บทที่ 134 ทรมานเขาโดยไม่สนทุกสิ่ง

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ซานาทำการรักษาให้หลินจือประมาณครึ่งชั่วโมง หลินจือรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ

นานิก็มาถึงในตอนนี้พอดี เจเทาวน์จึงกลับบ้านไปพักผ่อน

นานิอยู่ดูแลหลินจือ ใบหน้าที่สวยงามของเธอมีแต่ความสงสารและเสียใจ

นานินอนแผ่ไปที่ข้างเตียงหลินจือ ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ:“หลินจือ เมื่อไหร่กันที่เราจะทรงพลังจนไม่ถูกใครก็ตามรังแกได้?”

ยัยแพศยาพินอินนั่น ที่ทำตัวเย่อหยิ่งแบบนี้ ก็เพราะพึ่งอำนาจและอิทธิพลของตระกูลฟอเรนาในเมืองเจสเวิร์ด

ที่จริงพื้นฐานครอบครัวของนานิก็ไม่เท่าไหร่นัก มีพ่อแม่ที่วุ่นวายอย่างยิ่ง ทุกอย่างที่นานิมีในตอนนี้ ล้วนแต่พึ่งความขยันของตัวเองในภายหลังทั้งนั้น

มีหน้าตาที่สวยงาม เป็นอะไรที่พระเจ้ามอบมาให้ แต่ความสำเร็จและโอกาสทั้งหมดในภายหลังนั้น ล้วนแต่เป็นเธอที่คว้ามาเองทั้งนั้น

นานิถูกรังแกไม่น้อยตั้งแต่เด็กๆ เข้าวงการบันเทิงมาตอนยังเป็นเด็กใหม่ก็ยากที่จะทนได้ ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่ภายนอกดูแล้วแข็งแกร่งและดุดัน

ปกตินานิไม่เสียใจแบบนี้ แต่เพราะว่าหลินจือถูกพินอินแบบนี้ จึงจี้จุดความอ่อนแอในใจนานิได้

หลินจือปลอบเธออย่างอบอุ่น:“ถึงทรงพลังแค่ไหน ยังไงคนเลวก็ยังมี”

นานิพูดอย่างรู้สึกเกลียด:“ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้พินอินถูกขัง ฉันจะต่อยหน้าเธอให้เสียโฉมเสียเลย!”

หลินจือหัวเราะอย่างทำอะไรไม่ได้:“ถ้าเธอทำแบบนั้นจริงๆ ก็น่าจะเป็นเธอที่ถูกขังในนั้นแทน”

นานิพึมพำเสียงเบา:“ขังก็ขังไปสิ”

หลินจืออยู่โรงพยาบาลสามวันก็ฟื้นตัวได้ดีแล้ว ทุกวันซานาจะมาที่ห้องคนไข้ของเธอเพื่อทำจิตบำบัดให้เธอ ตอนออกจากโรงพยาบาลหลินจือจึงรู้สึกสดชื่นไปทั้งตัว

สามวันนี้โดยพื้นฐานแล้วเป็นนานิที่ดูแลหลินจือในโรงพยาบาล ยังไงนานิก็เป็นผู้หญิง ดูแลแล้วจึงค่อนข้างสะดวก

แต่เจเทาวน์เอาข้าวมาส่งให้วันละสามมื้อ ฝนตกแดดออกก็ไม่อาจหยุดยั้งได้

ครั้งหนึ่งหลังจากเจเทาวน์ไป นานิกินอาหารอร่อยที่เจเทาวน์เอามาให้ไปก็ถอนหายใจไปด้วย:“ไม่งั้นพวกเธอก็คบกันจริงๆเสียเลยสิ ประธานเจเทาวน์ชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่น ถ้ามีผู้ชายดีกับฉันแบบนี้ ฉันต้องรีบแต่งงานด้วยแน่ๆ”

หลินจือกินข้าวไปพูดไปว่า:“เมื่อก่อนนัตสึก็ดีต่อเธอไม่ใช่เหรอ?ทำอาหารให้เธอกิน ช่วยเธอทำการบ้าน แม้แต่ผมก็ยังสระให้เธอ เป่าผมให้เธอ ทำไมเธอไม่แต่งล่ะ?”

นานิเบะปาก:“ก็แม่เขาไม่ชอบฉันนี่”

พูดถึงเรื่องนี้แล้วนานิก็ยังมีใจคำนึงหา ตอนนั้นแม่ของนัตสึเอาเช็คมาไว้ตรงหน้าเธอ ให้เธอไปจากนัตสึ

ฉากน้ำเน่าในนิยายหรือละคร กลับเกิดขึ้นที่ตัวเธอเอง

นัตสึเกิดในครอบครัวที่มีการศึกษา ชาติตระกูลดี ต้องไม่สนคนอย่างเธอที่เกิดมาแบบนี้แน่ และเธอยังเป็นนักเรียนยอดแย่ที่มีแต่ความสวยด้วย

ตอนนั้นนานิเอามาหนึ่งล้าน ให้เธอไปจากนัตสึ แต่บริจาคให้เขตภูเขาอย่างง่ายดาย

ตอนนั้น นานิไม่ได้ละอายใจต่อแม่นัตสึจึงไปจากนัตสึ แต่เพราะอยากให้นัตสึลืมเธอซะ แบบนี้นัตสึก็จะสามารถไปเรียนที่ต่างประเทศได้โดยไม่ต้องสนเธอ

หลินจือถามอีกว่า:“เก็บเงินที่จะเอาไปโยนใส่แม่นัตสึได้ยัง?”

นานิกระทุ้งข้าวในชาม ส่งเสียงฮึดฮัด:“เหอะ!”

ตอนนั้นหลังจากนานิถูกแม่นัตสึเอาเช็ดมาวางตรงหน้าก็โกรธจนตัวสั่น หลังจากกลับมาระบายความในใจกับหลินจือเสร็จก็ชูสามนิ้วมาสาบาน:วันหนึ่งเธอจะต้องเอาเช็คสิบล้านไปโยนใส่หน้าแม่นัตสึ และเลี้ยงลูกชายเธอ

ตอนนั้นหลินจือไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

“ฉันเก็บนานแล้ว รอนัตสึกลับมา!”นานิพูดอย่างดุดัน

หลายปีนี้จากที่เคยโนเนมปัจจุบันเธอก็กลายเป็นนักแสดงชั้นนำในวงการบันเทิง มูลค่ามีไม่ต่ำกว่าสิบล้านไปนานแล้ว

แต่ว่านานิพูดจบก็กลัวอีก:“ฉันเอาเช็คไปให้แม่เขาได้อย่างเท่ๆได้เลย แต่ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ให้ฉันเลี้ยง และอาจบีบคอฉันตายด้วย”

หลินจือพูดแซว:“ฝนทั่งให้เป็นเข็ม เอาความกล้าในตอนนั้นที่เธอจีบเขามา แล้วตามเขากลับมา”

“สิบล้านไม่พอ เธอก็เอาอีกสิบล้าน”หลินจือพูดจบตัวเองก็หัวเราะออกมา

นานิถอนหายใจ:“ถ้าเอาเงินแก้ปัญหาเขาได้จริงๆ ก็คงง่ายแล้ว”

ทั้งสองคุยไปกินไป ไม่นานก็กินข้าวหมด

และในสามวันนี้ คดีของหลินจือกับพินอินศาลก็ได้ยื่นคำร้องแล้ว แน่นอนว่า พินอินได้รับการประกันตัวเช่นกัน

ถึงแม้เทาเท่บอกว่าไม่ให้ประกันตัวเธอ แต่ทางกฎหมายไม่มีกฎเกณฑ์ว่าประกันตัวไม่ได้

คืนที่พินอินประกันตัวออกมา วีนาก็ฆ่าตัวตาย

กลางดึกเทาเท่ถูกสายของพินอินปลุก พินอินร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่ปลายสาย:“พี่ แม่กินยานอนหลับไป ตอนนี้จะทำไงดี?ฉันไม่รู้สึกลมหายใจของแม่เลย!”

เทาเท่ก็ตกใจสุดๆ เขาวางสายแล้วโทรเรียกรถพยาบาลเป็นอย่างแรก จากนั้นขับรถไปยังที่พักของวีนากับพินอินโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า

เทาเท่ไปถึงพอๆกับรถพยาบาล วีนาหมดสติแล้ว หมอกำลังช่วยชีวิต

พินอินยืนอยู่ในห้องรับแขกด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เห็นเทาเท่มาถึง ก็พุ่งไปที่เขาแล้วต่อว่า:“เพราะพี่ เพราะพี่นั่นแหละ!”

“เพราะพี่ไม่ช่วยฉัน แม่โกรธจนฆ่าตัวตาย!”

คำกล่าวโทษของพินอินทำให้เทาเท่รู้สึกรับแย่จนหงุดหงิดขึ้นมา เขาสะบัดพินอินออก:“ไสหัวไป!”

วีนาฆ่าตัวตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเขา?

เพราะว่าเขาไม่ได้ให้นทีบดีรับคดีนี้?

เพราะว่าเขาไม่ใช่คอนเนคชั่นเพื่อกดหลินจือ อย่าให้หลินจือไปฟ้อง?

ทั้งๆที่เป็นพินอินทำผิดเอง ทำไมต้องให้เขาทำตามพวกนี้ที่ทำลายทัศนคติทั้งสามโดยไร้บรรทัดฐานด้วย?

พินอินล้มลงไปที่พื้น ร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง:“จนตอนนี้พี่ยังไม่รู้จักละอายใจอีก ต้องให้แม่เราตายจริงๆพี่ถึงรู้สึกผิดชอบชั่วดีใช่ไหม!”

เทาเท่โมโหพินอินจนอยากตบเธออีกฉาด ความสามารถเธอที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและลักพาตัวคนไป ไม่รู้ว่าเรียนมาจากไหน

เขายืนตรงหน้าพินอินแล้วมองต่ำลงมาพูดไปทีละคำ:“พินอิน คนที่ไม่ละอายใจคือพวกเธอ ไม่ใช่ฉัน”

จนตอนนี้เทาเท่ก็เข้าใจความพยายามในการก่อความวุ่นวายของวีนาในคืนนี้แล้ว เธอใช้ความเป็นความตายมาบีบให้เขาลงมือ ให้เขาบีบหลินจือเพื่อถอนฟ้อง

ถึงแม้เรื่องนี้ปิดแค่ไหน แต่ตำรวจกับสำนักงานอัยการมีคนที่เกี่ยวข้องที่สามารถแพร่ข่าวออกไป ว่าพินอินกระทำความผิดและถูกดำเนินคดี และคนที่ฟ้องพินอิน ก็ยังเป็นพี่สะใภ้เก่าของเธอ

วีนารู้สึกขายหน้า เลยอยากบีบให้หลินจือถอนฟ้อง

เทาเท่กล้ารับรองว่า คืนนี้วีนากินยานอนหลับไป จำนวนต้องปลอดภัยแน่นอน ถึงแม้เธอจะหมดสติ แต่ไม่ถึงกับคร่าชีวิตไปได้แน่

และนี่ก็คือแม่กับน้องสาวแม้ๆของเขา ที่ทรมานเขาโดยไม่คำนึงใดๆทั้งสิ้น