย่างอื่น ทำไมคุณไม่ดูมือตัวเอง
ก่อนล่ะคะว่าจับอะไรอยู่นะ!”
“โอ๊ะโอ้” วู่หยานหรี่ตาลง ก่อนจะเผยใบหน้ายิ้มแย้มที่ทำให้คินุฮาตะกลัวออกมา
“ว่าไงนะ? มือฉับจับอะไรอยู่นะ? รบกวนช่วยพูดอีกรอบหน่อยซิ……”
พูดเสร็จวู่หยานก็เลื่อนมือขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ไปยังจุดที่คินุฮาตะไม่อาจ
มองข้ามได้อีกต่อไป……
คินุฮาตะร้องออกมา แล้วเริ่มดิ้นใหม่ “รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นฉันจะ
ตะโกน!!”
วู่หยานอยากจะพูดไปมากว่า ‘เอาสิ เชิญเลย เธอตะโกนให้ตายก็ไม่มีใครมา
หรอก’ อยู่หรอกนะแต่พอกำลังจะอ้าปากพูดเขาก็ฉุกคิดได้ว่าบทพูดมันดูเป็นตัว
ร้ายเกรดบีไงไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงโยนความคิดนี้ทิ้ง แล้วพูดว่า…..
“เอาสิ ตะโกนเลยเอาให้คอแตกไปเลยนะ ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก…….” วู่หยาน
พูดบทพูดตัวร้ายเกรดสองไปแล้วครับ……
ตอนนี้มือเขาได้เลื่อนไปถึงส่วนลืกของขาอ่อนเธอแล้ว คินุฮาตะกรีดร้องออกมา
เมื่อมือวู่หยานกำลังจะเลื่อนขึ้นไปด้านบนต่อไปยังจุดที่สำคัญที่สุดของเธอ……
“รู้แล้ว! ฉันเข้าใจแล้ว! รีบหยุดให้ไวเลยคะ!!!!”
คินุฮาตะอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ท้องฟ้ายังไม่มืดเลยแท้ๆ แถมเธอยังไม่ได้ไป
เดินตรอกมืดๆด้วย แต่กลับต้องโชคร้ายมาเจอหมาป่าตัวนี้……..