“อวิ๋นจิ่น แม่นางหลานถูกพิษ ตัวยาสมุนไพรเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการเตรียมยาถอนพิษ อวี้เอ๋อร์กับฮูหยินปี้ต่างไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรเหล่านี้มาก่อน ท่านลองดูสิ จะหาตัวยาเหล่านี้ได้จากที่ใด? ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
อวิ๋นจิ่นรับเอาเทียบยาจากซูจิ่นซี มาดูอย่างละเอียด
ผ่านไปครู่ใหญ่ อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเงยหน้าพูดว่า “พระชายา ยาบางชนิดมีอยู่ในสำนักหมอหลวง แม้ยาบางชนิดจะหายาก ทว่าข้าน้อยมีสหายเป็นหมอยาอยู่ไม่น้อย หากให้พวกเขาช่วยค้นหา น่าจะหามาได้ แต่ตัวยาบางชนิด ข้าน้อยไม่เคยได้ยินแม้แต่น้อย! ”
“สมุนไพรตัวใดบ้าง? ”
“ยาเชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่ง และหลิวจี้หนูขอรับ”
อวิ๋นจิ่นก็ไม่รู้จักตัวยาเหล่านี้?
ใบหน้าของซูจิ่นซีค่อยๆ ปรากฏความลำบากใจ
“ขอทูลถามพระชายา สมุนไพรเหล่านี้เป็นสมุนไพรที่แปลกประหลาดอย่างมาก พระชายาทราบได้อย่างไรว่าเทียบยานี้สามารถถอนพิษได้? ”
ซูจิ่นซีเขียนเทียบยาด้วยตนเอง กลับไม่รู้ว่าตัวยานั้นหายากหรือไม่? นอกจากนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สอง ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้หากมีผู้ใดสงสัย
“ข้าเคยอ่านตำราแพทย์บางเล่มแล้วจดบันทึกเอาไว้ จำได้เพียงชื่อยาและสรรพคุณทางยา แต่ไม่เคยพบเห็นว่าสมุนไพรนั้นมีหน้าตาเช่นไร และไม่รู้ว่าจะหาสมุนไพรได้จากที่ใด”
“พระชายา ใช้สมุนไพรอื่นทดแทนได้หรือไม่? ”
สมุนไพรเหล่านี้หายากจริงๆ
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ ระบบถอนพิษให้เพียงแผนการถอนพิษเท่านั้น
อวิ๋นจิ่นครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนที่พระชายาเห็นสมุนไพรเหล่านี้ ยังทรงจำได้หรือไม่ว่า สมุนไพรเหล่านี้มีชื่อเรียกอย่างอื่นหรือไม่? ”
โดยปกติ สมุนไพรมักมีชื่อเรียกหลายชื่อ บางทีชื่อที่ซูจิ่นซีเขียนออกมา อวิ๋นจิ่นและพวกเขาอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน หากสมุนไพรมีชื่อเรียกอื่น อวิ๋นจิ่นอาจรู้จัก
ซูจิ่นซีดีใจมาก เหตุใดถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“ยาเชียนเหนียนเจี้ยนและสือชีจ่ง ตัวยาทั้งสองชนิดนี้ไม่มีชื่ออื่น แต่หลิวจี้หนูยังมีอีกสองชื่อ เรียกว่าอูเถิง อีกชื่อเรียกว่าหิมะเดือนหก”
“หิมะเดือนหก? ” อวิ๋นจิ่นยังคงแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดว่า “พระชายา หากเป็นหิมะเดือนหก ข้าน้อยย่อมรู้จัก มันเป็นยาสมุนไพรจีน งอกในฤดูหนาว เจริญเติบโตในฤดูใบไม้ผลิ ออกดอกในฤดูร้อนตอนเดือนหกพอดี เวลาที่เจริญเติบโตและออกดอกนั้นค่อนข้างยาวนาน ลำต้นและใบคล้ายกับต้นอ้ายเฮา ดอกมีรูปร่างคล้ายดอกฝ้าย”
“จริงหรือ? จะหาได้จากที่ใด? ”
“หิมะเดือนหกไม่มีในอาณาเขตของแคว้นจงหนิง ทั้งเมล็ดพันธุ์ของมันยังหายากยิ่งนัก ไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระหม่อมเคยใช้สมุนไพรตัวนี้มาก่อน ล้วนขอมาจากหุบเขาเทพโอสถแห่งแคว้นหนานหลีพ่ะย่ะค่ะ”
หุบเขาเทพโอสถ?
อยู่ในมือของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า?
เห็นซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย อวิ๋นจิ่นจึงพูดปลอบว่า “พระชายาอย่าได้ลำบากพระทัย แม้หุบเขาเทพโอสถจะมีกฎเกณฑ์มากมาย ทว่าเป็นสถานที่ที่คุยกันด้วยเหตุผล หากต้องการสมุนไพรจากจอมวายร้ายไป๋เฉ่านั้นไม่ยาก เพียงทำตามกฎและเงื่อนไขบางอย่างของหุบเขาเทพโอสถให้สำเร็จเท่านั้น ประชาชนจำนวนมากล้วนไปขอยาสมุนไพรจากที่นั่น”
ประชาชนทั่วไปยังสามารถไปขอสมุนไพรได้ ซูจิ่นซีที่มีฐานะเป็นพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง หากต้องการขอสมุนไพร ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ภายในใจของซูจิ่นซีกลับรู้สึกต่อต้านการไปขอสมุนไพรจากหุบเขาเทพโอสถ
ทว่าเพื่อช่วยชีวิตคนที่อยู่ตรงหน้า นางไม่มีวิธีอื่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะหาหลิวจี้หนูหรือหิมะเดือนหกพบแล้ว ยังมียาเชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่ง ยาสมุนไพรสองชนิดนี้จะหาได้จากที่ใด?
อวิ๋นจิ่นราวกับเห็นความกังวลใจของซูจิ่นซี จึงพูดว่า “พระชายาอย่าได้กังวลพระทัย จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเป็นหมอยาที่มีชื่อเสียง ยิ่งไปกว่านั้น หุบเขาเทพโอสถเป็นสถานที่ปลูกยาสมุนไพรที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักรเทียนเหอ ทั้งยังรวบรวมสมุนไพรจำนวนมากในแผ่นดินนี้ แม้พวกเราไม่ทราบ ทว่าบางทีจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เจ้าแห่งหุบเขาเทพโอสถอาจรู้จัก ถึงเวลาพวกเราก็ไปขอตัวยาที่หุบเขาเทพโอสถ”
“พวกเรา? ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ครั้งนี้กระหม่อมจะไปหนานหลีกับพระชายา เนื่องจากกระหม่อมมีตัวยาสมุนไพรหลายตัวที่ต้องการจากจอมวายร้ายไป๋เฉ่าพอดี”
“ตกลง! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
จากนั้นซูจิ่นซีก็เรียกซูอวี้กับอนุปี้เข้ามา และกำชับให้พวกเขาทั้งสองสังเกตอาการป่วยของหลานเยวี่ยหลีให้ดีก่อนที่นางจะกลับมา จากนั้นซูจิ่นซีก็เตรียมเดินทางไกลไปแคว้นหนานหลีพร้อมกับอวิ๋นจิ่น
ซูจิ่นซีอยู่ในห้องมาตลอด ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเยี่ยโยวเหยาและคนของจวนสกุลหลานที่อยู่ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อซูจิ่นซีออกมาก็ไม่พบกับเยี่ยโยวเหยาแล้ว กลับพบคนของสกุลหลานจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนในกองทัพสกุลหลาน หลานเสวียนหมิงยืนอยู่แถวหน้าสุด แต่ละคนต่างมองไปที่ซูจิ่นซีด้วยแววตาดุดันเกลียดชัง
หากไม่ได้พบพวกเขา ซูจิ่นซีคงลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เนื่องจากรีบไปหาสมุนไพร
“อวิ๋นจิ่น รบกวนท่านรอข้าสักครู่”
ซูจิ่นซีพูดจบก็เดินไปด้านหน้าหลานเสวียนหมิงทีละก้าว พลางส่งสายตาขึงขังมองเขา
“ก่อนหน้านี้ แม่ทัพหลานต้องการคำอธิบายจากข้า ตอนนี้ข้าจะให้คำอธิบายแก่ท่าน ที่หลานเยวี่ยหลีถูกพิษ ไม่เกี่ยวข้องกับจวนสกุลซูแม้แต่น้อย ท่านต้องการให้ข้าหาผู้ลงมือหรือไม่? ”
หลานเสวียนหมิงเป็นคนฉลาด ทว่าเขาเพิกเฉยคำพูดของซูจิ่นซีซึ่งเป็นประโยคที่สำคัญที่สุด
อาศัยตอนที่เยี่ยโยวเหยาไม่อยู่ เมื่อยืนต่อหน้าซูจิ่นซีสตรีนางนี้ หลานเสวียนหมิงจึงยืนหลังตรงเชิดขึ้นไม่น้อยทีเดียว
“พระชายา ท่านพูดว่าเยวี่ยหลีถูกพิษไม่เกี่ยวข้องกับจวนสกุลซูหรือ? ผู้ใดจะเชื่อ! เมื่อคืนวาน เยวี่ยหลีไปที่จวนสกุลซู หลังจากกลับจวนมาได้ไม่นาน อาการพิษก็กำเริบ หากไม่ใช่คนจากจวนสกุลซูของท่านวางยาพิษนาง หรือเป็นคนในจวนสกุลหลานของกระหม่อมเองที่วางยาพิษเพื่อใส่ร้ายท่าน? ”
ซูจิ่นซีมองหลานเสวียนหมิง พลางยกยิ้มมุมปากเย็นชา แล้วพูดว่า “โชคร้ายยิ่งนัก พิษนี้มาจากคนในจวนสกุลหลานของท่านจริงๆ ”
“พระชายาโยวอ๋อง อย่าพูดจาไร้สาระ ท่านพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? โชคดีที่ท่านเป็นคนของท่านอ๋อง! ” ทันใดนั้น หลานเสวียนหมิงก็พูดออกมาด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“หลานเสวียนหมิง เดิมพันกับข้าเป็นอย่างไร? ”
“เดิมพัน? ” หลานเสวียนหมิงพูดด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น “เดิมพันอันใด? ”
จนป่านนี้แล้ว สตรีนางนี้ยังคิดเดิมพันกับเขาอีก … เป็นดั่งที่คาดการณ์ไว้ นางเป็นตัวสร้างปัญหาจริงๆ
“เดิมพันว่า พิษของหลานเยวี่ยหลีมาจากคนในจวนสกุลหลานเป็นผู้กระทำ ข้าขอเดิมพันด้วยศีรษะของข้าเอง”
เดิมพันด้วยชีวิตตนเอง
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
ทุกคนที่อยู่ด้านหลังหลานเสวียนหมิงต่างตกตะลึง คนในกองทัพสกุลหลานที่ก่อนหน้านี้ใช้หางตาแสดงท่าทีดูหมิ่นซูจิ่นซี พลันเงยหน้าขึ้นมามองซูจิ่นซีอย่างเปิดเผย
หลานเสวียนหมิงคิ้วกระตุก หนวดที่มุมปากสั่นเล็กน้อย “พระชายาโยวอ๋อง กล่าวเกินไปแล้วกระมัง? อย่างไรเสียก็เป็นเพียงการเดิมพันเท่านั้น”
“เกินไปหรือ? ” ซูจิ่นซียักคิ้ว “แต่แม่ทัพหลาน ลูกน้องของท่านกับท่านพูดจาใส่ร้ายข้า ทั้งยังกล่าวยั่วยุข้า ข้าในฐานะพระชายาโยวอ๋องยังห่วงว่าการเดิมพันด้วยศีรษะของตนเอง ไม่เพียงพอให้กอบกู้ศักดิ์ศรีหน้าตาของข้ากลับคืนมาด้วยซ้ำ! ”
หลานเสวียนหมิงหนวดกระตุก เขาหลับตาลง ไร้คำพูดตอบโต้
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วพูดว่า “อย่างไรเล่า? แม่ทัพหลาน อย่าบอกนะว่าท่านไม่กล้า! ”
“ใครบอกว่าแม่ทัพอย่างข้าไม่กล้าเดิมพัน? ข้าขอเดิมพันด้วยศีรษะตนเองเช่นกัน”
หลานเสวียนหมิงไม่มีท่าทีเกรงกลัวความตายแม้แต่น้อย เขามองซูจิ่นซีโดยไม่แสดงความอ่อนแอใดๆ