เยี่ยโยวเหยายืนมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน แววตาเย็นชา ปรากฏอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย
ความจริงแล้วไม่ต้องให้หลานเยวี่ยซินเข้ามาขวาง ดาบสั้นของหลานเยวี่ยหรูก็ไม่อาจทำร้ายเยี่ยโยวเหยาได้แม้แต่ปลายขน นางไม่มีทางเข้าประชิดตัวเยี่ยโยวเหยาได้ หากเข้ามาใกล้เยี่ยโยวเหยาในระยะสามก้าว ก็จะถูกองครักษ์และองครักษ์เงาสังหาร ไม่ต้องพูดถึงในกรณีที่ไม่มีองครักษ์กับองครักษ์เงา เยี่ยโยวเหยายังมีวรยุทธ์ เขาไม่มีทางปล่อยให้สตรีที่ไร้วรยุทธ์ทำร้ายตนเองแน่นอน
“หมอหลวงอวิ๋น! ”
ซูจิ่นซีส่งเสียงเรียก อวิ๋นจิ่นจึงรีบเข้าไปตรวจชีพจรให้หลานเยวี่ยซิน โดยมีหมอเทวดาหวาช่วยอีกแรง
“พระชายา อาการของแม่นางเยวี่ยซินไม่ค่อยดีนัก” อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วมุ่น
“ต้องรักษาชีวิตนางไว้ให้ได้! ”
จากการสอบสวนเมื่อครู่ ซูจิ่นซีรู้ว่าหลานเยวี่ยซินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของหลานเยวี่ยหลี ทั้งนางยังปกป้องเยี่ยโยวเหยาจากคมมีด แสดงว่านางไม่ใช่คนเลว
“พ่ะย่ะค่ะ! ” อวิ๋นจิ่นตอบรับ “เร็ว รีบแบกคุณหนูเยวี่ยซินเข้าไปในห้อง ยังต้องเตรียมน้ำร้อน ยิ่งมากยิ่งดี หมอเทวดาหวา ขอกล่องยาด้วย”
อวิ๋นจิ่นตะโกนเรียกให้เหล่าองครักษ์รีบแบกหลานเยวี่ยซินเข้าไปในห้องของหลานเยวี่ยหรู หมอเทวดาหวาก็รีบถือกล่องยาเข้ามาช่วยชีวิตหลานเยวี่ยซินด้วยเช่นกัน
ฮูหยินมี่กับหลานเยวี่ยหรูถูกองครักษ์ควบคุมตัวไว้แล้ว
ทว่าฮูหยินมี่ยังพยายามปกปิดความจริงแทนหลานเยวี่ยหรู “พระชายา เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหม่อมฉันเพียงผู้เดียว หม่อมฉันยอมรับการลงทัณฑ์ทุกอย่างเพคะ พระชายาได้โปรดปล่อยเยวี่ยหรูไปเถิด! เยวี่ยหรูเป็นผู้บริสุทธิ์”
“เป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่นั้น เกรงว่าไม่ใช่ฮูหยินมี่ที่เป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย เมื่อครู่นี้นางคิดสังหารท่านอ๋อง! เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ก็เพียงพอสำหรับโทษประหารชีวิตแล้ว”
ฮูหยินมี่ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกสิ้นหวังไว้ภายในแววตาได้
หลานเยวี่ยหรูตั้งสติ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองซูจิ่นซี แล้วพูดว่า “ซูจิ่นซี หากต้องการประหาร ก็ประหารเสีย! ทว่าข้า หลานเยวี่ยหรู แม้ตายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป”
เดิมทีซูจิ่นซีกับหลานเยวี่ยหรูเพิ่งได้พบหน้ากันวันนี้ คนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วยาม เป็นไปไม่ได้ที่นางจะโกรธแค้นซูจิ่นซีถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ หลานเยวี่ยหรูพูดบางอย่างเกี่ยวกับเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีคงยังไม่เข้าใจว่าความโกรธแค้นของนางมาจากสิ่งใดกันแน่ ทว่าตอนนี้ ซูจิ่นซีไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต้น้อย
ไม่ว่าท่านจะทำดีมากเพียงใด และพิจารณาเรื่องราวอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากเพียงใด บนโลกใบนี้ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบท่านและตั้งตนเป็นศัตรูกับท่าน ท่านไม่มีทางเพียบพร้อมไร้ที่ติ อย่างไรก็ตาม ขอเพียงท่านไม่ละอายต่อความรู้สึกของตนก็พอแล้ว
ซูจิ่นซีไม่ได้สนใจฮูหยินมี่กับหลานเยวี่ยหรู
“ท่านอ๋อง ฮูหยินมี่รับสารภาพว่าเป็นผู้วางยาพิษหลานเยวี่ยหลีด้วยตนเอง ความจริงปรากฏชัด ทว่าหลานเยวี่ยหรูหาได้เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นกัน ยาพิษส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านในเส้นทางลับเหมือนกับยาพิษที่มาจากแคว้นไหวเจียง ท่านอ๋องสามารถหาหมอพิษท่านอื่นมาตรวจสอบได้เพคะ”
ซูจิ่นซีพูดกับเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“ลงไปตรวจดู! ” เยี่ยโยวเหยาออกคำสั่ง องครักษ์ราวสามสี่นายจึงเข้าไปตรวจดูภายในเส้นทางลับ ผ่านไปไม่นาน ก็ขนย้ายหีบหลายใบออกมา ด้านในมีกล่องจำนวนมากที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับใส่ยาพิษ
ในจำนวนนั้นมี งูพิษ ดีเสือ หางแกะตอน และสิ่งที่มีมากที่สุดคือพิษที่มาจากแคว้นไหวเจียง แท้จริงแล้วไม่ต้องตรวจสอบ ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ
“องครักษ์ คุมตัวมี่ซื่อสองแม่ลูกกลับไปที่วิหารวิญญาณ” เยี่ยโยวเหยาออกคำสั่ง
วิหารวิญญาณ?
เช่นนั้นมี่ซื่อสองแม่ลูก ต้องพบกับการทรมานและการสอบสวนอย่างไร?
ฮูหยินมี่ตกใจอย่างมาก “ท่านพี่ ท่านช่วยเยวี่ยหรู ช่วยเยวี่ยหรูด้วย! เยวี่ยหรูเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ ทั้งหมดน้องทำเพียงผู้เดียว น้องผิดต่อท่าน น้องผิดต่อตระกูลหลาน ทว่าเยวี่ยหรูเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของท่าน! น้องขอร้องท่านพี่ ท่านพี่ช่วยนางด้วย! ”
ฮูหยินมี่อ้อนวอน
ทว่าแววตาของหลานเสวียนหมิงมีแต่ความว่างเปล่าและสิ้นหวัง
สกุลหลานจงรักภักดีต่อเยี่ยโยวเหยามาหลายปี เป็นทหารที่ทำงานน้อยใหญ่ให้เยี่ยโยวเหยามาครึ่งชีวิต ความรุ่งโรจน์ดั่งเช่นทุกวันนี้ เป็นความภาคภูมิใจของขุนนางระดับสูงที่อยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า โจรในบ้านนั้นยากป้องกัน ผู้ที่นอนอยู่ข้างๆ และบุตรสาวของตนกลับเป็นถึงสายลับของแคว้นศัตรู
นี่คือความภาคภูมิใจที่สุดของหลานเสวียนหมิง เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุด ทว่ากลับถูกผู้ที่เขาไว้ใจที่สุดตบหน้าอย่างรุนแรง
สุดท้ายหลานเสวียนหมิงก็ไม่ได้เอ่ยอันใด เขาไม่ได้ขอความเห็นใจให้ภรรยาและบุตรสาวของตนแม้แต่คำเดียว
ฮูหยินมี่กับหลานเยวี่ยหรูถูกองครักษ์คุมตัวออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เสียงของฮูหยินมี่ก็ยิ่งไกลออกไป ทว่านางยังร้องขอความช่วยเหลือให้หลานเยวี่ยหรูไม่หยุด
สุดท้ายเสียงของฮูหยินมี่ก็ไกลออกไปจนไม่มีผู้ใดได้ยิน หลานเสวียนหมิงถอดหมวกขุนพลหงหลิง ถอดเสื้อเกราะ เหลือเพียงร่างกายที่สวมเสื้อขาว ท่ามกลางลมหนาวที่พัดโหมกระหน่ำ เขาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา
หลานเสวียนหมิงไม่ได้พูดอันใด เพียงแสดงท่าทางของขุนนางผู้ซื่อสัตย์ที่ทำความผิดมหันต์ รอคำพิพากษาจากเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยามองหลานเสวียนหมิง ดวงตาดำขลับพลันหรี่ลง “องครักษ์ คุมตัวหลานเสวียนหมิงออกไป”
องครักษ์เดินมาด้านหน้าอย่างขึงขัง เหยียบหมวกขุนพลกับเสื้อเกาะของหลานเสวียนหมิง ยึดกระบี่คู่กายของเขาและควบคุมตัวไว้
ทันใดนั้น ขุนศึกสกุลหลานต่างเดินเข้ามาในเรือนด้วยท่าทีขึงขัง ก่อนจะคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านอ๋อง พวกเราเหล่าขุนศึกสกุลหลาน ขอให้ท่านอ๋องได้โปรดอภัยให้แม่ทัพหลานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หลานเสวียนหมิงหันไปมองเหล่าขุนศึกที่ออกรบร่วมเป็นร่วมตายกันมา ก่อนจะหลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด เมื่อความรุ่งโรจน์ผ่านพ้นไป ความตกตะลึงและความสิ้นหวังคอยกดดันจนเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
แววตาของเยี่ยโยวเหยาเย็นชา เขายืนเด่นเป็นสง่าโดยไม่พูดอันใด
‘ตุบ! ’ ทุกคนต่างโขกศีรษะกับพื้นอย่างแรง…
‘ตุบ’ โขกศีรษะกับพื้นอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยายังคงไม่พูดอันใด ดวงตาดำขลับหรี่ลงอีกครั้ง รัศมีเย็นชารอบตัวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ท่านแม่ทัพ ท่านพูดออกมาบ้างสิ! ” ทันใดนั้น ขุนพลนายหนึ่งก็พูดกับหลานเสวียนหมิง
“ใช่ ท่านแม่ทัพ! เพื่อการใหญ่ของท่านอ๋อง สกุลหลานสามารถละทิ้งได้ทุกสิ่ง เผ่าวิหคหลั่งเลือดพลีกายเพื่อภารกิจใหญ่ของชาติบ้านเมือง พี่น้องเราร่วมต่อสู้อยู่ในสนามรบ แม้จะเหลือเพียงกระดูกก็ยอมสละให้อย่างไม่คิดเสียดาย ทว่าจะจบสิ้นเพราะเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
“ท่านแม่ทัพ หากท่านต้องมีจุดจบเช่นนี้ ท่านยอมหรือ? บรรพชนเผ่าวิหคของเราจะยอมหรือ?”
ไม่ยอม!
ไม่มีทางยอมแน่นอน!
หลานเสวียนหมิงเกิดมาเพื่อภารกิจใหญ่ของชาติบ้านเมือง เกิดมาเพื่อจับกระบี่ต่อสู้ในสนามรบ เกิดมาเพื่อปกป้องคนผู้นั้นในเวลาที่ชาติบ้านเมืองไม่สงบ เพื่อผลิกฟื้นให้คนผู้นั้น จะ… จะตายนอกสนามรบได้อย่างไร
หลานเสวียนหมิงลืมตาขึ้น ‘ตุบ’ ก่อนจะโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างแรงจนหลั่งเลือด
“ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องได้โปรดเห็นแก่ความจงรักภักดีของเผ่าวิหคหลายชั่วอายุคนที่มีต่อชาติบ้านเมือง เห็นแก่ความเสียสละมากมายของเผ่าวิหคต่อเชื้อพระวงศ์ในแว่นแคว้น และเห็นแก่การวางแผนกว่าครึ่งชีวิตของกระหม่อมเพื่อชาติบ้านเมือง โปรดให้โอกาสกระหม่อมได้ทำคุณไถ่โทษสักครั้ง ได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมชั่วคราว รอให้การใหญ่สำเร็จ กระหม่อมจะมารับการลงทัณฑ์ด้วยตนเอง กระหม่อมจะมอบศีรษะของตนเองแทบเท้าท่าน”
‘ตุบ’ หลานเสวียนหมิงโขกศีรษะอีกครั้ง แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของเขา
ขณะนั้น ดวงตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เยี่ยโยวเหยาด้วยความคาดหวัง เฝ้ารอคำพิพากษาจากเขา
ดวงตาดำขลับของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชาและสงบนิ่ง ทำให้ผู้คนมองความคิดของเขาไม่ออก
ครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาจึงพูดขึ้นว่า “หลานเสวียนหมิง เจ้ากำลังใช้ความทุ่มเทและผลงานของเผ่าวิหคที่มีต่อแว่นแคว้นมาข่มขู่ข้าหรือ?”