หลังจากนั้นสามวัน

ณ อวกาศภายในจักรวาล กลุ่มดาวกำลังระยิบระยับ

ยานดาราจักรกำลังโลดแล่นอยู่ภายในอวกาศของจักรวาล มันได้เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเหมือนกับยานอวกาศปกติธรรมดาเช่นกัน ไม่ได้แสดงพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา ไม่มีใครที่จะรู้ได้ว่านี่คือยานอวกาศระดับเซนต์

นี่คือความสามารถในการพรางตัวของยานอวกาศระดับเซนต์ ปิดบังธาตุแท้ของตนเอง

ดังนั้น การที่นั่งยานอวกาศลำนี้โลดแล่นออกไปในทุกหนแห่งนั้น เซี่ยปิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก

ในช่วงเวลานี้ข้างในร้านอาหารของยานอวกาศ เจียงยารุ ฉู่หลง ซู่จี ยวีชีชีและเฟิงเหอตังทั้งห้าคนกำลังนั่งทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย แน่นอนว่าเซี่ยปิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

“เจ้าอ้วนเฟิง บุคคลที่รักตัวกลัวตายอย่างเจ้าก็กล้าที่จะเดินทางออกมาจากโลกแห่งเมฆาด้วยหรือ นี่ทำให้ข้าต้องขยี้ตามองเจ้าใหม่จริงๆ” ฉู่หลงได้หยิบเกี๊ยวเข้าปาก จากนั้นก็เคี้ยว ง่ำ ง่ำ พร้อมกับมองเฟิงเหอตังด้วยสีหน้าที่สงสัย ไม่คาดคิดว่าเจ้าอ้วนนี่จะติดตามพวกเขามาเช่นกัน

“เหอะ ข้าคือลูกน้องหมายเลขหนึ่งของพี่ใหญ่ ไม่ว่าพี่ใหญ่จะไปที่ใด แน่นอนว่าลูกน้องหมายเลขหนึ่งก็ต้องติดตามไปด้วยเช่นกัน ต่อให้จะบุกน้ำลุยฝนข้าก็ไม่หวั่น ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใดๆก็ไม่ย่อท้อ เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก” เฟิงเหอตังพูดออกมาอย่างอุทิศตน ตบหน้าอกของตนเอง บ่งบอกว่าตนเองจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ

ทว่าในความเป็นจริงเขาก็ได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความเสี่ยงของการเดินทางครั้งนี้แล้วเช่นกัน อักดับแรกเขาล่วงรู้ว่าเซี่ยปิงนั้นมีจุดยืนที่มั่นคงภายในจักรวาล เหมือนกับว่าจะกลายเป็นลูกศิษย์ของนิกายระดับเซนต์ อีกทั้งยังกลายเป็นศิษย์ตรงของเซนต์อีก

สถานะเช่นนี้ ต่อให้ใช้หัวเข่าคิดก็รู้ว่ามันสูงส่งแค่ไหน เป็นขาใหญ่ในจักรวาลอย่างแท้จริง

ตราบใดที่สามารถเกาะแข้งเกาะขานี้ไปได้ ต่อให้จะเผชิญกับอันตรายอย่างหนักหน่วงภายในโลกของมนุษย์ต่างดาวนั้น เขาก็จะไม่เผชิญกับอันตรายใดๆที่ถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน

ไม่อย่างนั้นบุคคลที่เกรงกลัวความตายเช่นเขานั้น ให้ตายก็คงจะไม่เดินทางออกมาจากโลกแห่งเมฆา

ทว่าคำเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดออกมา

“เหอะ เลียแข้งเลียขาจริงๆ”

ยวีชีชีมองไปที่เฟิงเหอตังด้วยสายตาที่ดูถูกในขณะที่กินเค้กครึ่งก้อนและเคี้ยวอย่างสบายใจ

“ใช่สิ เซี่ยปิง ต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกันกว่าที่พวกเราจะเดินทางไปถึงนิกายฟ้าดิน?”

เจียงยารุถามขึ้นมา

“ไม่ ก่อนที่พวกเราจะไปที่นิกายฟ้าดิน อันดับแรกจะต้องไปที่รังของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง” เซี่ยปิงพูดออกมา

ยวีชีชีก็จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “อะไรนะ? ไปที่รังของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง? นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? ไม่ใช่ว่าพวกเขาคือกลุ่มโจรสลัดจักรวาลที่โหดเหี้ยมและชั่วร้ายอย่างถึงที่สุดหรือ? การที่เข้าไปที่รังของพวกเขาจะไม่ใช่การรนหาที่ตายรึ?”

เฟิงเหอตังก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ทว่าไม่ได้พูดออกมา ในตอนนี้เขามีท่าทางที่หวาดกลัวอย่างมาก ร่างกายสั่นเทา เขาเริ่มที่จะรู้สึกผิดที่ตนเองได้เดินทางออกมาจากโลกแห่งเมฆา

เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วใครกันที่จะไม่รู้จักชื่อเสียงที่โหดเหี้ยมของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง กลุ่มโจรสลัดจักรวาลที่ได้รุกรานเข้ามาโลกแห่งเมฆาของพวกเขา

หากเซี่ยปิงไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาล่ะก็ บางทีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของโลกแห่งเมฆาอาจจะถูกกำจัดไปโดยกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงหรือไม่ก็อาจจะถูกจับตัวไปทั้งหมด กลายเป็นทาส ถูกนำออกไปขายในจักรวาล

ต่อให้กลุ่มของพวกเขาที่รุกรานเข้ามาจะถูกเซี่ยปิงกำจัดไป ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นการแสดงว่ากลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงไม่น่าสะพรึงกลัว ฝ่ายตรงข้ามยังคงมีพลังอำนาจและอิทธิพลที่ล้นหลามอยู่

“รังของพวกเขามีสมบัติที่ล้ำค่ามากมาย ข้าต้องการที่จะปล้นชิงมาขายเล็กๆน้อยๆ พวกเจ้าก็รู้ว่าช่วงนี้ข้ายากจนแค่ไหน” เซี่ยปิงปรารถนาที่จะครอบครองผืนดินเก้าสวรรค์และข้าวคริสตัลของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงมานานแล้ว

โดยเฉพาะผืนดินเก้าสวรรค์นั้น นี่เป็นทรัพยากรที่จะช่วยในการฟื้นฟูพื้นที่ภายในของลูกปัดพิภพ ตราบใดที่ครอบครองมันมา ลูกปัดพิภพจะสามารถฟื้นฟูความสามารถส่วนหนึ่งมาได้ พื้นที่ในลูกปัดพิภพก็จะสามารถฟื้นฟูโลกที่แท้จริงของมันกลับคืนมาได้อย่างช้าๆเช่นกัน

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่ามีเรื่องวุ่นวายมากมาย มันจึงทำให้แผนการนี้ล่าช้าออกไป ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปที่ฐานทัพลับของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง

การที่ในตอนนี้มีความพร้อมทุกอย่างนั้น หากไม่เข้าไปในตอนนี้ จากนั้นจะให้เข้าไปในตอนไหน?

ซู่จีก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่รังเกียจ ใครกันที่จะไม่รู้ว่าเจ้าบัดซบนี่ได้ก่อเรื่องอะไรที่ผ่านมานี้ บุกไปทำลายแก๊งมากมาย กำจัดแก๊งไปกว่าร้อยแก๊ง ปล้นชิงความมั่งคั่งมาอย่างมหาศาล ได้รับทรัพย์สินเงินทองเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านเหรียญจักรวาล

หากคนเช่นนี้เป็นบุคคลยากจนล่ะก็ ทุกๆคนบนโลกนี้ก็คงจะเป็นบุคคลที่ยากจน เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่เพียงแค่หมายตาสมบัติของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องการที่จะบุกเข้าไปที่รังของพวกเขา

ทว่าเธอก็ล่วงรู้เป็นอย่างดีว่าเซี่ยปิงเป็นบุคคลประเภทใด ตราบใดที่เจ้าบัดซบนี่ตัดสินใจแล้วนั้น ก็ไม่มีใครที่จะสามารถขัดขวางได้

“อืม ดูเหมือนว่าจะมาถึงแล้ว” เซี่ยปิงมองออกไปที่ข้างนอกยานอวกาศ

ทันใดนั้น ยานดาราจักรก็สั่นไหว เสร็จสิ้นการกระโดดข้ามมิติ ปรากฏอยู่ในผืนดวงดาวอีกแห่งหนึ่งอย่างกะทันหัน

ทว่าในผืนดวงดาวแห่งนี้นั้นก็ได้แยกออกมาจากเขตพื้นที่ของอาณาเขตดวงดาวทั้งหกที่อยู่ภายใต้การปกครองของนิกายฟ้าดิน มาถึงที่ผืนดวงดาวที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ไร้กฎระเบียบเช่นกัน

“สมกับที่เป็นยานอวกาศระดับเซนต์จริงๆ ช่างรวดเร็วยิ่งนัก”

เซี่ยปิงเอ่ยชมออกมา หากเป็นยานอวกาศก่อนหน้านี้ ต่อให้จะใช้ระยะเวลาการบินหนึ่งเดือน ก็อาจจะไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ ทว่าตอนนี้การที่ยานดาราจักรได้กระโดดข้ามมิติมานั้น เพียงแค่หนึ่งวันก็มาถึงได้ ไม่รู้ว่ามีความเร็วที่รวดเร็วกว่ากี่เท่า

“ตามข้อมูลของเส้นทางแผนผังดวงดาว ดาวเคราะห์ข้างหน้าควรจะเป็นฐานทัพลับของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง” เสียงของแมวนักปราชญ์ได้ดังขึ้นมา มันกำลังควบคุมยานอวกาศลำนี้อยู่เช่นกัน

“ฐานทัพลับ? ทว่าทำไมถึงได้มียานอวกาศจำนวนมากที่ผ่านเข้าออกดาวเคราะห์ดวงนี้กัน?”

เซี่ยปิงมองออกไปข้างนอก ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบดาวเคราะห์ที่ทั้งดวงเป็นแสงประกายโปร่งใส เป็นเหมือนกับคริสตัลก็ว่าได้ รอบๆมียานอวกาศจำวนมากที่ปรากฏอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงดาวเคราะห์ค้าขายธรรมดาทั่วไปก็ว่าได้ มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผ่านเข้าออกตลอดเวลา

ในช่วงเวลานี้ ยานดาราจักรก็กำลังหลบซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า อยู่ในสภาวะล่องหน ไม่ว่าใครและไม่ว่าระบบตรวจจับของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใดๆก็ไม่สามารถที่จะตรวจจับมันได้ เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของความว่างเปล่า

เขาก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก หากที่นี่คือฐานทัพลับของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงจริงๆ มันก็ควรที่จะหักห้ามผู้อื่นจากการเดินทางเข้าออกถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นความลับที่แท้จริงของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน

หรือว่าบนดาวเคราะห์ดวงนี้จะไม่มีผืนดินเก้าสวรรค์และข้าวคริสตัลอยู่?! หากเป็นเช่นนั้น นี่เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อกลับไปมือเปล่าหรือ?

“ไม่ต้องกังวลไป ข้าขอเวลาในการสำรวจหาข้อมูลบางอย่าง”

แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม ทันใดนั้นมันก็เริ่มเปิดใช้งานระบบสมองไฮเทค คลื่นสัญญาณได้กระจายออกไป เป็นเหมือนกับคลื่นซูเปอร์ซูนิกก็ว่าได้ ส่งผลกระทบออกไปรอบๆพื้นที่สิบปีแสง ทำการเก็บรวบรวมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ผันผวนในความว่างเปล่า

ไม่ว่าข้อมูลใดๆที่แลกเปลี่ยนอยู่ในผืนดวงดาวแห่งนี้ ก็ไม่สามารถที่จะปิดบังไปจากการสำรวจของมันได้

นอกจากนี้มันก็ยังได้แทรกสัญญาณเข้าไปในเครือข่ายของพื้นที่บริเวณนี้เช่นกัน เจาะเอาข้อมูลต่างๆนาๆออกมา

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง แมวนักปราชญ์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ที่นี่คือดาวคริสตัล เป็นดาวเคราะห์ที่ไร้กฎหมาย เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ในการปกครองของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง!”

“ดาวเคราะห์ที่ไร้กฎหมาย?”

เซี่ยปิงมองไปที่แมวนักปราชญ์

“สิ่งที่เรียกว่าดาวเคราะห์ไร้กฎหมายนั้นคือดาวเคราะห์ที่อยู่นอกเหนือจากกฎหมายของจักรวาล สถานที่เหล่านี้คือสวรรค์สำหรับอาชญากร ไม่สามารถใช้กฎหมายของจักรวาลกับสถานที่เหล่านี้ได้”

แมวนักปราชญ์ตอบกลับไป

เซี่ยปิงก็พยักหน้า เขาก็เข้าใจว่าดาวคริสตัลคือที่ใด มันคือแหล่งรวมอาชญากร อาชญากรที่ถูกหมายหัวในจักรวาลจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นโจรสลัดจักรวาล ฆาตกร โจรลักขโมยและอื่นๆ พวกเขาไม่มีที่ไหนให้ไปนอกจากดาวเคราะห์ที่ไร้กฎหมาย สถานที่เหล่านี้คือที่พักพิงสุดท้ายของพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้นอาชญากรจำนวนมากก็ได้เข้ามาในดาวเคราะห์ดวงนี้เพื่อทำการค้าขายแลกเปลี่ยนเช่นกัน แลกเปลี่ยนซื้อขายทรัพยากรต่างๆที่ตนเองต้องการ

เพราะว่าการที่พวกเขาไม่เกรงกลัวกฎหมายและสวรรค์ เป็นบุคคลที่บ้าระห่ำนั้น มันจึงมีสมบัติที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายมากมาย บนดาวเคราะห์ที่ไร้กฎหมายนั้นก็มักจะมีสมบัติที่ล้ำค่ามากมายปรากฏขึ้นมา แม้แต่ผู้คนของกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องรู้สึกตื่นเต้นกับสมบัติเหล่านี้ เข้ามาทำการซื้อขายในดาวเคราะห์ที่ไร้กฎหมาย

นี่ก็ส่งผลให้ดาวเคราะห์ที่ไร้กฎหมายมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าดาวเคราะห์ค้าขายอื่นๆเสียอีก