บทที่ 113 ถูกดูหมิ่น

ตระกูลซ่งของซ่งหวั่นถิง เป็นตระกูลชั้นนำของเมืองจินหลิง

แต่หากตระกูลซ่งเมื่อเทียบกับตระกูลเย่ในเย่นจิงแล้ว ยังคงห่างไกลนัก

แต่ตอนนี้ซ่งหวั่นถิงยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเย่เฉิน เพราะงั้นตลอดที่ผ่านมา เย่เฉินในสายตาของเธอ เพียงแค่มีความรู้ในด้านโบราณวัตถุก็เท่านั้น และเป็นชายหนุ่มที่มีการวิจัยต่อซวนซวนบ้างเท่านั้น

ครั้งก่อนเย่เฉินทำให้วีจิ้งไห่ถูกฟ้าผ่าดับ ทำให้ทุกคนตกใจอยู่ไม่น้อย จึงถูกทุกคนยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านซวนซวน แต่ว่า ตอนนั้นเย่เฉินตั้งใจหลอกซ่งหวั่นถิง ด้วยการบอกกับซ่งหวั่นถิงว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ยังไงซะคนธรรมดาจะสั่งฟ้าสั่งฝนได้อย่างไร

ท้ายที่สุดจึงทำให้ซ่งหวั่นถิงสับสนงุนงงไป คิดว่าเย่เฉินคงจะโชคดีจริงๆ

หลังจากวันนั้น ซ่งหวั่นถิงก็หายไปจากโลกของเย่เฉิน

เย่เฉินคิดว่าเธอหายสาบสูญเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ

เพราะงั้น เขาจึงเอ่ยถามหงห้า “เกิดอะไรขึ้น? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณซ่ง?”

หงห้าเอ่ย “ปีนี้คุณซ่งเธอปีชง คงเป็นเพราะฮวงจุ้ย ช่วงนี้เธอดวงไม่ค่อยดีเลย…..”

จบคำ หงห้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ตามหาอาจารย์ฮวงจุ้ยไปทั่ว แต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร ผมก็เลยว่าจะเชิญท่านไปตรวจดูสักหน่อย ว่าจะสามารถช่วยเธอได้ไหม”

เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “แกลองว่ามาก่อนว่าเธอเจอปัญหาอะไรมาบ้าง ผมจะได้วินิจฉัยให้เธอคร่าวๆ ก่อน”

หงห้าเอ่ยขึ้นโดยทันที “ช่วงนี้คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บตลอดเลย เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นกับเธอหลายรอบ ตอนเดินลงบันไดขาพลิก ดื่มกาแฟแต่กลับถูกที่หลังมือ เมื่อวันก็ถูกสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้กัดเข้าเต็มๆ ไม่เพียงเท่านี้ ความร่วมมือที่สำคัญหลายอย่างของบริษัทตระกูลซ่งเองก็เกิดปัญหาขึ้น ส่งผลกระทบอย่างหนัก”

จบคำ หงห้าเอ่ยเสริมอีกครั้ง “แต่สิ่งที่เธอเสียใจที่สุด ที่สร้อยเพชรที่เธอกว่าสิบปี ได้หายไปครับ นั่นเป็นมรดกที่แม่ของเธอให้เอาไว้ก่อนเสีย คุณหนูร้องไห้อย่างหนักเพราะเรื่องนี้อยู่หลายวันแล้วครับ”

เย่เฉินนึกขำ ก่อนเอ่ย “ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณหนูซ่งจะฮวงจุ้ยมีปัญหาจริงๆ ด้วย…..”

“นั่นสิครับ!” หงห้าเอ่ยอย่างตั้งใจ “คุณเย่ครับ คุณเป็นปรมาจารย์ซวนซวน ปัญหาแค่นี้ ผมเชื่อว่าท่านมีวิธีที่จะแก้ไขแน่?”

เย่เฉินตอกกลับ “หงห้า ทำไมคุณถึงได้ใส่ใจเรื่องของคุณซ่งขนาดนี้ล่ะ? คุณกับตระกูลซ่งเกี่ยวข้องกันยังไง?”

หงห้าเอ่ยอย่างร้อนรน “อันที่จริง คุณปู่ของคุณซ่ง เป็นผู้มีพระคุณของผม ที่ผมสามารถยืนหยัดได้ในเมืองจินหลิง เพราะมีคุณปู่ของคุณหนูซ่งคอยสนับสนุน เพราะงั้นผมจึงไปมาหาสู่และค่อนข้างสนิทสนมกับตระกูลซ่ง ที่ผ่านมา ผมช่วยตระกูลซ่งจัดการปัญหาที่พวกเขาไม่สะดวกออกหน้ามาโดยตลอด”

จบคำ หงห้าเอ่ยเสริม “ความจริง ผมก็แค่ตอบแทนบุญคุณ ตระกูลซ่งเป็นผู้มีพระคุณของผม”

“อืม” เย่เฉินพยักหน้า “คุณมีความจริงใจดี นอกจากนี้ผมเองก็พอมีความสัมพันธ์กับคุณซ่งอยู่บ้าง เอางี้แล้วกัน พรุ่งนี้คุณมารอผมที่บ้าน แล้วเราค่อยเข้าไปดูด้วยกัน”

“ได้เลยครับ!” หงห้าตื่นเต้นดีใจ “ขอบคุณมากเลยครับคุณเย่! ขอบพระคุณมากเลยครับ”

…..เช้าวันต่อมา หงห้าโทรหาเย่เฉิน

เมื่อเย่สวนลงมาจากบ้าน เขานั่งอยู่ที่รถโบกมือทักทาย “คุณเย่ ขึ้นรถเร็วเข้า!”

เยาเฉินพยักหน้า ยัดตัวเองเข้าไปในรถ หงห้าสตาร์ทเครื่องทันที มุ่งไปที่ใจกว้างเมือง

ระหว่างทาง หงห้าเอ่ยด้วยความกังวลเล็กน้อย “ผมได้ข่าวว่าอาจารย์ฮวงจุ้ยได้มาจากฮ่องกงด้วยคนหนึ่งชื่อว่าอาจารย์ล่าย คุณเย่ ท่านจะให้มันมาแย่งซีนไปไม่ได้นะครับ!”

จบคำ เขาเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกครั้ง “คุณหนูซ่ง เป็นลูกสาวตนโตของตระกูลซ่ง จะได้ขึ้นเป็นผู้นำในเร็วๆ นี้ หากเรื่องของเราในครั้งนี้ไปได้สวย ผลประโยชน์ที่เราจะได้รับในอนาคตนั้นไม่ต้องห่วงเลย!”

เย่เฉินหัวเราะออกมา “หงห้านะหงห้า คุณนี่ไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย เมื่อคืนยังบอกอยู่เลยว่าเพื่อตอบแทนคุณ ตอนนี้หางโผล่แล้วสินะ ที่แท้ก็เพื่อเอาอกเอาใจคุณซ่ง?”

หงห้าเอ่ยอย่างประหม่า “ตอบแทนคุณก็ส่วนหนึ่ง เพิ่มความใกล้ชิดก็ส่วนหนึ่ง! ผมรู้ว่าคุณเย่มีความสามารถล้นหลาม แต่บอกตามตรง การที่ได้ผูกมิตรกับคุณซ่งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร คุณซ่งทั้งสาวและสวย มีครอบครัวที่มีอำนาจ หากได้เป็นเพื่อนด้วย หากได้ร่วมมือกัน ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคุณเอง ท่านว่าจริงไหม?”

เย่เฉินหัวเราะออกมา พร้อมเอ่ยอย่างนิ่งเฉย “หากอาจารย์ล่ายมีความสามารถมากจริงๆ ถ้างั้นผมเองก็ทำอะไรไม่ได้”

หงห้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เราไปดูก่อนแล้วกัน ท่านเป็นอาจารย์ซวนซวนที่มีความสามารถจริงๆ ท่านลองมองหาโอกาสที่เหมาะสม ตัดหน้าไอ้ฮ่องกงไปซะ!”

เย่เฉินเงียบไป อย่างไตร่ตรอง อาจารย์ล่ายจากฮ่องกง ผู้สืบทอดของตระกูลล่าย คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง

เขาลองไปดูหน่อยแล้วกัน ว่าคนของตระกูลล่ายมีความสามารถแค่ไหน บางทีอาจจะมีคำแนะนำอะไรกับตนต่อการศึกษาตำราเก้าเสวียนเทียนก็ได้!

……

คฤหาสน์ตระกูลซ่ง ในวิวล่าที่หรูหราที่สุดในเขตชานเมือง

หงห้าพาเย่เฉินพุ่งทยาน หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์หรู

ในเวลานี้เอง ปรากฏชายที่รูปลักษณ์เหมือนกับพ่อบ้านเดินออกมา หงห้ายื่นใบหน้าออกไปทันที “ลุงวี คุณหนูใหญ่อยู่บ้านไหม?”

พ่อหนุ่มพยักหน้าอย่างนิ่งเฉย “ท่านหงห้า ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

หงห้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ลุงวีผมเชิญอาจารย์คนหนึ่งมา เพื่อที่จะให้เขาช่วยคุณหนูใหญ่ตรวจดูสักหน่อย คนนี้เขาเป็นอาจารย์ซวนซวนตัวจริงเสียงจริงเลย!”

พ่อบ้านเหลือบสายตาไปยังเย่เฉินที่อยู่บนเบาะข้างคนขับ โดยไม่วางหนุ่มน้อยอายุเท่านี้ไว้ในสายตา พลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านหงห้า อาจารย์ล่ายจากฮ่องกงเดินทางมาถึงแล้ว เพื่อดูฮวงจุ้ยให้กับคุณหนูใหญ่ ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะรบกวน หากไม่มีเรื่องอะไร ท่านกลับไปก่อนเถอะ”

หงห้าขัดขึ้นทันควัน “ลุงวี ในเมื่อคุณเย่มาแล้ว ยังไงก็ให้คุณเย่ลองสักหน่อยสิ? แล้วอีกอย่าง คุณเย่เองก็มีความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่ด้วย!”

ลุงวีเอ่ยถาม “คนที่มีความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่เยอะแยะไป ผมได้ยินจนชินแล้วล่ะ แล้วอีกอย่าง คนที่ท่านเชิญมา จะมีความสามารถมากกว่าอาจารย์ล่ายรึเปล่าล่ะ? บรรพบุรุษของอาจารย์ล่ายคือผู้ริเริ่มฮวงจุ้ยอย่างล่ายปู้อี เขาเป็นคนที่เราลงทุนลงแรงไปมาก เดินทางมาไกลจากฮ่องกง คุณจะร่วมแจมด้วยทำไมกัน! กลับไปเถอะ!”

เย่เฉินตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่ใช่เพราะประวัติของนายอาจารย์ล่ายอะไรนั่นหลอก แต่ประหลาดใจที่ยังไงซะหงห้าก็เป็นถึงผู้มีอำนาจในจินหลิงที่เพียงกระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองนี้แผ่นดินไหวได้ แต่สุดท้ายต้องอยู่ที่หน้าบ้าน แม้แต่พ่อบ้านของตระกูลซ่งก็ไม่สามารถจัดการได้

ไม่เพียงแต่ไม่สามารถจัดการได้ แทบจะคุกเข่าเลียเลยล่ะ…..

เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะดูแคลน นายหงห้าคนนี้ อยู่ต่อหน้าลุงวีช่างเหมือนกับขอทานจอมตื้อไม่ผิดเพี้ยน! หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป คงได้ถูกคนทั้งเมืองจินหลิวดูหมิ่นแน่!