บทที่ 133 บรรลุความร่วมมือ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ตอนที่เจเทาวน์เคาะประตูแล้วเข้าไปห้องทำงานของไวท์ ไวท์กำลังขยุ้มหัวอย่างรำคาญ

แน่นอน ตอนที่เจเทาวน์เข้ามา ไวท์จัดการอารมณ์ตัวเองได้แล้ว จึงยิ้มต้อนรับเจเทาวน์:“สวัสดีครับคุณเจเทาวน์”

เจเทาวน์ทักทายเขานิ่งๆ จากนั้นถามเทาเท่ที่อยู่ข้างๆ:“หาผมมีอะไร?”

ไวท์กับโซเมนถอยออกไปเอง จะได้ไม่โดนลูกหลง

เทาเท่เงยมองเจเทาวน์แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา:“ผมคุยกับจอร์แดน เกี่ยวกับลิขสิทธิ์หนังสือเล่มใหม่ของเขาแล้ว ความตั้งใจเขาคือถึงตอนนั้นนักเขียนบทที่ปรับบทละครต้องทำให้เขาพอใจ”

เจเทาวน์เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร:“ความหมายคุณคือจะใช้หลินจือ?”

เทาเท่พยักหน้า:“อือ แต่จากความสัมพันธ์ผมกับเธอตอนนี้ ผมไปคุยกับเธอเรื่องนี้เธอไม่ยอมแน่ ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะโน้มน้าวเธอ”

“ถ้าเธอรับงานนี้ หลังจากที่ผมซื้อลิขสิทธิ์แล้วพวกเราก็ร่วมมือกันต่อ ของละครเรื่องนี้สิทธิ์ในการผลิตก็มอบต่อให้เบลดิ้ง”

เทาเท่พูดแบบนี้ เท่ากับว่ามั่นใจในความแข็งแกร่งของหลินจือ

เจเทาวน์เหมือนกับเทาเท่ เชื่อว่าหลินจือทำได้เช่นกัน เขาก็หวังว่าหลินจือสามารถรับเรื่องนี้ได้

หนึ่งคือจอร์แดนเป็นไอดอลของหลินจือ หลินจือต้องดีใจแน่ที่ได้ปรับปรุงผลงานของจอร์แดนใหม่

สองคือปรับปรุงผลงานของจอร์แดนได้ ก็มีแต่จะเพิ่มชื่อเสียงให้หลินจือ

ดังนั้น เจเทาวน์จึงตกลงอย่างไม่ลังเล:“โอเค”

ถึงแม้เขาสามารถเป็นตัวแทนเบลดิ้งไปคุยกับจอร์แดนเองได้ แต่ความแข็งแกร่งของเงินทุนเทาเท่ก็มีอยู่แล้ว มีเงินทุนที่แข็งแกร่งของฟอเรนากรุ๊ปสนับสนุน ละครเรื่องนี้ต้องทำได้ดีแน่

ทั้งสองเพิ่งจะมีเรื่องกันอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะบรรลุความร่วมมือกันแล้ว

และในเมื่อบรรลุความร่วมมือแล้ว เจเทาวน์ก็ไม่อยู่อีกต่อไปเขายืนขึ้นมา:“ไม่มีอะไรแล้วงั้นผมไปก่อน”

เทาเท่เม้มริมฝีปากแล้วพูด:“ผมช่วยหลินจือหาจิตแพทย์ให้แล้ว คุณให้เธอไปเจอหน่อยสิ”

เจเทาวน์ได้ยินก็ชะงักฝีเท้า คิ้วที่สวยงามมองเทาเท่สักพักแล้วก็หัวเราะออกมา:“ประธานเทาเท่ ขอโทษนะนี่คุณหมายความว่าไง?ตอนนี้ผมคือแฟนหลินจือ คุณจะให้ผมช่วยคุณประจบเธอ?”

เทาเท่ใช้ปลายลิ้นกดฟันกรามแล้วพูด:“คุณพูดได้ว่าคุณเป็นคนหามา”

เมื่อไหร่กันที่เทาเท่ถ่อมตนขนาดนี้?

แต่ตอนนี้ได้แต่ทน

เจเทาวน์ไม่เห็นใจเลยสักนิด:“นั่นไม่จำเป็น ผมจะหาเอง และจะต้องหาดีกว่าคุณแน่”

“อีกอย่างประธานเทาเท่ คุณกับหลินจือเป็นอดีตไปแล้ว ส่วนผมกับเธอกำลังเป็นปัจจุบันอยู่ในตอนนี้ ได้โปรดเข้าใจด้วย”

เจเทาวน์พูดคำนี้เสร็จก็หันกลับออกไป แต่คำพูดเขายังคงอยู่ในหูเทาเท่

อดีต ปัจจุบันอะไรกัน เมื่อก่อนเขาก็เคยเป็นปัจจุบัน ไม่แน่วันหนึ่งเจเทาวน์อาจกลายเป็นอดีตก็เป็นได้!

เทาเท่จัดการเรื่องตัวเองเสร็จก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่โรงพยาบาลต่อ หลินจือต้องไม่อยากเจอเขาแน่ ดังนั้นเขาเลยได้แต่ออกไปกับโซเมน

เดิมทีเทาเท่อยากให้จอร์แดนอยู่อีกวัน ให้หลินจือเจอกับจอร์แดนเพื่อชดเชยความเสียใจของหลินจือ แต่จอนห์ติดต่อจอร์แดนแล้วบอกว่า พอจอร์แดนบรรยายเสร็จก็บินกลับเมืองเวลฟ์เลย

เพราะสุขภาพของภรรยาเขา น้อยมากที่จอร์แดนจะอยู่เที่ยวที่ต่างประเทศ ปกติแล้วแค่ทำงานเสร็จก็จะรีบกลับไปอยู่กับภรรยาตัวเองทันที

ไข้ของหลินจือลดลงในเช้าวันถัดมา ตอนค่ำเธอยังมึนๆ เจเทาวน์ก็ดูแลเธอทั้งคืนอย่างลำบาก ด้วยรอยฟกช้ำที่ใบหน้า

หลินจือเห็นสภาพเขาแบบนี้ก็สงสาร:“ตอนนี้ฉันดีมากแล้วค่ะ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เดิมทีหลายวันนี้เจเทาวน์ดูแลแม่เขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว เธอยังเกิดเรื่องในตอนนี้อีก มันก็เพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอ?

“ผมไหวน่า”เจเทาวน์หัวเราะเบาๆ“รอนานิมาแล้วผมค่อยไป”

หลายวันนั้นที่หลินจือไปบ้านเกิดของเจเทาวน์ นานิก็ไปถ่ายโฆษณาที่ต่างเมือง

หลังจากได้ยินว่าหลินจือเกิดเรื่องพอเธอถ่ายเสร็จ ก็รีบนั่งเครื่องกลับมาเป็นอย่างแรก คาดว่าจะถึงตอนเช้า

เจเทาวน์ยืนหยัดว่าไม่ไป หลินจือจึงทำอะไรไม่ได้

ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ เจเทาวน์หยิบหน้ากากในกระเป๋าออกมาสวม จากนั้นถามเธอ:“อยากกินอาหารเช้าอะไร?ผมจะไปซื้อ”

หลินจือยังไม่พูดอะไร ก็เห็นไวท์เคาะประตูเดินเข้ามา

“เลี้ยงข้าวเช้าพวกคุณครับ”ในมือไวท์ถือกล่องข้าวของร้านอาการที่หลินจือคุ้นเคย ช่วงนั้นที่เธอเท้าเคล็ด เทาเท่ก็เอาอาหารร้านนี้ให้เธอทั้งวัน

พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเท้าเคล็ดขึ้นได้ หลินจือก็รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองเหมือนจะชงหน่อยๆ บาดเจ็บบ่อยมาก บางทีเธอน่าจะไปไหว้พระที่วัดซะหน่อย เพื่อปัดเป่าความซวย

หลินจือตระหนักได้ว่าเจเทาวน์อดนอนทั้งคืนต้องมีสภาพแย่แน่ ถ้าออกไปแล้วมีแฟนคลับจำได้คงไม่ดี จะส่งผลต่อภาพลักษณ์เขาได้

ดังนั้นหลังจากเธอขอบคุณไวท์แล้วก็พูดกับเจเทาวน์:“พวกเรากินข้าวที่หมอไวท์เอามาให้เถอะ”

เจเทาวน์มองไวท์ แล้วรับข้อเสนอของหลินจือ

ไวท์ก็อยู่กินข้าวกับพวกเขา มองเจเทาวน์ที่ดูแลหลินจืออย่างใส่ใจ ไวท์ก็คิดว่าเทาเท่ทำเรื่องแบบนี้จะเป็นภาพแบบไหนกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกอุจาดตา

ไวท์คิดว่า เทาเท่ต้องใส่และอ่อนโยนไม่เท่านี้แน่

และเมื่อก่อนที่เทาเท่คบกับหลินจือ ก็มักเป็นหลินจือที่ทุ่มเทกว่ามาก ไวท์จินตนาการภาพที่เทาเท่ดูแลหลินจือไม่ออก

อาหารเช้ายังกินไม่หมด ก็มีคนเคาะประตูเข้ามา

ไวท์หันไป เห็นหมอผู้หญิงแสนเย็นชาเดินเข้ามาในชุดกาวน์ ก็สำลักซาลาเปาในปากทันที ทำให้เขาไอออกมา สภาพดูน่าอายมาก

เจเทาวน์ยานน้ำขวดหนึ่งให้เขาทันเวลา ไวท์ดื่มไปสองสามอึกจึงดีขึ้น

เขามองไปที่หมอผู้หญิงแล้วพึมพำ:“ไม่ได้นัดคุณสองโมงเหรอ?”

หมอผู้หญิงยิ้มไปให้:“คุณเจเทาวน์นัดฉัน เวลานี้ค่ะ”

เจเทาวน์อธิบายอยู่ข้างๆอย่างทันเวลา:“ในฐานะแฟน ผมต้องหาจิตแพทย์ที่ดีที่สุดให้อยู่แล้ว”

ความหมายก็คือ ไม่ต้องการความเอาใจใส่ของเทาเท่

ไวท์อ้าปาก พูดไม่ออกสักคำ ได้แต่ลุกขึ้นออกไปอย่างเขินอาย

ก่อนไป ก็ยังจ้องหมอผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ยินดีนัก

หมอผู้หญิงไม่สนใจสายตาโกรธจัดของเขา เธอยิ้มไปให้

ไวท์ไปแล้วแพทย์สาวก็แนะนำตัวเอง:“คุณเจเทาวน์ คุณหลินจือ สวัสดีค่ะ ฉันซานา”

เจเทาวน์กับหลินจือทักทายซานาแล้ว เจเทาวน์ก็อธิบายให้หลินจือที่ไม่ค่อยเข้าใจ:“หมอบอกว่าคุณจำเป็นต้องปรึกษาทางด้านจิตใจ หมอซานาเป็นจิตแพทย์ที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลในเมืองเจสเวิร์ด”

หลินจือเข้าใจ ดูเหมือนเธอต้องการที่ปรึกษาทางด้านจิตใจจริงๆ

เมื่อวานเธอกลับมาก็เริ่มฝันร้าย รู้สึกมึนงง

พอนึกถึงพินอินที่ฉีกกระดุมเสื้อของเธอ ก็สั่นทั้งตัว

พอนึกถึงคนผมทองที่เกือบจะแตะต้องตัวเธอ ก็ขยะแขยงสุดๆ

ถึงสุดท้ายตำรวจจะจับทัน และเธอไม่ได้ถูกล่วงละเมิด แต่เรื่องราวเหล่านั้นทำให้เธอนึกถึงแล้วรู้สึกกลัว