บทที่ 132 จิตแพทย์หญิง

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เทาเท่เปลี่ยนชุดเสร็จไวท์ก็ถามเขาอีกว่า:“หน้าผากนายเป็นอะไร?”

เทาเท่ละสายตาลงไปพูดนิ่งๆ:“แม่ฉันเอากาน้ำชาทุบ”

ไวท์ถอนหายใจ:“เดี๋ยวฉันพันให้นายอีกรอบ”

ก่อนหน้านี้พ่อบ้านที่บ้านคุณท่านพันแผลให้ แต่เพิ่งสู้กับเจเทาวน์ไป เลยหลุดออกมา

เทาเท่แตะผ้าก๊อซที่หน้าผาก แล้วดึงออกมาเลย

ไวท์เอาไอโอดีนที่ฆ่าเชื้อและผ้าก๊อซมาทันเวลา ทำความสะอาดและพันแผลให้เขาอีกครั้ง

“สองสามวันนี้อย่าโดนน้ำ ทางที่ดีห้ามแตะบุหรี่เหล้าเบียร์ จะได้ไม่อักเสบ”ไวท์กำชับไปแบบนี้

เทาเท่ตอบอือ จากนั้นพูดอีกว่า:“ช่วยฉันหาจิตแพทย์ที่ดีให้หน่อยสิ”

ไวท์รู้ว่าเขาหาให้หลินจือ จึงพูด:“เมื่อกี๊ติดต่อให้นายแล้ว รอหลินจือไข้ลดลง ก็ไปคุยกับเธอได้”

เทาเท่เลิกคิ้วขึ้น:“ชายหรือหญิง?”

ถ้าเป็นผู้ชาย เขาจำเป็นต้องปฏิเสธ

ตอนนี้เขาทนดูผู้ชายสมบูรณ์แบบที่ปรากฏตัวข้างกายหลินจืออีกไม่ได้แล้ว แค่เจเทาวน์คนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโมโหได้แล้ว

“ผู้หญิง”ไวท์กัดฟันพูด“แผนกจิตวิทยาของโรงพยาบาลเรารับแต่หมอผู้หญิง”

เทาเท่ยังไม่ทันพูดอะไร โซเมนที่อยู่ข้างๆก็สนใจ:“ผู้หญิง?และยังเป็นจิตแพทย์อีก?อายุเท่าไหร่?สวยไหม?”

ไวท์:“……”

“อายุสามสิบ ปริญญาเอกจาก哈弗大学医学院 สวย”ไวท์วิจารณ์จิตแพทย์หญิงคนนี้ตามภววิสัย แต่ก็พูดเสริมไปอีกว่า“แต่นิสัยน่ากังวล แนะนำแกอย่ายุ่งดีกว่า”

โซเมนอยากรู้อยากเห็น:“นิสัยน่ากังวลหมายความว่าไง?”

ไวท์เหลือบมองเขา ส่งเสียงฮึดฮัด:“ชอบเล่นกับความรู้สึก”

โซเมนดูตื่นเต้น:“ห่า นี่มันคู่ควรกับฉันมากเลยนะ รีบแนะนำให้พวกเรารู้จักสิ”

ไวท์:“……”

โซเมนเห็นเขาไม่พูด จึงยกมือขึ้นลูบคางถามอย่างใช้ความคิด:“แล้วแบบนี้นายรู้ได้ไงว่าเธอชอบเล่นกับความรู้สึก?คงไม่ใช่เคยถูกเธอทิ้งใช่ไหม?”

ไวท์กัดฟัน:“เปล่า”

โซเมนถามอีกว่า:“ถูกหลอกให้นอนด้วย?”

ไวท์:“……”

โซเมนอย่าพูดได้เฉียบขนาดนี้ได้ไหม พอพูดก็พูดตรงใจเขาหมด

โซเมนหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา:“คงไม่จริงใช่ไหม?หมอไวท์!”

ไวท์จะโกรธแทบตายอยู่แล้ว ทำไมโซเมนสะใจขนาดนี้

โซเมนไม่สนใจความรู้สึกเขา ยังคาดเดาต่อไปว่า:“ถ้าให้ฉันคิด นายก็น่าจะจบจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดด้วยใช่ไหม?พวกนายรู้จักกันที่ต่างประเทศ?”

ไวท์สูดหายใจลึกๆ พูดอย่าเงียบๆ:“ใช่ ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ยังนอนด้วยกันหลายครั้ง”

“ฉันคิดว่าแบบนี้พวกเราคงชัดเจนกับความสัมพันธ์แล้ว ก่อนเรียนจบกลับประเทศมาฉันจะพาเธอกลับไปด้วยกัน ใครจะไปรู้ว่าเธอดันหายไป”ไวท์ยิ่งพูดยิ่งโกรธ“หายไปสองปี ไม่เคยติดต่อฉันเลย”

“หลายวันก่อนโรงพยาบาลเรารับหมอใหม่เข้ามา ฉันก็เห็นเธอ”

“ฉันถามเธอว่าสองปีนี้ไปไหนมา เธอดันบอกว่าไปเที่ยวรอบโลกมา”

“นี่มันบ้าอะไรกัน คิดจะหายไปก็หายไปเลย ไม่บอกสักคำ!”ไวท์อดไม่ได้ต้องพูดหยาบคายไป

โซเมนฟังจบจึงปรบมือขึ้นมา จากนั้นวิจารณ์ไปว่า:“เท่!”

ไวท์โกรธโซเมนจนเกือบจะลงมือ โซเมนรีบพูด:“ขอโทษนะถ้าพูดตรงๆ เธอน่าจะแค่อยากนอนด้วย แต่นายไปจริงจัง”

ไวท์ตะลึงอยู่อย่างนั้น การแสดงออกบนใบหน้าไม่สามารถอธิบายได้ชั่วคราว

เพราะว่า จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าโซเมนพูดมีเหตุผล

พูดถึงแล้วพวกเขาก็ไม่เคยคบหรือเดทกันอย่างจริงจัง และไม่เคยใช้ชีวิตด้วยกันด้วย ตอนที่พวกเขารู้จักกันก็ก่อนเรียนจบ ในฐานะนักเรียนแพทย์การสอบวิทยานิพนธ์ของพวกเขานั้นยากมาก ดังนั้นเวลาส่วนมากเลยเตรียมวิทยานิพนธ์

ที่หลับด้วยกันนั้นก็เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อน พูดถึงแล้วจนตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ด้วยว่าตอนอยู่ต่างประเทศเธอพักอยู่ไหน

โซเมนก็ช่วยไวท์อย่างจริงจัง:“อย่างแรก พวกนายเคยคุยจริงจังไหมว่าจะคบกันแบบแฟน?”

ไวท์ส่ายหน้าอย่างงงงัน

ไม่เลย

เขาแค่คิดว่าเขาหลับนอนกับผู้หญิงแล้ว ก็ต้องเป็นแฟนกันสิ

และเธอจะต้องมีความรู้สึกกับเขาแน่ ไม่งั้นจะนอนกับเขาหลายครั้งทำไม

ในเมื่อทั้งสองรักกัน ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรนี่?

โซเมนถอนหายใจ ลูกท่านหลานเธอคนนี้เรียนมากไปเหรอ ทำให้ไร้เดียงสามากขนาดนี้

เขาคิดว่านอนกันคืนหนึ่งหรือนอนกันหลายหนก็เป็นแฟนกันแล้ว?

โซเมนพูดอีกว่า:“ฉันถามนายอีกครั้ง ปกติพวกนายติดต่อกันไหม?ไถ่ถามทุกข์สุขกันไหม?”

ไวท์ส่ายหน้าอีกครั้ง

“นายรู้ไหมเธอพักอยู่ไหน?หรือเธอรู้ไหมว่านายพักอยู่ไหน?”

ไวท์ส่ายหน้า

หลายครั้งพวกเขาไปกันที่โรงแรม……

โซเมนผายมือ:“ยินดีด้วยเพื่อน นายเห็นเธอเป็นแฟน แต่เธอเห็นนายเป็นคู่นอน”

“ดังนั้น เธอหายไปสองปีไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ติดต่อนายเลยพอเข้าใจได้ เพราะว่าเธอไม่ได้เห็นนายเป็นอะไรด้วย”

ไวท์ยกมือขึ้นกุมหน้าอกแล้วสูดหายใจลึกๆ สูดลึกขึ้นไปมา

สองปีนี้เป็นปมในใจเขามาเสมอ วันนี้กลับถูกโซเมนคลายปมอย่างง่ายดาย

แต่ว่า ผลลัพธ์นี้น่าอายสุดๆ

ไวท์อารมณ์เสียจนแทบอยากมุดหน้าลงไป

……

ในห้องคนไข้ พอเทาเท่กับโซเมนออกไป หลินจือก็รีบถามเจเทาวน์:“คุณไปตีกับเขาได้ไง?เขาตีคุณก่อนใช่ไหมคะ?”

เจเทาวน์หัวเราะเสียงเบา:“ผมลงมือก่อน”

หลินจือตกใจจนพูดไม่ออก ในความทรงจำเธอ เจเทาวน์เป็นคนที่สง่างามและอบอุ่น ไม่มีทางลงมือก่อนแน่

“เขาเป็นหนี้คุณ และพวกตระกูลฟอเรนาเป็นหนี้คุณ”เจเทาวน์นึกถึงหลายครั้งนี้ที่เธอถูกซูซีและพวกพินอินแกล้ง ก็อดไม่ได้ที่จะโมโห

หลินจือประทับใจและรู้สึกผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เห็นแผลที่ใบหน้าเจเทาวน์ เธอพูดอย่างตาแดงว่า:“ขอโทษนะ ฉันไม่ควรเป็นความรับผิดชอบของคุณเลย ……”

พวกเขาเป็นแค่แฟนที่ตกลงกันเท่านั้น เธอไม่อยากให้เจเทาวน์เหนื่อยไปด้วย

เจเทาวน์ทำเป็นโกรธ:“คุณช่วยผมขนาดนี้ ผมจะยืนดูอยู่เฉยๆได้เหรอ?”

“วางใจเถอะ ผมแจ้งทนายความของบริษัทแล้ว ให้เขารับผิดชอบเต็มที่สำหรับเหตุการณ์นี้ของคุณ ต้องให้พินอินชดใช้”ทนายความที่เบลดิ้งจ้างก็ไม่ใช่คนกระจอก ถึงแม้ไม่ใช่คนใหญ่โตอย่างนทีบดี แต่ก็ยังเป็นคนโดดเด่นในวงการ

“อือ”หลินจือตอบตกลง

เพราะไข้ยังสูง หลินจือพูดอีกแป๊บหนึ่งก็ผล็อยหลับไป

หลังจากเจเทาวน์ช่วยเธอห่มผ้าห่มแล้วก็ลุกขึ้นออกไป เทาเท่บอกว่ามีเรื่องมาหาเขาไม่ใช่เหรอ?

เขากลับอยากดูว่า เทาเท่มาหาเขาทำไม?