ทุกคนต่างตกตะลึง ดวงตาของหลานเสวียนหมิงปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย เขารีบค้อมกายลงพูดว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่กล้า กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านอ๋องโปรดตรึกตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็มองไปที่ซูจิ่นซีและพูดว่า “ในเมื่อหลานเสวียนหมิงเดิมพันกับพระชายาที่รัก จากการเดิมพันก่อนหน้านี้ หลานเสวียนหมิงพ่ายแพ้ให้กับพระชายา มิสู้ให้พระชายาที่รักเป็นผู้ตัดสินว่าควรจัดการอย่างไร? ”
เยี่ยโยวเหยาหมายความว่าอย่างไร?
ซูจิ่นซียืนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รีบตอบตกลง
หลานเสวียนหมิงและเหล่าขุนศึกสกุลหลานต่างประหลาดใจเล็กน้อย ท่านอ๋องใช้วิธีนี้เพื่อบอกพวกเขาว่า แม้ผลงานและความทุ่มเทของสกุลหลานจะยิ่งใหญ่เพียงไร ทว่าเขาไม่มีทางยอมให้อำนาจของสกุลหลานอยู่เหนืออำนาจของผู้ปกครองแว่นแคว้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังบอกพวกเขาว่า ซูจิ่นซี สตรีในใจของเขานางนี้ มีความสำคัญต่างจากผู้อื่นยิ่งนัก
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอย่างรอบคอบครู่หนึ่ง การแสดงออกบนใบหน้าไม่สามารถบอกความคิดภายในใจของนางได้ “การเดิมพันครั้งนี้ของหม่อมฉันกับแม่ทัพหลาน เดิมทีเชิญท่านอ๋องมาเป็นสักขีพยาน แม้แม่ทัพหลานจะพ่ายแพ้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้โปรดตัดสินอย่างยุติธรรมที่สุด อย่าได้เข้าข้างพวกพ้องเพคะ! ”
คิดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะโยนเผือกร้อนกลับไปให้เยี่ยโยวเหยา
แววตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาหรี่มองซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้มองเขา นางหันหน้าไปทางอื่นราวกับไม่ได้ตั้งใจ
“องครักษ์! ลากตัวหลานเสวียนหมิงไปประหาร! ”
ประหาร?
ประหารหลานเสวียนหมิงหรือ?
หลานเสวียนหมิงกับเหล่าขุนศึกสกุลหลานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างตกตะลึง
“ท่านอ๋อง ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! แม่ทัพใหญ่จงรักภักดีต่อท่านอ๋องมาค่อนชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าวิหคยังจงรักภักดีต่อท่าน เหตุใดท่านอ๋องจึงสังหารท่านแม่ทัพใหญ่เพียงเพราะคำพูดล้อเล่นประโยคเดียวของสตรีผู้หนึ่ง? ”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง! หากเป็นเพราะคำพูดประโยคเดียวของพระชายา จึงทำให้ท่านอ๋องรับสั่งประหารท่านแม่ทัพใหญ่ เช่นนั้นความเคารพยำเกรงของท่านอ๋องในกองทัพเผ่าวิหคอยู่ที่ใด? ”
“ท่านอ๋อง หากเป็นเพราะคำพูดประโยคเดียวของพระชายา จึงทำให้พระองค์รับสั่งประหารท่านแม่ทัพใหญ่ กระหม่อมกับคนอื่นๆ ไม่มีทางยอมรับ! ”
“ใช่ ไม่ยอมรับ! ”
“ไม่ยอมรับ! ”
……
ทุกคนต่างพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ดวงตาเยี่ยโยวเหยาทวีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น เขากวาดสายตามองทุกคน “หืม? ความหมายของพวกเจ้าคือ… ขุนศึกเผ่าวิหครู้จักเพียงแม่ทัพใหญ่หลาน ทว่าไม่รู้จักข้าใช่หรือไม่? หากไม่มีหลานเสวียนหมิงแล้ว กองทัพทั้งสามของเผ่าวิหคจะไม่ฟังคำสั่งของข้าแล้วใช่หรือไม่? ”
ทุกคนต่างเงียบสนิท
หลานเสวียนหมิงพลันใบหน้าซีดขาว พูดว่า “ท่านอ๋อง พวกเขา… พวกเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้นแน่นอน เผ่าวิหคมีความภักดีต่อชาติบ้านเมืองอย่างไม่มีข้อสงสัยกระหม่อม หลานเสวียนหมิงร่วมเป็นร่วมตายกับท่านอ๋อง ยิ่งไม่มีข้อเรียกร้อง ผู้ที่ถือขนนกศักดิ์สิทธิ์ย่อมครอบครองเผ่าวิหค ท่านอ๋อง เวลานี้ขนนกศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของท่าน กระหม่อมไม่กล้าควบคุมกองทหารอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ”
ในที่สุดซูจิ่นซีก็เข้าใจแล้วว่า เยี่ยโยวเหยาใช้โอกาสนี้เพื่อปรามสกุลหลาน ปรามเผ่าวิหค!
ทว่าเหตุใดจึงดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย? ทั้งยังเลือกช่วงเวลานี้อีก
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็รู้สึกเหมือนตกหลุมพรางเยี่ยโยวเหยา
แม้หลานเสวียนหมิงจะพยายามแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของตนเอง ทว่าเหล่าขุนศึกสกุลหลานกลับไม่พูดอันใด
เยี่ยโยวเหยาแสดงสีหน้าเย็นชา รอให้พวกเขาเอ่ยปาก
“หืม? ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว กวาดสายตาเย็นชามองทุกคน
“ท่านอ๋อง! ” หนึ่งในนั้นรีบทำความเคารพเยี่ยโยวเหยา แล้วพูดว่า “กระหม่อมกับคนอื่นๆ สาบานว่าจะติดตามแม่ทัพใหญ่และภักดีต่อท่านอ๋อง ความภักดีต่อท่านอ๋องย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าพวกเราไม่อาจละทิ้งมิตรภาพของท่านแม่ทัพใหญ่ได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมและคนอื่นๆ จะปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพใหญ่เท่านั้น และสาบานจะติดตามท่านอ๋องไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“ใช่ กระหม่อมและคนอื่นๆ จะปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพใหญ่เท่านั้น และสาบานจะติดตามท่านอ๋องไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“กระหม่อมและคนอื่นๆ จะปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพใหญ่เท่านั้น และสาบานจะติดตามท่านอ๋องไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
……
“ดี! ปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพใหญ่เท่านั้น หลานเสวียนหมิง! ”
แม้ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยายังคงเย็นชา น้ำเสียงยังคงเยือกเย็นน่าเกรงขาม ทว่าไม่ทราบเพราะเหตุใด จึงทำให้ทุกคนเงียบเสียงลง พากันหุบปากและก้มศีรษะโดยไม่กล้าพูดอันใดอีก
เพราะทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความเดือดดาลอย่างรุนแรงในน้ำเสียงเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางผู้คนยังมีคนที่ตาไร้แวว ผู้ที่ตกใจจนมองไม่เห็นอารมณ์เดือดดาลสุดขีดของเยี่ยโยวเหยา
“ในเมื่อท่านอ๋องทำเพื่อสตรีนางนี้ จนตัดสินใจสังหารท่านแม่ทัพใหญ่ เช่นนั้นกระหม่อมจะสังหารสตรีนางนี้เสีย แม้ท่านอ๋องจะสังหารกระหม่อม กระหม่อมก็เต็มใจ”
เสียงตะโกนของนายทหารผู้หนึ่งดังขึ้น จากนั้นจึงชักกระบี่ออกมาจากเอว หันไปแทงซูจิ่นซี
แม้แววตาของซูจิ่นซีจะปรากฏความตกตะลึง ทว่านางไม่แสดงความตกใจและหวาดกลัวแม้แต่น้อย แทบจะในเวลาเดียวกันที่ปลายกระบี่ของคนผู้นั้นแทงเข้ามา จู่ๆ ซูจิ่นซีก็พลิกข้อมือ และสาดผงพิษออกไปหนึ่งกำมือ
และในเวลาเดียวกันนั้น ร่างในชุดสีดำพลันโบกสะบัด เยี่ยโยวเหยาพุ่งออกไปด้านหน้าคนผู้นั้นดุจสายลม มือที่คมกริบราวกับกระบี่ซัดไปที่มือของคนผู้นั้น จนเกิดเสียงกระดูกหักดัง ‘กร๊อบ’
ข้อมือของคนผู้นั้นถูกเยี่ยโยวเหยาบีบจนขาดออกจากกัน
“บั่นคอมันเสีย! ”
เยี่ยโยวเหยากระชากเสียงเย็นชา เมื่อสิ้นเสียง องครักษ์เงาในชุดดำหลายคนก็เหาะลงมาราวกับผีเสื้อ มายืนอยู่ด้านหน้าของคนผู้นั้น คนผู้นั้นยังไม่ทันได้สติจากความตกตะลึงและความเจ็บปวดของข้อมือที่แตกหัก ศีรษะของเขาก็ถูกกระบี่คมกริบขององครักษ์เงาบั่นคออย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเป็นขุนศึกที่ออกรบในสนามรบมานานหลายปี ทว่ายังอดหวาดกลัวไม่ได้
โยวอ๋องยังคงเป็นโยวอ๋อง เยือกเย็นสูงส่งน่าเกรงขาม ไม่อาจล่วงเกิน
นายท่านยังคงเป็นนายท่าน ใต้บุตรแห่งสวรรค์ ทว่าอยู่เหนือผู้คนนับหมื่น นายท่านไม่ยอมให้ผู้ใดทรยศ
หลานเสวียนหมิงตกใจเป็นอย่างมาก เขาพอเข้าใจถึงเจตนาของโยวอ๋องในวันนี้แล้ว
แม้เขาจะมีความจงรักภักดี สกุลหลานมีความจงรักภักดี ทว่าเขาเป็นผู้บังคับบัญชา ยังมีเรื่องราวอีกมากที่ไม่อาจควบคุมได้
เขามีความจงรักภักดีไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่แน่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะเป็นเหมือนเขา เขาไม่มีทางหักหลังนายท่านแน่นอน แต่ไม่แน่ว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจะเป็นเหมือนกัน
หลังจากครุ่นคิดจนเข้าใจแล้ว แววตาของหลานเสวียนหมิงพลันเปล่งประกายแจ่มแจ้ง เขาหันไปทางเยี่ยโยวเหยาและค่อยๆ คุกเข่าลง
“ท่านอ๋อง เรื่องของภรรยาและบุตรสาว เป็นกระหม่อมที่ดูแลไม่ดี ดูแลครอบครัวอย่างหละหลวม ไม่ว่าผลการไต่สวนของวิหารวิญญาณจะเช่นไร ท่านอ๋องได้โปรดจัดการตามกฎโดยไม่ละเว้น ส่วนการเดิมพันของกระหม่อมกับพระชายา เป็นกระหม่อมเองที่พ่ายแพ้ กระหม่อม… กระหม่อมยินดีทำตามข้อตกลง ทว่าการใหญ่ของท่านอ๋องยังไม่สำเร็จ กระหม่อมยังไม่อาจตายได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
หลานเสวียนหมิงพูดพลางหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากเอว ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึก’ เขาตัดนิ้วก้อยมือซ้ายของตน
กระดูกสีขาวปรากฏให้เห็นเด่นชัด เลือดไหลนองไปทั่วพื้น
นอกจากเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีแล้ว ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้างทันที
“พระชายา กระหม่อมขอใช้สิ่งนี้เป็นหลักประกัน ทั้งเป็นการตักเตือนว่าหลานเสวียนหมิงติดค้างพระชายาหนึ่งชีวิต หากวันใดที่ท่านอ๋องทำการใหญ่สำเร็จ กระหม่อมจะขอถอดเสื้อเกราะและกระบี่ ยืนต่อหน้าพระชายาและมอบชีวิตให้ท่าน”
“ท่านแม่ทัพใหญ่… ”
ใบหน้าของเหล่าขุนศึกสกุลหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังหลานเสวียนหมิงต่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด พวกเขาต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร
“หุบปาก! ” หลานเสวียนหมิงกระชากเสียงเย็นชา “ท่านอ๋องเป็นผู้ปกครองสกุลหลานและเผ่าวิหค หากไม่มีท่านอ๋อง ก็ไม่มีชาติบ้านเมือง เช่นนั้นเผ่าวิหคและสกุลหลานจะยังมีที่ยืนอยู่หรือ? จากนี้ไป หากผู้ใดยังกล้าเอ่ยวาจาไร้คุณธรรม คนผู้นั้นถือเป็นผู้ทรยศ”
ทุกคนต่างก้มศีรษะ ปิดปากสนิท