ตอนที่ 303-3 ประชาชนผู้บริสุทธิ์

ชายาเคียงหทัย

​“​ไม่มี​อะไร​”​ ​เยี​่ย​หลี​เอ่ย​เสียงต่ำ​ ​“​แค่​เหนื่อย​เท่านั้น​”

​นัยน์ตา​ม่อ​ซิว​เหยา​วูบ​ไหว​เล็กน้อย​ ​ลูบ​หลัง​บอบบาง​ของ​นาง​เบา​ๆ​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​อย่าง​อ่อนโยน​ ​“​ในเมื่อ​เหนื่อย​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ก็​หลับ​สัก​ตื่น​เถิด​ ​มีเรื่อง​อะไร​ไว้​ค่อย​พูด​กัน​พรุ่งนี้​ ​ดี​ไหม​”​ ​เยี​่ย​หลี​พยักหน้า​ ​ยาม​ที่​ได้​อิงแอบ​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​ทำให้​เยี​่ย​หลี​รู้สึก​ง่วง​ขึ้น​มา​เล็กน้อย​ ​นาง​พยายาม​ฝืน​ความง่วง​งุน​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​“​ซิว​เหยา​ ​สงคราม​ไม่เกี่ยว​กับ​ประชาชน​ ​อย่า​เข่นฆ่า​ผู้บริสุทธิ์​เลย​ ​หัวใจ​ของ​ปวงประชา​…​”

​ม่อ​ซิว​เหยา​ก้มหน้า​ลงมา​ ​มอง​ใบหน้า​งดงาม​ที่​ค่อยๆ​ ​เข้าสู่​ห้วง​นิทรา​ ​ก่อน​จะ​ก้มลง​ไป​จุมพิต​เบา​ๆ​ ​“​หัวใจ​ของ​อา​หลี​อ่อนโยน​เกินไป​ ​เป็น​เช่นนี้​ไม่ดี​นะ​ ​จะ​ถูก​คนอื่น​ทำร้าย​ได้​ง่ายๆ​ ​ผู้บริสุทธิ์​…​ใต้​หล้า​แห่ง​นี้​ ​ผู้ใด​บ้าง​เป็น​ผู้บริสุทธิ์​”

​ภายใน​ห้อง​หนังสือ​ที่​ต่อเติม​ออกมา​ชั่วคราว​ของ​จวน​เจ้าเมือง​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ ​มอง​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​และ​ฉิน​เฟิง​ที่อยู่​ตรงหน้า​อย่าง​ไม่ใส่ใจ​ ​ใน​ใจ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​นึก​จนปัญญา​อย่างที่​สุด​ ​ทว่า​ก็​ไม่กล้า​พูด​แทงใจดำ​ ​ในขณะที่​ม่อ​ซิว​เหยา​กำลัง​อารมณ์​ย่ำแย่​อย่างเห็นได้ชัด​ ​รอยยิ้ม​เกียจคร้าน​ที่​เผยอ​ยู่​บน​ใบหน้า​ใน​ตอนแรก​ ​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยนเป็น​รอยยิ้ม​จอมปลอม​อัน​แข็งกระด้าง​ ​สุดท้าย​ก็​ฝืน​ต่อไป​ไม่ไหว​อีก

​เขา​เหลือบมอง​ฉิน​เฟิง​ที่​ไม่ยอม​พูด​อะไร​แวบ​หนึ่ง​ ​แล้ว​เฟิง​จือ​เหยา​ถึง​ได้​กระแอม​เบา​ๆ​ ​“​ท่าน​อ๋อง​…​”

​ม่อ​ซิว​เหยา​เงยหน้า​ ​มอง​เขา​อย่าง​ไม่แยแส​ ​ก่อน​จะ​ถาม​ ​“​จัดการ​คนที​่​ลานประหาร​เรียบร้อย​หรือยัง​”

​“​จัดการ​เรียบร้อย​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​รีบ​ตอบ

​“​จัดการ​เรียบร้อย​แล้ว​หรือ​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​เลิก​คิ้ว​ยิ้ม​เย็น​ ​“​เช่นนั้น​ ​ใน​ค่าย​เชลย​ขัง​ผู้ใด​ไว้​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​หัวเราะ​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ตอบ​ ​“​บรรดา​คนที​่​ก่น​ด่า​ท่าน​อ๋อง​ ​และ​คนที​่​คุกเข่า​อยู่​บน​ลานประหาร​พวก​นั้น​ฆ่า​หมด​แล้ว​จริงๆ​ ​ท่าน​อ๋อง​ก็​เห็น​อยู่​ ​ส่วน​คนที​่​เหลือ​…​ท่าน​อ๋อง​ไม่ได้​สั่ง​ไม่ใช่​หรือ​”

​“​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​หันหน้า​มาม​อง​เขา​ด้วย​สายตา​ที่​ราวกับ​ยิ้ม​แต่​ก็​ไม่ได้​ยิ้ม​ ​ก่อน​จะ​ถาม​ ​“​เช่นนั้น​ตอนนี้​ข้า​สั่ง​แล้ว​ ​เจ้า​จง​ไป​ฆ่า​พวกเขา​ให้​หมด​เถิด​”

​“​ท่าน​อ๋อง​…​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​หน้าเจื่อน​ ​ก่อน​จะ​กระซิบ​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ได้​โปรด​ใคร่ครวญ​อย่าง​ถี่ถ้วน​”

​ม่อ​ซิว​เหยา​มอง​เขา​ด้วย​สายตา​เย็นชา​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เอ่ย​ต่อ​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​กองทัพ​ตระกูล​ม่อ​ของ​พวกเรา​มีระเบียบ​วินัย​ทางทหาร​ที่​เข้มงวด​และ​ไม่เคย​สังหาร​ผู้บริสุทธิ์​ ​หาก​ท่าน​อ๋อง​สังหาร​คน​เหล่านี้​ด้วย​ความโกรธแค้น​ที่เกิด​ขึ้น​เพียง​ชั่ววูบ​ ​ชื่อเสียง​ของกอง​ทัพ​ตระกูล​ม่อ​และ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ก็​จะ​ถูก​ทำลาย​ลง​ใน​ชั่วพริบตา​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ประชาชน​ของ​ซี​หลิง​ยัง​เป็น​คนอง​อาจกล้า​หาญ​ ​หาก​พวกเขา​รู้เรื่อง​การสังหาร​หมู่​ของกอง​ทัพ​ตระกูล​ม่อ​ ​พวกเขา​จะ​ต้อง​ช่วย​กองทหาร​ซี​หลิง​ปกป้อง​เมือง​อย่างเต็มที่​แน่นอน​ ​นอกจากนี้​ยัง​เป็นผล​เสีย​อย่างใหญ่หลวง​ต่อ​สงคราม​ใน​ภายภาคหน้า​ของ​เรา​นะ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​เมื่อ​เห็นท่า​ทาง​เฉยเมย​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​เฟิ​่ง​ซิว​เหยา​ก็​แอบ​ถอนหายใจ​และ​พูด​ต่อ​ ​“​นอกจากนี้​พระ​ชายา​ยัง​มี​จิตใจ​เมตตา​ ​ย่อม​ไม่เห็นด้วย​กับ​การกระทำ​นี้​ของ​ท่าน​อ๋อง​ ​เหตุใด​ท่าน​อ๋อง​ถึง​จะ​ต้อง​ทำให้​พระ​ชายา​ไม่สบายใจ​เพียง​เพราะ​คนที​่​ไม่เกี่ยว​ข้อง​พวก​นี้​ด้วย​เล่า​”

​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ไป​ที่​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​เห็น​ว่า​คิ้ว​คม​ของ​เขา​มี​รอยย่น​เล็กน้อย​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​กำลัง​ใช้​ความคิด​อยู่​ ​เขา​ถึง​ได้​เบาใจ​ลง​ ​ถ้า​ท่าน​อ๋อง​จะ​ฆ่า​คน​พวก​นั้น​โดย​ไม่​คำนึงถึง​สิ่งใด​จริงๆ​ ​เกรง​ว่า​คง​ไม่มี​ผู้ใด​เกลี้ยกล่อม​เขา​ได้

​หลังจากนั้น​ไม่นาน​ ​ถึง​ได้ยิน​ม่อ​ซิว​เหยา​พูด​ขึ้น​อย่าง​เย็นชา​ ​“​ฆ่า​นักโทษ​พวก​นั้น​ทั้งหมด​ ​ส่วน​ประชาชน​ทั่วไป​ให้​ขับ​ออกจาก​เมือง​ไป​ ​เฟิ​่ง​ซาน​ ​หาก​เจ้า​ยัง​จัดการ​ได้​ไม่ดี​อีก​ ​เจ้า​ก็​หาทาง​เอา​เอง​แล้วกัน​!​”

​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​โล่งใจ​ ​ใน​ยุค​นี้​ไม่มี​การ​ไม่​ประหาร​เชลย​ ​ทุกๆ​ ​ประเทศ​เมื่อ​จับ​เชลย​บน​สนามรบ​ได้​ ​นอกจาก​จะ​มี​การแลก​เปลี่ยน​หรือ​จับ​ไป​เป็น​ทาส​แล้ว​ ​โดยทั่วไป​ต่าง​ก็​ให้​สังหาร​ทั้งหมด​ ​แม้​เฟิง​จื่อ​เหยา​จะ​คิด​ว่าการ​ฆ่า​ทหาร​ของ​ซี​หลิง​ที่​ไร้​ประสิทธิภาพ​นั้น​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​คุ้มค่า​ ​แต่​เขา​ก็​รู้​ว่า​คน​เหล่านี้​ไม่​สามารถ​ปล่อยไป​ได้​ ​เก็บ​ไว้​กับ​ตัว​ก็​มี​แต่​จะ​รำคาญใจ​ ​หาก​ม่อ​ซิว​เหยา​จะ​ต้อง​ฆ่า​ให้​ได้​ ​เขา​ก็​ไม่สน​ใจ​แล้ว​เช่นกัน

​“​ข้า​น้อย​น้อม​รับ​บัญชา​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เอ่ย​พร้อม​คารวะ​ ​เขามอ​งม​่อ​ซิว​เหยา​และ​ถาม​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​หลง​หยาง​…​จะ​จัดการ​อย่างไร​ดี​”

​เมื่อ​เอ่ยถึง​หลง​หยาง​ ​สีหน้า​ม่อ​ซิว​เหยา​ก็​พลัน​ตึงเครียด​ขึ้น​ทันที​ ​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ว่า​ ​“​พา​หลง​หยาง​ไป​ที่​ลานประหาร​ ​ให้​เขา​เห็น​ว่า​คน​ซี​หลิง​พวก​นั้น​ต้องตา​ยอย​่าง​ไร​”

​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เพิ่ง​เข้าใจ​ว่า​เหตุใด​เมื่อ​ตอนกลางวัน​ ​หลง​หยาง​ถึง​ได้​ไป​ปรากฏตัว​อยู่​บน​ลานประหาร​ ​เขา​แอบ​ส่าย​หัว​อยู่​ใน​ใจ​ ​หลง​หยาง​ทำให้​ท่าน​อ๋อง​โกรธ​มากเกินไป​ ​เกรง​ว่า​ใคร​ก็​คง​ไม่​อาจ​เกลี้ยกล่อม​ได้​แล้ว​ ​“​ข้า​น้อย​น้อม​รับ​บัญชา​ ​จะ​ไป​จัดการ​เดี๋ยวนี้​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​

​“​อย่า​ให้พระ​ชายา​รู้​เด็ดขาด​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​เอ่ย​เสริม​ช้าๆ

​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​และ​ฉิน​เฟิ​งม​อง​ตากัน​ ​เรื่อง​แบบนี้​…​จะ​ปิด​ได้​หรือ

​“​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​ข้า​น้อย​น้อม​รับ​บัญชา​”

​พอ​พูด​ธุระ​จบ​แล้ว​ ​แต่​ม่อ​ซิว​เหยา​กลับ​ดู​ไม่มี​ทีท่า​ว่า​จะ​ให้​พวกเขา​ถอย​ออก​ไป​ ​ทั้งสอง​เลต​่าง​ไม่รู้​จะ​ทำ​อย่างไร​ขึ้น​มาชั​่ว​ขณะ​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​มอง​ทั้งสอง​คน​อยู่นาน​ ​แล้ว​ถึง​จะ​เอ่ย​ถาม​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​อา​หลี​”​ ​ทั้งคู่​ต่าง​ผงะ​ไป​ ​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​คำถาม​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​สัก​เท่าไร​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ขมวดคิ้ว​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​อย่าง​รำคาญใจ​ ​“​อา​หลี​อารมณ์ไม่ดี​อยู่​ตลอด​ ​พวกเขา​ออก​ไป​ครั้งนี้​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

​พระ​ชายา​อารมณ์ไม่ดี​หรือ

​พวกเขา​ขมวดคิ้ว​ ​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​แต่​ก็​คิดไม่ออก​ว่า​ตรงไหน​ที่​ทำให้​พระ​ชายา​รู้สึก​แย่​ ​สงคราม​ราบรื่น​มาโดยตลอด​ ​แม้ว่า​กองทัพ​ตระกูล​ม่อ​จะ​มี​การ​สูญเสีย​บ้าง​ ​แต่​ก็​อยู่​ใน​การคาดการณ์​ของ​พวกเขา​และ​ล้วน​เป็น​สิ่ง​ที่​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ ​นอกเหนือจาก​นั้น​ก็​ไม่มี​อะไร​อีก​ ​พอ​เห็น​สีหน้า​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ย่ำแย่​ลง​ไป​ทุกที​ ​ฉิน​เฟิง​เลย​เอ่ย​ว่า​ ​“​จู​หลิง​หลานชาย​ของ​แม่ทัพ​จู​เยี​่​ยน​เอา​ตัว​มาบั​งการ​ลอบ​โจมตี​แทน​พระ​ชายา​จน​เสียชีวิต​ลง​ ​อีกทั้ง​แม่ทัพ​จู​เยี​่​ยน​ยัง​กระโดด​ลงมา​จาก​หอคอย​ ​สละ​ชีพ​ฆ่าตัวตาย​ต่อหน้า​พระ​ชายา​”​ ​ฉิน​เฟิ​งคิ​ดอยู​่​นาน​ ​มี​เพียงแค่​สอง​สิ่ง​นี้​เท่านั้น​ที่​พอ​เรียก​ได้​ว่า​เป็นเรื่อง​พิเศษ

​“​จู​หลิง​หรือ​ ​เขา​เป็น​ใคร​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ถาม

​ฉิน​เฟิง​เล่าเรื่อง​ตั้งแต่​ต้น​จน​จบ​ให้​ม่อ​ซิว​เหยา​ฟัง​ ​แต่เดิม​เยี​่ย​หลี​และ​ฉิน​เฟิง​เพียงแค่​ไป​ช่วย​จาง​ฉี่​หลัน​จัดการ​กับ​จู​เยี​่​ยน​ที่​อาจ​ออกมา​และ​กองทัพ​รักษา​ความสงบ​ที่​ไม่รู้​ว่า​ซ่อนตัว​อยู่​ที่ใด​ ​หลังจากนั้น​เยี​่ย​หลี​และ​หลิน​หาน​ก็​แอบ​เข้าไป​ใน​กองทัพ​รักษา​ความสงบ​เพียง​สอง​คน​ ​เรื่อง​นี้​เป็นการ​ตัดสินใจ​อย่างกะทันหัน​ของ​เยี​่ย​หลี​ ​โดยที่​ไม่ได้​บอก​ให้​ม่อ​ซิว​เหยา​รู้​ ​ดังนั้น​เขา​ย่อม​ไม่รู้​อย่างแน่นอน

​ยิ่ง​ฟัง​มาก​เท่าไหร่​ ​ใบหน้า​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ก็​ยิ่ง​ดำคล้ำ​มาก​เท่านั้น​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ที่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​แอบ​ถอย​ไป​สอง​ก้าว​โดย​ไม่​ให้​ใคร​ทัน​สังเกตเห็น​ ​เมื่อ​ฉิน​เฟิง​เอ่ย​จบ​ ​ภายใน​ห้อง​หนังสือ​ก็​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบงัน​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​กำลัง​รอกา​รมา​เยือน​ของ​ความโกรธ​ที่​คาดการณ์​ไว้​ล่วงหน้า​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​แต่​หลังจาก​รอ​อยู่​เป็นเวลา​นาน​ ​กลับ​ได้ยิน​เพียง​เสียง​อัน​สงบ​ราบเรียบ​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​“​ข้า​เข้าใจ​แล้ว​ ​พวก​เจ้า​ออก​ไป​เถิด​”

​เอ๋

​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ผงะ​ไป​ ​ฉิน​เฟิง​ที่อยู่​ข้าง​กาย​กวาดสายตา​มาทาง​เขา​อย่าง​เยือกเย็น​ ​ก่อน​จะ​หมุนตัว​เดิน​ออก​ไป​อย่างเรียบร้อย​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​อกสั่นขวัญแขวน​ ​กุลีกุจอ​พุ่งตัว​ออก​ไป​เช่นกัน​ ​ภายใน​ห้อง​หนังสือ​ ​เหลือ​เพียง​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่นั่ง​หันหน้า​เข้ากับ​โคมไฟ​เพียง​ดวง​เดียว​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​ ​“​จู​หลิง​…​คนตาย​ไป​แล้วยัง​ทำให้​อา​หลี​ไม่สบายใจ​ได้​อีก​ ​ตาย​ง่าย​เกินไป​จริงๆ​!​”