หลังจากเซียวหงลี่ออกไปไม่นาน เซียวหงอี้กับเซียวเจี่ยนก็มา ถังซีทักทายคนทั้งสอง เซียวเจี่ยนมีงานต้องไปทำ เขาจึงรีบออกไปหลังจากถามถึงสุขภาพของเธอ เซียวหงอี้ไม่รู้จะพูดอะไรกับถังซี หลังจากนั่งเฉยๆ อยู่ในห้องคนไข้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เขาก็บอกให้ถังซีพักผ่อนให้เต็มที่ และบอกว่าเขาต้องไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในเครือบริษัทของเขา แล้วก็กลับไป
เซียวจิ่งกับเซียวส่ามองหน้าถังซี พร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุขขณะกล่าวว่า “เยี่ยมไปเลย”
ถังซีถามพร้อมหัวเราะเบาๆ “อะไรเยี่ยมเหรอ”
“เยี่ยมมากที่เธอฟื้นขึ้นมา” เซียวส่าส่งส้มให้ถังซี “เธอไม่รู้หรอกว่า กว่าพวกเราจะผ่านพ้นมาได้น่ะเป็นยังไงบ้าง ตอนที่เธอหมดสติพวกเราอารมณ์แย่มาก ยิ้มไม่ออกเลย แต่ตอนนี้เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา พี่รู้สึกเหมือนกับว่าในที่สุดเราก็ได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง”
ถังซียิ้ม พวกเขาได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง แต่เฉียวเหลียงล่ะ ในโลกของเขาถังซีเสียชีวิตไปแล้ว แสงอาทิตย์ของเขาไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เธอต้องหาทางโทรศัพท์หาเฉียวเหลียง บอกให้เขารู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอจะปล่อยให้เขาจมอยู่ในความเศร้าโศกตลอดไปแบบนี้ไม่ได้
“ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาลแล้วล่ะตอนนี้ ฉันฟื้นแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน” เมื่อกลับไปอยู่บ้านเธอก็จะโทรศัพท์หาเฉียวเหลียงได้
เซียวเหยาก็กลับบ้านไปพักฟื้นได้แล้วเช่นกัน แต่ที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลก็เพราะเขาต้องการอยู่เฝ้าดูอาการเซียวโหรว และตอนนี้เธอฟื้นแล้ว เขาจึงอยากออกจากโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน
เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะออกจากโรงพยาบาล เซี่ยวหงลี่และครอบครัวตื่นเต้นมาก ในขณะที่หลินหรูรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอมองดูลูกสาวซึ่งกระตือรือร้นขอกลับบ้านแล้วรู้สึกปวดใจ เธอมาเยี่ยมลูกสาวได้ทุกวันขณะที่ลูกสาวเธออยู่โรงพยาบาล แต่เมื่อกลับไปบ้านเซียวหงลี่แล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปเยี่ยมได้บ่อยๆ เธอจะไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวของเธอทุกวันอีกต่อไปแล้ว!
ขณะมองดูลูกสาวที่ร่างกายยังอ่อนแอ หลินหรูก็รู้สึกเสียใจ ลูกสาวเธอผ่ายผอมและดูเหมือนขาดอาหาร ถ้าไม่ได้กินหรือนอนอย่างเพียงพอร่างกายจะได้รับผลกระทบอย่างมาก เธอจะรู้สึกสบายใจได้อย่างไร ถ้าเธอไม่ได้อยู่กับลูกสาว
สายตาหลินหรูนั้นกระวนกระวายเกินกว่าที่ถังซีจะเพิกเฉยได้ ถังซีจึงก้มหน้าลงทานส้ม เพื่อหลบเลี่ยงสายตาเธอ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของถังซีหลินหรูรู้สึกเศร้ามาก แต่เธอต้องยอมรับความเจ็บปวดจากผลการกระทำของตนเอง ตำหนิใครไม่ได้ เธอโง่มาก ทำให้ลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมานถึงขนาดนั้น ตอนนี้เธอทำได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือโทษตัวเอง
ถังซีเม้มริมฝีปาก แล้วเอ่ยขึ้น “เอ้อ… ขอบคุณนะคะที่มาดูแลฉันทุกวัน ตอนนี้ฉันฟื้นแล้ว ฉันไม่ชินกับการอยู่โรงพยาบาล ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณ…” ถังซีหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “คุณมาเยี่ยมฉันที่บ้านก็ได้นะคะ ถ้าคุณไม่ลำบาก”
หยางจิ้งเสียนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ถังซี กล่าวว่า “ใช่จ้ะ ถ้าคิดถึงโหรวโหรวก็มาเยี่ยมที่บ้านเราได้ ถ้าโหรวโหรวไม่ว่าอะไร พวกเราก็ไม่ว่าอะไรเหมือนกัน เราก็เคยอยู่ด้วยกันที่คฤหาสน์ตระกูลเซียวไม่ใช่หรือ”
เซียวจิ่งกับเซียวส่าเม้มริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไร ในขณะที่เซียวเหยาลูบผมถังซีด้วยความรัก ถังซียิ้มให้เขาแล้วถามว่า “พี่เหยา พี่ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหมือนกันใช่ไหมคะ”
“ใช่ ขอบใจนะโหรวโหรว พี่ฟื้นตัวเร็วมากและออกจากโรงพยาบาลได้แล้วตอนนี้” เซียวเหยาตอบด้วยรอยยิ้มที่หาได้ยากจากเขา
หลินหรูพยักหน้าอย่างหนักแน่น พร้อมกับกล่าวว่า “ตกลงจ้ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปส่งโหรวโหรวกลับบ้านด้วยได้ไหม”
ถังซีมองหน้าหยางจิ้งเสียน ซึ่งกำลังจะถามความเห็นเธอพอดี เมื่อเห็นถังซีมองมา หยางจิ้งเสียนก็ตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ” จากนั้นเธอก็หันไปหาเซียวจิ่งกับเซียวส่าและบอกว่า “ไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้พี่ชายกับน้องสาวของลูกสิจ๊ะ เราจะได้กลับบ้านกัน”
ถังซียิ้ม ในที่สุดเธอก็ได้กลับบ้าน และจะได้โทรหาเฉียวเหลียงแล้ว เธอลองจินตนาการถึงสีหน้าเฉียวเหลียงเมื่อเขารับสาย เขาจะเชื่อเธอไหม ตัวเธอเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะคิดได้ ถึงเรื่องการโทรศัพท์หาเขา เมื่อกลับถึงบ้านถังซีก็รู้สึกว่าเธอได้กลับฟื้นคืนชีวิตแล้วอย่างแท้จริง เธอวิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ทำให้อีกห้าคนเป็นห่วงขึ้นมาทันที โดยเฉพาะหลินหรู เธอคิดว่าลูกสาวอยู่ในอาการโคม่าเพราะตกบันไดเธอจึงกลัวมากว่าเซียวโหรวจะตกลงมาอีก เธอรีบเข้าไปประคองถังซี “โหรวโหรว ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะตกบันไดอีก”
จบคำพูดเธอก็รีบตามถังซีขึ้นบันไดไปชั้นบน และพาถังซีเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นห้องนอนที่ตกแต่งแบบเจ้าหญิงหลินรูก็พูดไม่ออก เธอรู้แล้วว่าทำไมโหรวโหรวจึงรักหยางจิ้งเสียนและครอบครัวของเธอมาก พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเจ้าหญิงน้อย ดูได้จากการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ในห้อง สิ่งเหล่านี้มีไว้สำหรับเจ้าหญิงอย่างแท้จริง มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมในห้อง เธอเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยไม่รู้ตัว เสื้อผ้าแขวนไว้อย่างสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ แบบต่างๆ เก็บเรียบร้อยใส่ไว้ในกล่องใส รองเท้าวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม
ในขณะที่เสื้อผ้าและกางเกงเป็นยี่ห้อธรรมดาทั่วไป แต่รองเท้าเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียง บางส่วนก็เป็นรุ่นผลิตจำกัดทั่วโลก พวกเขารักใคร่เอาใจใส่โหรวโหรวจริงๆ
ถังซีเข้าไปในห้อง และเปิดคอมพิวเตอร์ โดยไม่ทันสังเกตเห็นหลินหรู
หลินรูออกมาจากห้องแต่งตัว เห็นถังซีนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับยิ้มให้ แล้วถามว่า “โหรวโหรว ลูกเป็นคนทำความสะอาดห้องแต่งตัวเองหรือจ๊ะ”
“คุณแม่เป็นคนทำความสะอาด…” ถังซีหยุดชะงักในฉับพลัน เงยหน้าขึ้นมองหลินหรูที่จู่ๆ ก็มาอยู่ในห้องของเธอ เมื่อเห็นหลินหรูหน้าซีดลงทันทีที่ได้ยินคำพูดของเธอ ถังซีก็ค่อยๆ ยิ้มออกมาและกล่าวต่อจนจบ “ฉันต้องไปโรงเรียนและทำการบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ ไม่มีเวลาทำความสะอาด คุณแม่ก็เลย…”
หลินหรูยิ้ม “พวกเขาดีกับลูกมาก”
“ใช่ค่ะ พวกเขาดีกับฉันจริงๆ มีเพียง…สองคนในโลกนี้ที่ดีกว่าพวกเขา” ในขณะที่เธอยังเป็นถังซี คุณปู่ของเธอก็รักเธอมาก หามาให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ ท่านตามใจเธอจนเสียเด็กอย่างแท้จริง หลังจากนั้นเธอก็ได้พบกับเฉียวเหลียง แม้ทั้งสองจะไม่ได้คบกันนานนัก และเฉียวเหลียงไม่ใช่คนโรแมนติค แต่เขาดีกับเธอมาก ทว่าแล้วจากนั้น…
ดวงตาหลินหรูพร่ามัวลงตามคำพูดของถังซี เธอฝืนยิ้มขณะพาถังซีไปนั่งลงที่เตียง และกระซิบถาม “โหรวโหรว ให้โอกาสแม่ทำความสะอาดห้องให้ลูกได้ไหมจ๊ะ”
ถังซีรู้สึกประหลาดใจ ทำไมจู่ๆ หลินหรูถึงขอแบบนี้
แต่คนที่หลินหรูอยากทำให้คือเซียวโหรว เธอควรจะมีความสุขไปกับความรักของแม่ ที่ควรจะเป็นของเซียวโหรวหรือเปล่า
เธอโชคดีที่ได้รับความรักจากเซียวหงลี่และครอบครัว แต่เธอจะรับเอาความรักจากแม่ของเซียวโหรวได้อย่างไร
“เอ้อ ท่านประธานหลินคะ…”
“ลูกยังไม่ยอมเรียกแม่ว่าแม่อีกหรือ” ดวงตาหลินหรูแดงเรื่อขึ้นมา “แม่รู้ว่าเป็นความผิดของพ่อกับแม่ และแม่เกือบจะฆ่าลูก แต่ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าแม่ผิด ลูกจะไม่ให้อภัยแม่เลยหรือ”