เทาเท่ไม่สะทกสะท้าน ก้าวเท้ายาวเดินไปขึ้นเครื่อง
หลินจือก็ไม่อยากมีปัญหากับเขาภายใต้สายตาผู้คนมากมาย ดังนั้นเลยปล่อยให้เขาช่วยตัวเองขนสัมภาระ
ดีที่พวกเขาไปทำงานต่างเมืองในระยะทางสั้นๆ กระเป๋าที่พวกเขาพกมาเลยใบเล็ก น้ำหนักเบาและกะทัดรัด ไม่งั้นหลินจือก็ไม่กล้าให้เขาทำเรื่องใช้กำลังแบบนี้ให้แน่ๆ
เทาเท่เดินทางแน่นอนว่าไม่นั่งชั้นประหยัด แต่เที่ยวบินสั้นๆในประเทศมีที่นั่งชั้นธุรกิจเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น และก็เจอกับซูซีกับเนมาโดยธรรมชาติ
หลังจากที่เครื่องบินบินอย่างเสถียรแล้วหลินจือก็เอนเบาะหลังแล้วเอาผ้ามาปิดตาเพื่อเข้าสู่การนอน แบบนี้เป็นการนอนเพิ่มเติมให้กับตัวเอง และยังหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเทาเท่ กับหลีกเลี่ยงการคบค้าสมาคมกับซูซีได้อีก
ที่นั่งของหลินจือกับเทาเท่อยู่แถวเดียวกัน ตรงกลางมีช่องเดินจากนั้นทางนั้นจะเป็นที่นั่งเดี่ยวของซูซี
หลังจากนั่งลงซูซีก็มองมาทางนี้บ่อยๆ จนในใจหลินจือหงุดหงิดอย่างมาก
นอนหลับไม่ต้องสนใจอะไรเลย เหมาะสมที่สุดแล้ว
เทาเท่กลับไม่ได้นอนพักผ่อน ยังคงนั่งหลังตรงใช้แท็บเล็ตทำงานบนที่นั่งอย่างจดจ่อ
ร่างสูงใหญ่ของเทาเท่ปิดกั้นหลินจือที่อยู่ข้างๆได้พอดี ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงการสอดแนมที่ประสงค์ร้ายจากซูซีได้บ่อยครั้ง
ที่จริงซูซีอยากพูดกับเทาเท่อยู่หลายครั้ง แต่เทาเท่ไม่แลเธอเลยสักนิด ทำเอาซูซีโกรธจนต้องแอบกัดฟัน
ระยะเวลาบินกว่าสองชั่วโมงในที่สุดก็ถึง พอลงจากพื้นดินแล้วหลินจือกับเทาเท่ก็นั่งรถที่ไปโรงแรม แต่ตอนที่พวกเขาทำเรื่องเช็กอินโรงแรม ก็เจอซูซีกับเนมาอีก
นี่คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกมั้ง?
ชัดเจนว่าซูซีเคยสืบที่อยู่ที่พักของเทาเท่ จงใจมาก่อกวนพวกเขา แม้แต่ไฟล์ทบินที่พวกเขานั่งก็ยังถูกซูซีสืบหามาได้
เรื่องที่หลินจือคิดได้ทำไมเทาเท่ถึงคิดไม่ได้ แต่เขาขี้เกียจสนใจพวกเขา หยิบคีย์การ์ดแล้วสั่งหลินจือ:“เก็บของ แล้วเดี๋ยวไปกินข้าว”
หลินจือพยักหน้า
แต่หลินจือคิดไม่ถึงเลยว่า กินข้าวที่เทาเท่พูดนั้น จะเป็นการสั่งอาหารโรงแรมให้มาส่งที่ห้องแล้วกิน
เทาเท่เคาะประตูแล้วยืนอยู่หน้าห้องเธอ ชี้ไปที่รถอาหารอันโอชะด้านข้าง จากนั้นถามเธอ:“ไปห้องคุณหรือห้องผม?”
หลินจืออ้าปาก เธออยากบอกว่ากินห้องใครก็ไม่เหมาะมั้ง?
“ตอนนี้ดึกแล้ว พวกเราได้แต่กินอาหารที่ร้านข้างล่างใกล้ๆ หรือคุณอยากลงไปเจอพวกเขาสองคนอีก?”เทาเท่พูดไปก็ให้บิรกรเข็นรถอาหารมาที่ห้องของหลินจือ ไปด้วย
ขาทำแบบนี้ หลินจือจะพูดอะไรได้?
เธอได้แต่ล้างมือนั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหารทรงกลม กินอาหารตรงข้ามกับเทาเท่
ต้องขอบคุณอิทธิพลของเทาเท่ ครั้งนี้เธอได้พักห้องหรูหรา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับห้องสองห้อง ที่ทั้งใหญ่และกว้างขวาง
บริกรเสิร์ฟอาหารเสร็จก็ออกไป เทาเท่ยังสั่งไวน์แดงมาขวดหนึ่งด้วย ชัดเจนว่าหลินจือไม่อยากดื่ม
เทาเท่ก็ดึงดันจะเทให้เธอ:“ดื่มเก่งมากไม่ใช่เหรอ?”
หลินจืออธิบาย:“พรุ่งนี้ยังมีเรื่องสำคัญรออยู่ ฉันไม่อยากดื่มจนทำอะไรผิดไป”
ที่จริงเธอไม่อยากดื่มกับเทาเท่ เธอดื่มไวน์กับสามีเก่าในห้องที่โรงแรมดึกๆดื่นๆ มันไม่เหมาะเลย
และก็ ตอนนี้เธอก็เป็นคนที่มีแฟนแล้ว
เทาเท่เหลือบมองเธอแล้วพูด:“ผมเห็นความคอแข็งของคุณแล้ว จะดื่มขวดนี้หมดเองก็ไม่ผิด”
หลินจือก็พูดไม่ออกทันที เธอไม่รู้ว่านี่เขากำลังชมเธอ หรือว่ากำลังเยาะเย้ยเธออยู่
เพื่อไม่หักหน้าของเทาเท่ หลินจือเลยยกแก้วไวน์มาจิบเล็กน้อย
ทั้งสองกินไปไม่กี่คำ โทรศัพท์ของหลินจือก็มีเสียงวิดีโอคอลมา เป็นเจเทาวน์ที่โทรมา
พอคิดว่าเทาเท่นั่งตรงหน้าตัวเอง หลินจือจึงหยิบโทรศัพท์ลุกขึ้นเดินไปรับที่ห้องนอน เทาเท่ที่เดิมทีอารมณ์ดีอยู่ด้านหลังเธอก็หายไปเลย
ตลอดทางเขาจมอยู่กับความสุขที่ได้อยู่กับหลินจือสองต่อสอง สายของเจเทาวน์โทรมาก็เตือนเขาพอดีว่า ตอนนี้หลินจือเป็นแฟนของเจเทาวน์ เขาจะอารมณ์ดีก็คงแปลก
“กินข้าวหรือยัง?”เจเทาวน์ถามหลินจือในสายอย่างอ่อนโยน
เจเทาวน์รู้ว่าหลินจือกับเทาเท่ไปทำงานต่างที่ ก่อนเดินทางหลินจือบอกกับเขาแล้ว
นี่คือเรื่องทางการ และเป็นเรื่องใหญ่ เจเทาวน์เข้าใจดี
“กำลังกิน”หลินจือคิดเล็กน้อยแล้วจึงอธิบายไปว่า“กินกับประธานเทาเท่ที่ห้องฉัน”
เจเทาวน์หัวเราะเสียงทุ้ม:“หลินจือ เรื่องแบบนี้คุณไม่ต้องรายงานผม ยังไงผมก็เป็นแค่แฟนในนามของคุณ”
เจเทาวน์พูดอีกว่า:“และก็ ผมเชื่อว่าคุณไม่อะไรกับเทาเท่”
ความเชื่อใจกับความอดทนของเจเทาวน์ทำให้หลินจือประทับใจมาก จากนั้นทั้งสองก็คุยเกี่ยวกับเรื่องสัมภาษณ์พรุ่งนี้นิดหน่อย เจเทาวน์ให้หลินจือผ่อนคลาย และยังบอกว่าเธอทำสำเร็จแน่นอน
ตอนที่หลินจือออกมาจากในห้องนอน มุมปากก็มาพร้อมรอยยิ้ม
แต่รอยยิ้มนั่นกลับแทงเข้าตาเทาเท่อย่างแรง บินมาจากเมืองเจสเวิร์ดด้วยกันกับเขา ตลอดทางไม่มีรอยยิ้มอะไรให้เขาเลย ถึงมี ก็เป็นรอยยิ้มอย่างทางการที่เกรงใจและห่างเหิน
แต่รอยยิ้มเธอในตอนนี้ มาจากใจ มองออกว่าคบกับเจเทาวน์ทำให้เธอมีความสุขมาก
เทาเท่ละสายตาออก เงยหน้าดื่มเหล้าแก้วตัวเองจนหมด
หลินจือเก็บโทรศัพท์แล้วเดินมานั่ง มองขวดไวน์ตรงหน้าแล้วก็ตะลึงไป
“คุณดื่มเหล้าหมดเลยเหรอ?”หลินจือถามชายตรงหน้าอย่างตกตะลึง
ข้าวไม่ได้แตะเลย เขาก็ดื่มไวน์ขวดหนึ่งจนหมด
ตาคนนี้ลืมแล้วเหรอว่าตัวเองท้องไม่ดี?ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้
เทาเท่กลับไม่ปกปิด จ้องเธอแล้วพูดอย่างเงียบๆ:“อารมณ์ไม่ดี ไม่ทันระวังก็ดื่มไปซะเยอะเลย”
หลินจือหมดคำพูด น้ำเสียงเขาทำไมฟังดูแล้วเศร้าแบบนี้?
หรือเพราะเธอรับสายของเจเทาวน์?
แปลกๆ
หลินจือไม่อยากสนเขา เลยหยิบตะเกียบมากินอาหารต่อ
เทาเท่เห็นหลินจือก็ไม่สนเธอ ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น เอื้อมมือหยิบแก้วไวน์ตรงหน้าเธอมา แล้วเงยหน้าขึ้นดื่มจนหมด
หลินจือตกใจจนเกือบเด้งตัวขึ้นมา ทำไมเขาต้องดื่มไวน์เธอ?
ถ้าเธอไม่ได้ดื่มสักคำก็ว่าไป แต่เธอเพิ่งดื่มไปสองสามคำ!
เขา——
หลินจือโกรธจนไม่รู้จะว่าอะไรเขา เธอทะเลาะไม่เป็น และก็ไม่เก่งที่จะทะเลาะด้วย
เทาเท่มองออกว่าเธอโกรธ อธิบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น:“ยังไงซะคุณก็ไม่ดื่ม”
ในที่สุดหลินจือก็พูดออกมา ประท้วงไปอย่างโกรธเคือง:“แต่ฉันดื่มไปแล้ว!”
เทาเท่เลิกคิ้ว:“แล้วไง?”
แล้วไง?
หลินจือโกรธสุดๆ เขาหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ เธอยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ
เธอกำลังโกรธอยู่ จู่ๆเทาเท่ก็ยืนขึ้นมา พูดอย่างไม่พอใจ:“ไม่กินแล้ว”
พูดจบก็หันกลับออกไป
หลินจือ:“……”
นี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย?
ทั้งๆที่คนที่โกรธคือเธอไม่ใช่เหรอ?
ทำไมกลายเป็นว่าเขาเดินออกไปด้วยความโกรธ?