ตอนที่ 200 มาเข้านิกายข้าเถอะ!!
สองนาทีหลังจากที่หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหยุดเล่นพิณของเธอ หยวนก็เล่นจนจบเพลงของเขาและหันมามองเธอด้วยสายตาใสซื่อบริสุทธิ์
“นั่นสนุกมาก…ขอบคุณที่เล่นพิณกับข้า” หยวนพูดพร้อมรอยยิ้มหลังหน้ากากของเขา
“…”
หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมจ้องมองดวงตาที่สดใสของหยวนในความเงียบ เธอเหมือนกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่หลังจากเงียบอยู่นานในที่สุดเธอก็พูดด้วยน้ําเสียงที่ผ่อนคลายเป็นครั้งแรก
“เจ้าอยากเข้าร่วมนิกายดนตรีสวรรค์ไหมตําแหน่งใดก็ได้ที่เจ้าต้องการ”
“เอ๋?”
ไม่เพียงแต่หยวนเท่านั้น แต่ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับคําพูดของหญิงสาวสวมผ้าคลุม ทําไมถึงกลายเป็นการชักชวนเข้าร่วมนิกายดนตรีสวรรค์ไปได้!
“ตะ…แต่ว่าข้าเป็นศิษย์ของวิหารแก่นมังกรแล้ว…” หยวนตอบด้วยน้ําเสียงงุนงง
หญิงสาวสวมผ้าคลุมพยักหน้าและพูดต่อด้วยน้ําเสียงที่ไร้ยางอาย
“ข้ารู้แต่เจ้าสามารถออกจากที่นั่นและมาเข้าร่วมกับเราได้ เจ้าเหมาะกับนิกายดนตรีสวรรค์ มากกว่าที่นั่นทุกๆ คนเป็นนักดนตรีกันหมด”
และก่อนที่หยวนจะได้ตอบอะไร หญิงสาวสวมผ้าคลุมก็ยกมือขวาขึ้นและคว้าผ้าคลุมสีแดงที่ปิดบังใบหน้าของเธอ ก่อนจะดึงมันออกจากศีรษะเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามไม่มีใครเทียบทานได้อยู่ออกมา
เมื่อผู้คนที่นั่นเห็นผู้หญิงที่สวยมากคนนี้ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเทพธิดา ดวงตาและปากของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“นะ…นั่น!”
“ผู้อาวุโสซ่ง?!”
“อะไรนะ! เธอเป็นผู้นําของนิกายดนตรีสวรรค์ไม่ใช่หรอ?!”
“นะ…นี่หมายความว่าผู้เชี่ยวชาญพิณปริศนาคนนี้สามารถเอาชนะผู้อาวุโสซ่ง ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นเทพธิดาแห่งดนตรีในการต่อสู้พิณแบบตัวต่อตัวงั้นหรอ! นี่เป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่!”
“เธอคือผู้อาวุโสซ่งจริงๆ…” เฟยยู่หยานพึมพําด้วยเสียงที่งุนงง
หลังจากเปิดเผยตัวตนของเธอต่อผู้คนที่นั่น ซ่งหลิงเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืนและหันไปมองผู้อาวุโสซวนและผู้อาวุโสชานด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้าไม่เคยทําแบบนี้มาก่อน การแย่งตัวศิษย์จากนิกายอื่น แม้กระทั่งต่อหน้าผู้อาวุโสในนิกายและเพื่อนศิษย์ของเขา ด้วยการทําสิ่งที่ข้าทําในตอนนี้จะทําให้ชื่อเสียงของข้าเสื่อมเสียอย่างแน่นอน ข้าเคารพชื่อเสียงของวิหารแก่นมังกร แต่ข้าก็แค่ไม่อาจยอมให้คนที่มีความสามารถมากขนาดนี้มาเสียเวลาในที่ที่พวกเขาไม่ได้สอนทางด้านดนตรี อันที่จริงข้ารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เขาตัดสินใจเข้าร่วมนิกายของเจ้าไม่ใช่ของข้า ข้าหวังว่าพวกท่านจะเข้าใจความรู้สึกของข้า ท่านผู้อาวุโสจากวิหารแก่นมังกร” ซ่งหลิงเอ๋อพูดกับพวกเขา
ผู้อาวุโสซวนและผู้อาวุโสชานตกตะลึงจนพูดไม่ออกหลังจากฟังคําพูดของซ่งหลิงเอ๋อ พวกเขานึกไม่ถึงว่า จะมีวันนี้ วันที่ปรมาจารย์จากนิกายแห่งดนตรีสวรรค์ จะแย่งศิษย์คนหนึ่งของพวกเขาไปต่อหน้าต่อตา
แต่ไม่ว่าซ่งหลิงเอ๋อจะรู้สึกอย่างไรแม้ว่าเธอจะขู่พวกเขาด้วยดาบที่คอก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมแพ้และ ปล่อยคนอย่างหยวนไป ท้ายที่สุดความสามารถในการฝึกฝนของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพรสวรรค์ทางดนตรีเลย หรือไม่อาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ํา!
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านเป็นอย่างดีผู้อาวุโสซ่ง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะตัดสินใจได้ หากเจ้าต้องการสนทนาต่อไปจริงๆเจ้าก็ต้องพูดคุยกับผู้นํานิกายของเรา” ผู้อาวุโสซวนกล่าวกับเธอ เขาปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้หลงอี้จุนเป็นเพราะเขาไม่ต้องการจะต่อรองกับคนอย่างซ่งหลิงเอ๋อซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นคนดื้อรั้นและก้าวร้าว
ซ่งหลิงเอ๋อขมวดคิ้ว ถึงอย่างนั้นเพื่อให้เธอสามารถแย่งคนอย่างหยวนมาได้ ต่อให้ต้องเดินทางไปสุดขอบโลกเธอก็จะทํามันโดยไม่ลังเล
“ไม่เป็นไรผู้อาวุโสซึ่งท่านไม่จําเป็นต้องพูดกับผู้นํานิกายให้เสียเวลาหรอก” จู่ๆหยวนก็พูดขึ้นและเขาก็พูดต่อ
“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติและขอบคุณที่ท่านเชิญข้าเข้าร่วมนิกายของท่าน แต่ข้ายังไม่ได้คิดที่จะออกจากวิหารแก่นมังกร”
“ทําไม?! มีอะไรที่วิหารแก่นมังกรอะไรที่ทําให้เจ้าอยากอยู่ที่นั่น?!” ซ่งหลิงเอ๋อก็ตะคอกใส่ทุกคนที่นั่น ทําให้ทุกคนพากันตกใจ
“ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีความสามารถเท่าเจ้ามาก่อน! ถ้าเจ้าอยู่ในนิกายดนตรีสวรรค์เจ้าจะสามารถเปล่งประกายได้อย่างแท้จริง! หากเจ้าเข้าร่วมนิกายของเราข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะกลายเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งชื่อของเจ้าจะมีชื่อเสียงมากไม่น้อยไปกว่าเทพธิดาแห่งพิณเลยด้วยซ้ํา!”
เมื่อได้ยินคําพูดของซ่งหลิงเอ๋อ หยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวาน
“มีบางเรื่องในวิหารแก่นมังกรที่ข้าต้องเข้าร่วม ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถจากไปได้ นอกจากนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกเนื่องจากดนตรีเป็นเพียงงานอดิเรกของข้าและข้าต้องการเน้นไปทางการฝึกฝนมากกว่า”
“อะไรนะ! ดนตรีเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้นหรือ! นั่นเป็นการใช้พรสวรรค์ที่สวรรค์มอบให้มาเสียเปล่า!” ซ่งหลิงเอ๋อจ้องมองหยวนด้วยสายตาไม่เชื่อ
คนที่มีพรสวรรค์มหาศาลเช่นนี้จะไม่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถเฉพาะนั้นได้อย่างไร? เธอไม่เคยเห็นความโง่เขลาเช่นนี้มาก่อน!
แน่นอนซ่งหลิงเอ๋อไม่รู้ถึงความสามารถในการฝึกฝนขั้นเทพของหยวน มิฉะนั้นเธอจะไม่ตอบสนองในลักษณะดังกล่าว
“ข้าขอโทษจริงๆ แต่ข้าได้ตัดสินใจที่จะไม่เล่นเครื่องดนตรีอย่างจริงจังอีกแล้วเพราะข้าได้สัมผัสกับสิ่งนั้น มามากพอแล้วในชีวิตของข้า” หยวนพูดกับเธอ
ซ่งหลิงเอ๋อหรี่ตาและมองไปที่หยวนและเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ครู่ต่อมาเธอหายใจเข้าลึกๆและปล่อยมันออกมา
จากนั้นเธอก็หันกลับไปและเริ่มเดินออกไปจากบริเวณนั้น
“นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็นข้า ข้าจะไม่ยอมแพ้ที่จะพยายามแย่งชิงตัวเจ้า ข้าจะไปเยี่ยมวิหารแก่ นมังกรทันทีหลังจากที่การแข่งขันพิณนี้จบลง” ซ่งหลิงเอ๋อกล่าวขณะที่เธอหายตัวไปจากพื้นที่
เมื่อซ่งหลิงเอ๋อออกจากที่เกิดเหตุผู้อาวุโสชวนเดินเข้ามาหาหยวนและพูดกับเขาว่า
“ออกไปจากที่นี่ก่อนที่มันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้”
หยวนพยักหน้าและออกจากสวนสาธารณะพร้อมกับคนอื่นๆในเวลาต่อมา