ตอนที่ 375 เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 375 เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว

ยี่สิบแปดค่ำเดือนสาม ยามเช้าตรู่

มีหมอกขาวบางปกคลุมทั่วทั้งทะเลสาบจิ้งหู ทำให้คฤหาสน์จิ้งหูนั้นโดนหมอกขาวบางครอบไว้เช่นกัน ทั้งสงบและดูสบายตามากยิ่งนัก

ริมทะเลสาบจิ้งหูนั้นเป็นทางเดินหินทรายสีน้ำเงินรูปวงแหวน ต้นหลิวที่เพิ่งแตกหน่อเขียวขจีพัดเอื่อยตามแรงลม แล้วสัมผัสกับผืนน้ำ ดั่งมือของคนรักที่คอยปลอบประโลม

ฟู่เสี่ยวกวนวิ่งออกกำลังกายในยามเช้าบนทางเดิน ฝีเท้าสง่างาม สีหน้าปกติดั่งเช่นเคย

หลังจากที่ได้สืบสวนกันไปมากับหยูเวิ่นหวิน ต่งชูหลาน และเหล่าศิษย์พี่ศิษย์พี่สำนักเต๋าทั้งเจ็ดแล้ว ทำให้เขาทำใจยอมรับสถานะองค์ชายแห่งราชวงศ์อู๋ได้แล้ว แต่มิใช่เพราะเหตุผลพันร้อยแปดที่พวกเขาเหล่านั้นพยายามโน้มน้าวหรอก เป็นเพราะอุตส่าห์ได้ข้ามเวลามาแล้วคราหนึ่ง และชาติภพนี้ก็มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าชาติก่อนหน้านี้เป็นไหน ๆ

เหตุผลก็มีเพียงเท่านี้

ด้วยเหตุนี้ทำให้เมื่อวานเขามิได้นอนมิหลับแต่อย่างใด เขายังคงนอนหลับสบายเฉกเช่นอย่างทุกคืน

ผู้คนหรือเรื่องราวมากมายคงมิได้แปรเปลี่ยนเพียงเพราะเขามีสถานะที่เปลี่ยนไป

จวนตระกูลฟู่แห่งเมืองหลินเจียงก็ยังคงเป็นบ้านเกิดของเขา ตาอ้วนผู้นั้นก็ยังคงเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขา ซีซานก็ยังคงเป็นที่มั่นแห่งอุดมการณ์ของเขา ต่งซิวผิงก็ยังคงเป็นพ่อตาของเขา และฮองเฮาซั่งก็ยังคงเป็นแม่ยายของเขา

หากจะเอ่ยถึงความเสียดาย ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าคงจะต้องรอให้เวลาผ่านไปอย่างน้อยสองปี ถึงเวลานั้นคาดว่าทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น

เขาอยากไปผิงหลิงเพื่อกำราบเหล่ากองโจร หากกงเซินจ่างมิตายนั้นคงเป็นความเสียดายที่ยิ่งใหญ่

ตามแผนการเดิมที่วางไว้ เขาต้องการไปผิงหลิงเพื่อสังหารกงเซินจ่าง ไปกำราบกองโจรเหล่านั้นให้แตกกระเจิง จากนั้นก็จัดตั้งศูนย์การทดลองงานฝีมือที่ชวูอี้และที่ผิงหลิง เมื่อสามารถเยียวยาปัญหาเรื่องเศรษฐกิจทั้งสองแห่งได้แล้ว เหล่ากองโจรที่โดนตีให้แตกนั้นก็ย่อมลงมาจากเขา หากวิกฤตของทั้งสองที่เริ่มได้รับการแก้ไข เศรษฐกิจก็ย่อมสามารถพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุด

หากศูนย์ทดลองงานฝีมือทั้งสองแห่งนี้ประสบความสำเร็จไปด้วยดี ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์นโยบายการค้าคู่การเกษตรของฮ่องเต้ว่าได้ผลอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นเครื่องสนับสนุนในการผลักดันทฤษฎีกั๋วฟู่ลุ่นได้อีกด้วย

เมื่อนโยบายการเกษตรคู่การค้าได้ถูกผลักดันพร้อมกับทฤษฎีกั๋วฟู่ลุ่น แรงต้านจากผู้ที่มิเห็นด้วยก็ย่อมน้อยลง ในการคาดการณ์ของฟู่เสี่ยวกวนนั้น เขามองเห็นว่าทั้งสองสิ่งนี้กว่าจะให้ผลสัมฤทธิ์ที่น่าพึงพอใจก็อาจจะต้องใช้เวลานานถึงสองปี

เหล่าพ่อค้าแห่งราชวงศ์นั้นมั่งมีเงินทอง แต่ทว่าปัญหาตอนนี้ก็คือพวกเขามิกล้าเอาเงินไปลงทุน

หากข้ามผ่านความกลัวนี้ไปได้ ผู้ที่ก้าวเดินไปข้างหน้าก่อนก็ย่อมกอบโกยผลกำไรได้ก่อน นอกจากจะมิถูกทางราชสำนักเอารัดเอาเปรียบแล้ว ทางราชสำนักยังให้การสนับสนุนในการปรับกำแพงภาษีอีกด้วย เยี่ยงนั้นการค้าของของราชวงศ์หยูก็จะคึกครื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

และการเจริญงอกงามของภูมิปัญญาก็ย่อมเกิดขึ้น พวกเขาย่อมหาหนทางที่จะเชิญช่างฝีมือมาปรับปรุงอุปกรณ์ทุ่นแรงของพวกเขาให้ทันสมัยอยู่เสมอ แล้วปริมาณสินค้าก็ย่อมทวีคูณขึ้น ราคาค้าปลีกก็จะต่ำลงมาอย่างมหาศาล

สองปีให้หลังต่อจากนั้นไปถึงจะเป็นช่วงริเริ่มการค้าขายระหว่างประเทศ

และแผนการเดิมที่จะส่งองค์หญิงสามแห่งราชวงศ์หยูเสด็จไปยังแคว้นฮวงในช่วงปลายปี เขานั้นยังคงวางแผนการนี้อยู่เสมอ เพราะเพลานี้สายลับของหอซี่หยู่ที่ประจำอยู่ที่แคว้นฮวงนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จุดประสงค์ก็เพื่อซึมซับเข้าไปในทุกหนทุกแห่งของแคว้นฮวง

เขาต้องการไปแย่งม้าศึกมาจากแคว้นอี๋ !

และยังต้องการให้เกิดความโกลาหลขึ้นภายในแคว้นฮวง ด้วยการนำตัวองค์หญิงสามกลับมา !

เรื่องนี้เขาเคยตกลงไว้กับฮั่วหวยจิ่นแล้ว แต่ทว่าช่วงนี้เหมือนว่าเขาจะเริ่มไขว้เขว

ก็เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเพิ่งจะส่งจดหมายมาให้ฟู่เสี่ยวกวน ในจดหมายได้เอ่ยถึงเรื่องที่หาเส้นทางออกสู่มหาสมุทรจากแม่น้ำแยงซี อีกทั้งยังเอ่ยถึงเรื่องที่วานให้ฟู่ต้ากวนเดินทางไปยังเขตเหยา

เยี่ยนซีเหวินผู้ว่าเขตเหยาบัดนี้ได้เตรียมการสร้างท่าเรือแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนนั้นได้เสนอแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่า ก็คือมิเพียงแต่สร้างท่าเรือ แต่ให้สร้างอู่ต่อเรือขนาดใหญ่แห่งใหม่มาอีกด้วย

เขาวางแผนว่าเมื่อกลับจากการเดินทางครานี้ต้องไปเยี่ยมเยียนเรือนของแม่สี่ให้จงได้ เพราะต้องไปหารือกับช่างฝีมือเหล่านั้นในเรื่องของการต่อเรือ

จากนั้นก็ไปดูทำเลที่ตั้งที่จิ่วเย่เสียหน่อย หากว่าดูแล้วเป็นท่าเรือธรรมชาติ เช่นนั้นก็ไปยึดครองมาเป็นของตนเสีย

จำต้องใช้เวลานานพอสมควรที่จะก่อตั้งกองทัพเรือแห่งแรก แต่เรื่องนี้ก็มิได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะเยี่ยงไรเสียเขาก็ต้องใช้เวลาในการเปิดรับสมัครกำลังพล

เขายังคงข้องใจกับความลับในอารามซุ่ยเยว่อยู่เสมอ เขาปรารถนาที่จะไปเยือนซีหรงที่เขตซีฮวงแห่งราชวงศ์หยูพร้อมกับนำกระบี่วิเศษของตนติดตัวไปด้วย เพื่อที่จะไปหาปู้เนี่ยนชือไท่และเด็กหญิงคนนั้นที่เขานำตัวออกมาจากตงเหยียนแห่งภูเขาต้งถิงจวิน

แน่นอนเสียว่าหากได้ใช้โอกาสนี้ทำลายพวกลัทธิบูชาจันทร์ให้สิ้นซากเรื่องนี้ก็คงจะสมบูรณ์แบบตามที่คาดหวัง

……

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือสิ่งที่เขาเตรียมการวางแผนเอาไว้เสียดิบดี แต่มาวันนี้กลับต้องล้มเลิกจนหมดสิ้น จึงทำให้รู้สึกเสียดายมากยิ่งนัก ในเมื่อได้ย้อนกลับมายังโลกนี้ทั้งที เขาก็อยากใช้แรงกายและความสามารถของตนที่มี นำทางคนจำนวนหนึ่งตามรอยเท้าของเขาไปยังทุกซอกทุกมุมทั่วทั้งใต้หล้า

อย่างเช่นยึดแคว้นหลิวเป็นเมืองขึ้น หรืออย่างเช่นเดินทางไปสู่น่านน้ำลึกเป็นต้น

ทว่าเมื่อสถานภาพของตนได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงเหลือความเสียดายให้ราชวงศ์หยูไว้ดูต่างหน้า และเขาก็ทำได้เพียงสนองความตั้งใจของตนในนามของราชวงศ์อู๋แทน เพียงแต่ว่าจนถึงบัดนี้เขาก็ยังไร้ซึ่งภาพมโนทัศน์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อู๋

เขามิรู้เลยด้วยซ้ำว่าแคว้นอู๋แห่งนี้เป็นเยี่ยงไร มีอาณาเขตมากน้อยเพียงใด มิรู้เลยว่าสภาพเศรษฐกิจและแสนยานุภาพของกองทัพนั้นเป็นเยี่ยงไร และก็มิรู้เลยว่าวัฒนธรรมและความเชื่อภายในดินแดนแห่งนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง

ทุกสิ่งอย่างล้วนแต่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด และนี่เป็นการทรยศต่อความตั้งใจที่จะสุขสบายดั่งปลาเค็มตากแห้งของเขาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเขาก็หมดหนทางอื่นแล้วเช่นกัน

เช่นนั้นก็ค่อยเป็นค่อยไปละกัน

……

เมื่อแสงสุริยาเจิดจ้าหมอกบางที่ปกคลุมทะเลสาบจิ้งหูก็พลันสลายและจางหายไป เมื่อแสงแดดกระทบกับผืนน้ำ หนิงซือเหยียนก็ได้นำคนเก้าคนเดินเข้ามาภายในลานของคฤหาสน์จิ้งหู

“องค์ชายใหญ่ขอรับ เหวินสิงโจวและเหล่านักปราญช์ทั้งเก้าได้เดินทางมาเยือน โปรดเตรียมการต้อนรับ ! ”

หนิงซือเหยียนยังคงยืนอยู่ตรงประตูด้านนอกแล้วตะโกนเสียงดังโหวกเหวกเช่นเคย แต่ที่ต่างไปจากทุกคราก็คือเขาได้เรียกฟู่เสี่ยวกวนว่าองค์ชายใหญ่แล้ว !

เหวินสิงโจวและคนอื่น ๆ เมื่อเดินทางมาถึงเมืองกวนหยุนก็ได้รู้ข่าวคราวนี้ในทันที แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้สึกอิ่มเอมใจมากเช่นเดียวกัน อดีตชายหนุ่มอัจฉริยะแห่งราชวงศ์หยู บัดนี้ได้กลายมาเป็นองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์ของตนเสียแล้ว !

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องงานประพันธ์ที่โดนทางราชวงศ์บังคับแนวทางมาตลอด บัดนี้สบโอกาสเปลี่ยนแปลงเข้าแล้ว !

เช่นนั้นก็ลองดูตุ้ยเหลียนนั้นเถิด ดูบทกวีทั้งห้านั้นแล้วลองดูบทความเรือนซอมซ่อที่เขาประพันธ์ออกมาเถิด งานประพันธ์อันล้ำค่าเหล่านี้ได้กลายมาเป็นเกียรติยศของราชวงศ์อู๋แล้วอย่างแท้จริง !

ในช่วงเย็นของวันนั้นเหวินสิงโจวได้ให้เหวินซีรั่วเตรียมอาหารอันโอชะไว้เต็มโต๊ะแล้วดื่มแกล้มกับเหล้าหมักซีซาน

อีกทั้งท่านนักปราชญ์จ้วง อาจารย์ใหญ่ประจำสำนักศึกษาหลีซานและคนอื่น ๆ นั้นก็มิต่างกัน เมื่อบุตรแห่งสวรรค์ได้กลับมายังดินแดนทางใต้ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดอย่างแท้จริงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรยินดีเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาต่างร้องรำทำเพลง ถึงขนาดที่ไปจัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ที่ริมธารหลานซี

สุดยอดบัณฑิตแห่งหลานซีทั้งเจ็ดเว้นแต่อู๋หลิงแล้วก็อยู่ที่นั่นกันทั้งหมด หรือแม้แต่คุณหนูถังซานเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีอาจารย์นักปราชญ์ประจำสำนักศึกษาหลีซานทั้งสี่ท่าน งานเลี้ยงฉลองครานี้มีความกระอักกระอ่วนให้เห็นอยู่บ้าง แม้ว่าพวกเขาต่างเคยได้ยินสิ่งที่ผู้คนกล่าวขานล่ำลือถึงฟู่เสี่ยวอยู่เนือง ๆ แต่ทว่าครานี้กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง !

ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการออกมาแล้วว่าเก้าค่ำเดือนสี่ฟู่เสี่ยวกวนจะติดตามพระองค์ไปงานบวงสรวงสู่สวรรค์ที่วัดเฉินเมี่ยวประจำภูเขาต้าเซวี่ย จากนั้นสิบห้าค่ำเดือนสี่ก็จะได้ไปกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดไท่เมี่ยว และได้สลักชื่อบนสมุดปกทอง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น…อู๋เสี่ยวกวน !

จัวตงหลายเป็นสุดยอดบัณฑิตแห่งหลานซีเพียงคนเดียวที่รู้สึกทุกข์ใจเสียเหลือเกิน

เดิมทีคิดว่าจะใช้โอกาสการแข่งขันในครานี้เหยียบฟู่เสี่ยวกวนให้จมดิน แต่กลับเหยียบออกมาเป็นว่าทีจักรพรรดิเสียนี่ !

นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน จัวตงหลายรู้สึกไม่ดีอยู่ภายในใจ !

การแข่งขันกวีครานี้เจ้านั่นก็แข่งแบบขอไปที แน่นอนว่าย่อมแพ้ให้แก่ตน หากล่วงรู้มาก่อนว่าเจ้านั่นคือว่าที่องค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าจะอยากได้ชัยชนะนี้ไปทำหอกอะไรกัน !

นี่มันมิใช่การแกว่งเท้าหาเสี้ยนเยี่ยงนั้นหรือ !

“ตงหลาย”

“ขอรับท่านอาจารย์ใหญ่”

“เจ้าคิดว่าหากได้ชัยชนะแล้วจะทำให้เจ้าลำบากใจใช่หรือไม่ ? ”

“ใช่ขอรับ ! ”

“ไปดื่มเหล้าเสีย เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ! ”

“…… ? ”