บทที่ 299 ท่านประธานนายหญิงไม่เชื่อฟังอีกแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 299 ท่านประธานนายหญิงไม่เชื่อฟังอีกแล้ว
“ใช่หิรัญชากรุ๊ปของเราสามารถเปลี่ยนแพ้เป็นชนะได้แถมยังสามารถเอาเงินพันล้านกลับมาได้แต่ทำไมแสนรักไม่ยอมให้บริษัททำเขามีจุดประสงค์อะไร”

ในสวนอันเงียบสงบในตอนบ่ายมีคนสองสามคนนั่งอยู่ที่งานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆซึ่งทุกคนต่างอยู่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท

อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นบางส่วนก็มีหุ้นไม่มากนักซึ่งนั่นคือเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นชื่อชาลีที่ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

“อย่าพูดไร้สาระคุณแสนรักต้องมีเหตุผลของเขาในการทำเช่นนี้”

เขากำลังดุคนเหล่านี้และบอกพวกเขาว่าอย่าพูดไร้สาระ

ส่งผลให้กลุ่มคนที่ได้ยินเริ่มไม่พอใจมากขึ้น”มีเหตุผลอะไรประธานฮาลีอย่าลืมเขาเป็น…ถ้าที่นี่มีปัญหาใครจะไปรู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง”

ทันใดนั้นก็มีคนชี้ไปที่สมองของตัวเองแสดงให้เห็นว่าเขาคนนั้นตรงนี้มีปัญหา

เมื่อผู้ถือหุ้นที่ชื่อฮาลีได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าของเขาก็มืดมนขึ้นทันที”ระวังคำพูดหน่อย!คำพูดแบบนี้พูดพร่อยๆได้ที่ไหนมันเป็นแค่ข่าวลือทางอินเทอร์เน็ตอย่าเผยแพร่ผิดๆ!”

เขาโกรธมากและขอให้คนเหล่านี้หยุดพูดเรื่องไร้สาระซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ในความเป็นจริงการที่คนพวกนี้กล้าพูดถึงเขาแบบนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าบางอย่างได้รับการยอมรับจากเขาโดยปริยายแล้ว

การจะเลื่อยขาเก้าอี้แสนรักเป็นไปได้ยาก

แต่ถ้าเขาจะงัดเขาจากทางอื่นล่ะมีที่ว่างสำหรับเขาที่จะต่อต้านหรือไม่

หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาสิ้นสุดลงผู้ถือหุ้นที่ชื่อฮาลีก็กลับมาที่ห้องสมุด

เลขาก็มากับเขาด้วยเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า”คุณท่านครับเราขับไล่แสนรักออกจากอำนาจแล้วผู้ปกครองคนใหม่ของตระกูลหิรัญชากรุ๊ปจะให้ทุกสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรือไม่”

“แน่นอนเว้นแต่เขาจะไม่ต้องการรับช่วงต่อหิรัญชากรุ๊ป!”

เขายิ้มอย่างมั่นใจแล้วเขาก็ออกไปตีกอล์ฟอย่างอารมณ์ดี…

……

เมืองMวอลล์สตรีท

เส้นหมี่เพิ่งสั่งซื้อสินค้าในอนาคตหมดไปหลายแสนเสร็จสิ้นในวันนั้น

นอกจากนี้ยังใช้เวลาครึ่งปีในการซื้อขาย

ถ้าเป็นอย่างนี้เธอจะทำเงินได้ยังไง

เส้นหมี่กลับไปบ้านเพื่อนอย่างพี่คณาธิปและรู้สึกหดหู่อยู่หลายวัน

ปอร์เช่ช่วงนี้เงียบมากเขาไม่ได้มารบกวนเธอและไม่ถามถึงเรื่องของเธอจนกระทั่งสองวันต่อมาเขาเห็นว่าเส้นหมี่ยังไม่มีความตั้งใจที่จะจากที่นี่ดังนั้นเขาจึงเข้ามา

“พี่สาวเราย้ายออกไปก่อนดีไหม”

“เอ๋”เส้นหมี่กำลังหงุดหงิดอยู่เมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้เธอก็ถามโดยไม่รู้ตัวว่า”ย้ายออกย้ายไปที่ไหน”

ปอร์เช่อธิบายด้วยความเคารพ”พี่คณาธิปไม่ได้อยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้วเราอยู่ที่นี่ก็ไม่สะดวกแถมไม่ใช่กลับไปทันทีเสียหน่อยเราอาจจะหาอพาร์ทเมนต์เช่าก็ได้”

“อ๋อใช่ๆฉันลืมไปว่าถ้านายไม่พูดงั้นโอเคนายไปหาก่อนแล้วกัน”

“ครับ”

ปอร์เช่หันหลังกลับไป

เส้นหมี่กำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆจึงไม่สนใจอะไรจนกระทั่งครู่ต่อมาเธอก็จำได้ว่าน้องชายคนนี้ไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้และเขาก็ไม่เข้าใจภาษาด้วย

เธอสมองมีปัญหาหรือเปล่าถึงได้บอกให้เขาไปหาบ้าน

แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือในเกือบชั่วโมงต่อมาเด็กชายก็กลับมาบอกกับเธอว่าหาบ้านได้แล้ว

จริงหรือหลอก

เส้นหมี่มองเขาด้วยความประหลาดใจและเปิดปากถามว่า”นายหาได้ยังไงพูดกับเขาไม่รู้เรื่องไม่ใช่หรอ”

“เอ่อ”เด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าหน้าซีดเล็กน้อย”ผมแค่…พูดไม่ค่อยเก่งแต่อ่านและสื่อสารด้วยปากกาได้”

อย่างนี้นี่เอง

เส้นหมี่ขจัดความสงสัยของตัวเองแล้วย้ายออกไปกับเขา

ในตอนกลางคืนเมื่อพี่คณาธิปได้ยินข่าวเขาโทรก็มาและถามเส้นหมี่ว่าย้ายออกไปทำไมบอกว่าเขาเพียงกลับไปที่เคลียร์เพื่อจัดการกับบางสิ่งและจะกลับมาในไม่ช้า

เส้นหมี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจึงได้แต่หาข้อแก้ตัว

“ฉันหาที่อยู่ใกล้ๆกับวอลล์สตรีทตอนนี้ต้องตามคุณอีริคแบบนี้จะสะดวกกว่า”

“อย่างนี้นี่เองโอเคแต่ผมได้ยินมาว่าเขาไม่ได้ให้อะไรกับคุณมากในการทำโครงการเอฟพีเจแปนในครั้งนี้ใช่มั้ยให้คุณทำแค่เรื่องสินค้าในอนาคต”

จู่ๆเขาก็ถามเรื่องนี้ทางโทรศัพท์

เส้นหมี่กำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้และเมื่อเขาได้ยินเขาถามน้ำเสียงของเธอก็ขมขื่นทันที”ใช่เขาอาจจะยังไม่เชื่อฉันบวกกับสิ่งที่ฉันพูดครั้งล่าสุดเขาอาจจะระวังตัวอยู่”

“คุณบอกว่าคุณต้องการที่จะหาเงินเป็นประจำใช่ไหม”

“ใช่ไม่กี่คนที่เราไปด้วยโครงการที่พวกเขาได้รับคือโครงการจัดหาเงินทุนที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ทำเงินได้นับล้าน”เส้นหมี่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เรื่องการเงินเงินมาค่อนข้างเร็ว

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์พี่คณาธิปมองดูข้อมูลเกี่ยวกับเอฟพีเจแปนในมือของเขาด้วยดวงตากระตุกเล็กน้อย”หรือคุณจะไปหาผู้รับผิดชอบเอฟพีเจแปนโดยตรงก็ได้นะ”

“คุณพูดอะไรไปหาเขาโดยตรง”

“ใช่เส้นทางอีริคเป็นคนช่วยเชื่อมให้แต่ถ้าคุณหาเงินได้และแบ่งให้เขาเขาจะไม่ปฏิเสธว่าไหม”

ความหมายก็คือปล่อยให้เส้นหมี่ตัดหน้าอีริคและทำธุรกิจกับเอฟพีเจแปนเพียงอย่างเดียว

หัวใจของเส้นหมี่กระตุก

โชคดีที่ตอนนั้นปอร์เช่เข้ามาพร้อมกับน้ำน้ำตาลต้มหนึ่งชามเส้นหมี่วางสายและเมื่อเห็นเขาจึงถามอย่างไม่เป็นทางการว่า”ปอร์เช่พี่คณาธิปบอกว่าให้เราไปทำธุรกิจที่เอฟพีเจแปนกันเองนายคิดว่าไง”

“อะไรนะไม่ดีมั้ง”

ปอร์เช่ไม่เห็นด้วยทันที