ปลาบปลื้มยินดี

[ระบบ : เจ้าหญิงน้อยผู้น่ารักของข้า ยินดีต้อนรับกลับบ้าน]

 

 

เมื่อได้ยินฉายาที่ 008 เรียกเธออย่างร่าเริงเบิกบาน ถังซีก็พูดไม่ออก เธอนั่งลงบนโถส้วมคุยกับ 008 ‘ศูนย์ ศูนย์ แปด คุณใจร้ายมากเลยนะ ทำไมไม่บอกให้ฉันรู้วิธีกลับมา ตอนที่ฉันแทบทนอยู่ที่ลองบีชไม่ไหวแล้ว คุณไม่เห็นหรือว่าฉันกลุ้มใจมากแค่ไหน แล้วฉันก็อยู่ในอาการโคม่าตั้งหลายวัน’

 

 

[ระบบ : ท่านจะโทษข้าอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าเตือนท่านแล้วว่าไม่ให้เปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์พร้อมกันทั้งหมด แต่ท่านไม่ฟัง โชคดีมากนะเจ้าหญิงน้อย ที่ท่านนอนหลับไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ หากนานไปกว่านี้อีกแค่นาทีหรือสองนาที ท่านอาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้ และจะลงเอยด้วยการกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน…]

 

 

ถังซีเม้มริมฝีปาก “แต่จะให้ฉันนั่งมองพี่ชายฉันตายไปเฉยๆ อย่างนั้นไม่ได้หรอก!”

 

 

008 โกรธมาก

 

 

[ระบบ : ทำไมท่านไม่เปิดใช้งานเฉพาะทักษะที่ต้องการ! เมื่อท่านเปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์ทั้งหมด แม้จะใช้เพียงสองทักษะ ทักษะอื่นๆ ก็จะดูดพลังงานของโฮสต์ไปด้วยตราบเท่าที่ยังเปิดใช้งานอยู่ แล้วท่านรู้ไหมว่าทำไมท่านถึงกลับไปที่มหาสมุทรแปซิฟิก แทนที่จะอยู่ในสถานที่ที่วิญญาณท่านออกจากร่าง]

 

 

ถังซีส่ายศีรษะตอบว่า “ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้”

 

 

และเธอก็บ่นในใจว่า ‘ถ้ารู้ฉันจะถามคุณทำไมเล่า’

 

 

008 รู้สึกขุ่นเคืองเมื่อได้ยินเธออุทธรณ์ในใจ

 

 

[ระบบ : เพราะในสถานที่ที่ท่านตายเท่านั้น ที่จะสามารถซ่อมแซมจิตวิญญาณของท่านได้ ท่านไม่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ หรืออ่อนเพลียเลยใช่ไหม ตอนอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก]

 

 

ถังซีพยักหน้าตามทันที ไม่น่าแปลกใจที่เธอรู้สึกเหนื่อยอ่อนในเวลานั้น และวิญญาณของเธอก็โปร่งใส อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ที่ลองบีชสภาวะโดยรวมของเธอดีขึ้น แม้ร่างกายจะยังอ่อนแอก็ตาม

 

 

008 นิ่งเงียบ

 

 

ถังซียิ้มแล้วกล่าวว่า “เพราะฉะนั้นคะแนนประสบการณ์ของฉันก็ไม่ลดลง ใช่ไหม”

 

 

[ระบบ : เจ้าหญิงน้อยที่น่ารักของข้า ท่านต้องการตรวจสอบคะแนนประสบการณ์ของท่านใช่ไหม]

 

 

ถังซีไม่ชอบวิธีการพูดแบบนี้เลยจริงๆ แต่เมื่อรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจ 008 ได้ เธอจึงยื่นมือออกมาแตะที่คำว่า ‘ใช่’

 

 

[คะแนนประสบการณ์ของโฮสต์ :

 

 

คะแนนประสบการณ์ : 187/800

 

 

คะแนนการต่อสู้ : 2/100

 

 

คะแนนกายภาพ : 10/100

 

 

คะแนนหน้าตา : 50/100

 

 

คะแนนรูปร่าง : 15/100

 

 

คะแนนเสน่ห์ : 40/100

 

 

คะแนนการแก้แค้น : 20/100

 

 

คะแนนความร่ำรวย : 10/100

 

 

คะแนนการสั่งสอน : 40/100]

 

 

ถังซีมองดูคะแนนประสบการณ์ หางตาเธอหรี่ลง และเธออดถามไม่ได้ “ทำไมคะแนนเสน่ห์ถึงเพิ่มขึ้นสิบคะแนน ในขณะที่คะแนนกายภาพลดลงห้าคะแนน!”

 

 

[ระบบเหน็บแนม : ก็เจ้าหญิงเพิ่งตื่นจากการอยู่ในอาการโคม่ามานานหนึ่งสัปดาห์ ท่านควรดีใจด้วยซ้ำที่ยังสามารถลุกขึ้นจากเตียงและเดินได้ ยังจะคาดหวังให้คะแนนกายภาพเพิ่มขึ้นอีกหรือ! สำหรับคะแนนเสน่ห์นั้น เพิ่มขึ้นเพราะพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของท่านเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อท่าน…]

 

 

ถังซีอึ้งไป วิธีการของระบบเป็นแบบนี้นี่เอง… แล้วถ้าพี่ชายแท้ๆ ของเธอมาปฏิบัติดีๆ ต่อเธออีกนิด คะแนนเสน่ห์จะเพิ่มขึ้นอีกห้าคะแนนไหมนะ

 

 

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น และเสียงหลินหรูดังผ่านเข้ามา “โหรวโหรว หนูอยู่ข้างในมาพักหนึ่งแล้วนะจ๊ะ นอนหลับหรือเปล่า แม่ขอเข้าไปได้ไหม”

 

 

ถังซีเอื้อมมือไปกดชักโครกอย่างรวดเร็ว ขณะร้องบอกออกไป “เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ ไม่ได้หลับ เดี๋ยวล้างหน้าเสร็จจะออกไปนะคะ”

 

 

เมื่อถังซีออกมานั้นหยางจิ้งเสียนมาถึงแล้ว เธอรีบเข้าไปกอดถังซีแน่น น้ำตาไหลพรากขณะกล่าวว่า “ลูกรักของแม่ ในที่สุดหนูก็ฟื้น แม่เป็นห่วงหนูมากรู้ไหม”

 

 

ถังซียิ้ม ตบหลังหยางจิ้งเสียนเบาๆ “หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะคุณแม่ หนูสบายดีแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ”

 

 

เซียวหงลี่ก็มาแล้วเช่นกัน เขาเดินเข้าไปกอดถังซี และกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “ในที่สุดลูกก็ฟื้น ดูสิ ผมพ่อหงอกไปหมดทั้งหัวแล้วเพราะเป็นห่วงลูก”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นหนูจะซื้อวอลนัทให้คุณพ่อทานนะคะ” ถังซีตอบอย่างน่ารัก

 

 

เซียวหงลี่หัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข “แล้วหนูต้องปอกเปลือกให้พ่อด้วยนะ”

 

 

ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม บอกว่า “ตกลงค่ะ”

 

 

เมื่อหลินหรูมองดูครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุข ร่องรอยความโศกเศร้าก็แวบผ่านดวงตาเธอ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เซียวโหรวน่าจะเป็นเธอกับเซียวหงอี้ แต่เพราะความผิดพลาดที่พวกเธอทำลงไป เธอจึงได้แต่นั่งมองภาพอันอบอุ่นเช่นนี้เท่านั้น แต่ไม่สามารถเข้าไปร่วมได้…

 

 

เมื่อเหลือบตามองเห็นสีหน้าหลินหรู ถังซีก็กะพริบตาปริบๆ ขณะจับมือหยางจิ้งเสียนแล้วถามว่า “คุณแม่คะ ทำอะไรมาให้หนูทานคะ”

 

 

“ซุปไก่จ้ะ แต่อย่าเพิ่งทานมากเกินไปนะจ๊ะ หนูเพิ่งฟื้น ท้องหนูอาจยังรับอะไรเยอะๆ ไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะกลับไปต้มโจ๊กให้หนูอีกที”

 

 

ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นั่งลงบนโซฟาและเริ่มทานซุป เมื่อเธอทานซุปไปได้สองสามคำ หลินหรูก็ส่งแอปเปิลที่เธอปอกเปลือกเสร็จแล้วให้ถังซี “หนูยังทานอาหารที่มีไขมันมากไม่ได้ ทานแอปเปิลก่อนนะจ๊ะ”

 

 

ถังซีกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มและรับมา หลังจากทานซุปเสร็จเธอก็เริ่มทานแอปเปิล เซียวหงลี่บอกว่าเขาต้องไปก่อน เพราะมีงานเร่งด่วนต้องไปจัดการ ถังซีจึงเดินไปส่งเขาที่ประตู

 

 

ขณะอยู่บนทางเดินจู่ๆ เซียวหงลี่ก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองถังซี เขายิ้มและกล่าวอย่างจริงจัง “ขอบคุณมากนะโหรวโหรว ขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกชายพ่อไว้ หนูไม่ใช่แค่ลูกสาวของพ่อ แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเราอีกด้วย”

 

 

ถังซีชะงัก กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ หนูควรขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากกว่าที่ยอมรับหนูเป็นลูกสาว ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่รับหนูเข้ามาอยู่ในครอบครัว หนูก็ไม่สามารถช่วยพี่เหยาได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมีเหตุผลในตัวเองค่ะ”

 

 

เซียวหงลี่ยิ้ม เดินกลับไปโอบกอดถังซีแน่น “ไม่ว่าลูกจะเป็นใคร ลูกคือลูกสาวของพ่อเสมอ พ่อจะไม่ยอมให้ใครมารังแกหนูได้”

 

 

ถังซีกอดตอบเขาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่นขณะกล่าวว่า “หนูรู้ค่ะ คุณพ่อ!”

 

 

เธอรู้ว่าเซียวหงลี่หมายถึงอะไร เขากำลังบอกเธอว่า ไม่ว่าเธอจะเป็นลูกสาวที่แท้จริงของเขาหรือไม่ก็ตาม เขาคิดว่าเธอคือลูกสาวของเขา และจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ

 

 

แล้วขณะกำลังอยู่ในช่วงเวลาอันแสนซาบซึ้ง ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงเซียวจิ่งและเซียวส่า ตะโกนลั่น “คุณพ่อคุณแม่ ทำอย่างนี้ได้ยังไงครับ! ทำไมไม่มีใครบอกเราเลยว่าโหรวโหรวฟื้นแล้ว! เราไม่รู้เลยจนกระทั่งไปถึงบริษัท! เราควรเป็นคนแรกที่มาหาโหรวโหรว!”

 

 

เซียวหงลี่ปล่อยถังซี เธอก็ปล่อยแขนเขา หันไปมองพี่ชายทั้งสอง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ส่า พี่จิ่ง ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอพี่ๆ อีก ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอพี่ๆ ซะแล้ว”

 

 

เซียวส่ารีบวิ่งเข้ามาดึงตัวถังซีเข้าไปในอ้อมแขนและดุเธอ “นี่สาวน้อยตัวแสบ เธอรู้ไหมว่าเธอทำให้พี่กลัวมากแค่ไหน พี่กลัวแทบตาย! ถ้าทำแบบนี้อีกพี่จะตีเธอแน่นอน!”

 

 

เซียวจิ่งเข้ามาดึงเซียวส่าออกไป คว้ามือถังซีแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด กล่าวว่า “โหรวโหรว เธอรู้ไหมว่าพี่คิดถึงเธอมากแค่ไหน รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน จับหัวใจพี่ดูสิ หัวใจที่เต้นอยู่ในอกพี่นี่เป็นของปลอมนะ! หัวใจจริงๆ น่ะพี่ทำหายไปแล้ว เพราะเป็นห่วงเธอเหลือเกิน!”

 

 

เซียวหงลี่หลิ่วตาให้ลูกสาว และออกไปทำงานโดยไม่สนใจลูกชายทั้งสองที่กำลังมีอาการป่วยทางจิต